เบญจมินทร์และวสุกัญญา ทั้งคู่เคยรักกัน จดทะเบียนสมรสด้วยกันแบบเงียบ ๆ แต่แล้วในวันที่เบญจมินทร์ตกต่ำ ล้มละลาย วสุกัญญากลับบอกให้เขาหย่าขาดจากเธอ หลังหย่าขากจากวสุกัญญา เบญจมินทร์ได้พบกับอดีตภรรยาของเขาอีกครั้งที่โรงพยาบาล เธออยู่ในชุดคลุมท้อง แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กที่อยู่ในท้องของเธอนั้นต้องเป็นลูกของเขาอย่างแน่นอน เนื้อหาจากบางช่วงบางตอน “พี่เบญคะ” ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวคนนั้น ทำเอาวสุกัญญาใจหาย หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ พร้อมคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าโลกคงไม่กลมและแคบถึงขนาดนั้นหรอก โชคชะตาจะไม่เล่นตลกกับเธอใช่ไหม แต่แล้วก็พบว่าทุกอย่างกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของเธออยู่ ชายร่างสูงใหญ่ท่วงท่าอากัปกิริยาคุ้นเคยที่ถูกเรียกว่า ‘พี่เบญ’ กำลังตรงมาทางนี้ เขาคงเป็น ‘พี่เบญ’ ของหญิงสาวคนสวยคนนั้น แต่นั่นก็ไม่น่าหวั่นใจมากเท่ากับเขาคือ ‘เบญจมินทร์’ ผู้ซึ่งเป็นอดีตสามีของเธอ และเธอกับเขาก็เพิ่งเซ็นใบหย่า ปลดปล่อยอิสรภาพให้กันและกันไป เมื่อห้าเดือนก่อนนี้เอง
วสุกัญญารับยาบำรุงครรภ์จากเภสัชกรแล้วค่อยแวะเข้าห้องน้ำก่อนกลับบ้าน อายุครรภ์ของเธอมากขึ้นก็เริ่มต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น หลังจากทำธุระเรียบร้อย ออกมาที่ด้านนอกเพื่อล้างมือเธอพบว่ามีคนยืนล้างมืออยู่ก่อนหน้า ทางนั้นมองเธอผ่านเงาสะท้อนของกระจกก่อนทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรทั้งยังชวนคุยอีกด้วย
“กี่เดือนแล้วคะ” เสียงถามสดใสทีเดียว เธอยิ้ม ตามองลงที่หน้าท้องนูนก่อนตอบกลับไป “หกเดือนแล้วค่ะ” ค่อยขยับไปอีกอ่างแล้วยื่นมือล้างที่ตรงนั้น
“ว้าว ใกล้จะคลอดแล้วสินะคะ คุณแม่ยังสวยอยู่เลยไม่รู้ว่าถึงคราวฉันบ้างจะสวยแบบนี้ไหมนะคะ” หญิงคนนั้นยังคงชวนสนทนาต่อ ถามว่าลูกในท้องของเธอเป็นหญิงหรือชาย เธอไม่ได้คุยอะไรมากนัก ถามคำถามมาเธอก็ตอบออกไปเท่านั้น แค่ยืนล้างมือนั่นหญิงคนนั้นก็คุยกับเธอได้หลายคำถามแล้ว วสุกัญญาไม่ได้ร่ำลาใคร เธอมักถูกเรียกว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีมิตรไมตรีเท่าไรนักเพียงเพราะพูดน้อยและไม่ค่อยยิ้มให้ใครง่าย ๆ ทันทีที่เดินออกจากห้องน้ำ ก็พบว่าหญิงสาวคนที่พยายามชวนเธอคุยเดินตามหลังออกมาด้วย หล่อนเรียกหาคนที่ยืนรอด้านนอกด้วยเสียงที่ดังอยู่พอประมาณ
“พี่เบญคะ”
