มันผู้ใดพรากชีวิตเธอไป มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิตเช่นกัน แต่ผีสาวจะรู้หรือไม่ว่าคนที่ตามอาฆาตนั้นหาใช่ฆาตกรตัวจริงไม่ เมื่อพี่ชายของสัภยาซื้อที่ดินมาผืนหนึ่งเพื่อพัฒนาเป็นตลาดน้ำ สัภยาจึงไหว้วานตีรณาซึ่งเป็นช่างภาพอิสระ ให้ไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศการก่อสร้าง โดยหารู้ไม่ว่า เรือนไทยเก่าแก่ริมน้ำบนที่ดินผืนนี้ซ่อนอดีตอันน่าสะเทือนใจไว้ ที่แห่งนี้...คือเรือนหอที่หญิงสาวชื่อ ‘อนงค์’ ผูกคอตายในคืนแต่งงานตามการเล่าขานกันมา ทว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น วิญญาณของหญิงสาวเฝ้ารอการกลับมาของชายอันเป็นที่รัก ขณะเดียวกันก็รอวันล้างแค้นคนที่ฆ่าเธอ วิญญาณพยาบาทของอนงค์ตามติดสัภยาและตีรณาไปทุกที่ หลายครั้งที่ชายหนุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอนงค์เชื่อว่าเขาคือคนที่ฆ่าเธอ เขากับตีรณาต้องหาทางปกป้องตัวเองพร้อมกับค้นหาความจริงในอดีต ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อสังเวยความแค้นให้แก่อนงค์เสียเอง
บทที่๑
สายตาชื่นชมภาพวาดบนผืนผ้าใบเปลี่ยนไปทันทีที่เลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงข้อเท้าเรียวสวยของนางแบบในภาพ เจ้าของสายตาเยี่ยมหน้าเข้าไปมองภาพเพื่อความชัดเจน ก่อนจะตบเปรี้ยงเข้าเต็มไหล่หนาของคนวาดจนพู่กันในมือกระเด็น สีเปรอะผืนผ้าใบจนรูปที่กำลังรังสรรค์ผิดเพี้ยน พร้อมกับที่เสียงโวยวายของทั้งคนถูกรังแกและคนลงมือดังขึ้น
“ฉิบหายหมด ป้าบ้าหรือเปล่า ตบมาได้ เละ!”
“แกนะสิบ้าหรือเปล่า วาดกำไลข้อเท้าทำไม แหกตาดูสิต้นแบบมีกำไลที่ไหน ชุดราตรีเลิศหรูอลังการแบบนี้ มันเหมาะกันตรงไหนกับกำไลที่แกเติมลงไป”
“เฮ้ย! ตาฝาดแล้ว ไม่ได้วาดลงไปซะหน่อย กำไลข้อเท้าอะไรของป้า” คนวาดโวยวายปฏิเสธ
“นี่ไง แหกตาดู” คนจับผิดจิ้มลงไปให้เห็นชัดๆ โดยไม่กลัวมือเปรอะเปื้อน
“เฮ้ย! มาได้ยังไง”
“ก็แกวาดเอง ฉันมองอยู่”
“ไม่จริง ผมวาดตามแบบ ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเลย” คนเถียงเกาหัวแกรก ผมฟูที่มัดหางม้าไว้หลวมๆ รุ่ยร่าย นางแบบที่โพสท่าสวยงามนิ่งเป็นหุ่นให้วาดรูปเปลี่ยนอิริยาบถแล้วก้าวมาหาอย่างมาดมั่นทันที เพราะเห็นสองคนถกเถียงกัน
“มีอะไรคะเมื่อยนะ มัวทะเลาะกันอยู่ได้ ว้าย! ทำไมเป็นแบบนี้ละพญา” ญาณิศาหน้าง้ำทันทีที่เห็นความเสียหายของภาพวาดสีน้ำมันที่ตนเป็นแบบให้เพื่อนหนุ่มลงมือวาด สู้ทนยืนจนขาแข็ง แต่รูปก็มาเสียหายด้วยสีที่ไถลยาวเป็นทาง เธอเห็นว่าพี่สาวตนเป็นคนตบไหล่สัภยาหรือชื่อที่เพื่อนๆ เรียกพญา ทำให้รูปวาดผิดเพี้ยน แต่มันคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นถ้าหากเขาไม่เติมกำไลข้อเท้าลงไป
“กำไลเชยๆ ใส่มาทำไม มันเข้ากับชุดของศาหรือก็เปล่า เสียอารมณ์ เสียเวลา ไม่เอาแล้ว ศาไปนวดดีกว่า”
“ศา อย่าเพิ่งสิ ผมขอโทษ คือผม โอ๊ย จะพูดยังไงดี คือผมไม่ได้”
“ไม่ต้องแก้ตัว เพราะฉันมองอยู่ นายจงใจเติมลงไป” ตีรณายืนยัน ก่อนหันไปมองน้องสาวแท้ๆ ที่งอนตุ๊บป่องเดินหนีไป
“ผมเปล่านะป้า” สัภยายังเถียง จึงถูกคนที่เรียกว่าป้า ตบหัวจนผมรุ่ยร่ายนั้นกระจุยกระจายรุงรังกว่าเดิม
“ยังจะเถียง”
“โอ๊ย! ป้า ตบหัวอีกแล้ว ผมไม่ใช่ลูกป้านะ ตบจนหาเมียไม่ได้แล้วเนี่ย เพราะป้าคนเดียว” สัภยาต่อว่าง้องแง้งแต่ไม่มีความโกรธเคืองเจือปน อาจเพราะตีรณาเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยและเป็นพี่สาวของญาณิศานางแบบที่เดินงอนจากไปเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน
สองคนพี่น้องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ตีรณาดูแกร่งกร้าวและห้าวเกินหญิง ถ้าจะเรียกว่าเป็นทอมบอยก็คงไม่ผิด ในขณะที่น้องสาวนั้นสวยเฉิดฉายสมกับอาชีพนางแบบและนักแสดงที่เธอใฝ่ฝัน
“หาไม่ได้หรือเลือกไม่ถูก” ตีรณาย้อน น้ำเสียงแกว่งเล็กน้อยเพราะรู้ว่าสัภยามีผู้หญิงเข้ามาพัวพันมากหน้าหลายตา เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดีและฐานะร่ำรวย
สัภยาหันมาสบตาแต่ไม่พูดอะไร แล้วหันไปเก็บอุปกรณ์อย่างเซ็งในอารมณ์หลังเพ่งภาพวาดบนผืนผ้าใบฝีมือตนเอง อะไรก็สวยไปหมดเสียแต่ตำหนิของภาพจากรอยปาดพู่กันและกำไลข้อเท้า
กำไลข้อเท้า!
เขาเพิ่มเติมมันลงไปด้วยเหตุผลใด สัภยาให้คำตอบตนเองไม่ได้
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"