ชื่อที่หลุดออกจากปากของหล่อนทำเอาวสุกัญญาใจหาย หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ พร้อมคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าโลกคงไม่กลมและแคบถึงขนาดนั้นหรอก โชคชะตาจะไม่เล่นตลกกับเธอใช่ไหม
แต่แล้วก็พบว่าทุกอย่างกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของเธออยู่
ชายร่างสูงใหญ่ท่วงท่าอากัปกิริยาคุ้นเคยที่ถูกเรียกว่า ‘พี่เบญ’ กำลังตรงมาทางนี้แล้ว
เขาคงเป็น ‘พี่เบญ’ ของหญิงสาวคนสวยคนนั้น แต่นั่นก็ไม่น่าหวั่นใจมากเท่ากับเขาคือ ‘เบญจมินทร์’ ผู้ซึ่งเป็นอดีตสามีของเธอ และเธอกับเขาก็เพิ่งเซ็นใบหย่าปลดปล่อยอิสรภาพให้กันและกันไปเมื่อห้าเดือนก่อนนี้เอง
เบญจมินทร์ไม่ได้ชะลอฝีเท้าของเขาลง
ชายหนุ่มเดินตรงมาทางนี้ และสายตาคมของเขาก็ไม่ได้จับจ้องไปยังคนที่เรียกหาเขาด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่มองมาที่เธอ
สายตาของเขากวาดมองที่ชุดของเธอ มองหน้าท้องนูนดันชุดออกมาเพราะมีเจ้าตัวน้อยกำลังโตขึ้นทุกวันอยู่ในท้องของเธอนิ่ง ๆ ปากหนักของเขาเปิดออกช้า ๆ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วหญิงสาวหน้าตาสวยสดใส ท่าทางร่าเริงก็ตรงเข้าไปคล้องแขนของเบญจมินทร์พร้อมแหงนหน้าบอกด้วยรอยยิ้มสดใส
“เราไปกันเถอะค่ะ พี่หมอรอแล้วป่านนี้ รอบนี้ฝากไข่กับน้ำเชื้อเลยนะคะ ถ้าหลังจากนี้เรายังไม่ติดลูกอีกก็คงต้องให้พี่หมอช่วยเราแล้วล่ะค่ะ”
บทสนทนาของทางนั้นเสียดแทงหัวใจของวสุกัญญาไม่น้อย
วสุกัญญาไม่ได้อยู่รอฟังว่าสองคนนั้นคุยอะไร วางแผนอะไรกันอีก เธอเดินโอบครรภ์ของเธอเอง หันกลับไปยังประตูทางออกของโรงพยาบาล
ภาพตรงหน้าเธอเลือนรางแบบเดียวกับความทรงจำที่เคยมีต่อเขา หลังหย่าขาดจากกัน เธอรู้ว่าเขาเข้าพิธีสมรสต่อจากนั้นในทันที
และเธอก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงในชีวิตของเขา เธออยากเห็นเขาก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ตั้งแต่เบญจมินทร์คบหากับเธอเขาก็ถูกตัดขาดทุกทางจากครอบครัวของเขา ลูกชายที่เคยอยู่แบบสุขสบายต้องมาลำบาก เท่านั้นไม่พอยังถูกตัดแข้งตัดขาจนธุรกิจที่เขากับเธอช่วยกันก่อตั้งขึ้นมาเสียหายไปหลายรอบแล้ว
เธออยากให้เขาประสบความสำเร็จ เขาไม่จำเป็นต้องมีเธอก็ได้ เธอยอมปล่อยให้เขาไปพบกับความเจริญก้าวหน้า ไปตามทางที่เขาฝันและปรารถนา ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ตามหาเธอ และไม่ติดใจเรื่องที่เธอตั้งครรภ์นี่หรอก
หลังหย่าขาดจากกัน วสุกัญญาย้ายมาอยู่ยังอีกซีกของเมือง เธอได้อยู่บ้านเช่าเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่มากพอให้สุนัขได้วิ่งเล่น และเตรียมรอเจ้าตัวน้อยในครรภ์ที่กำลังลืมตาดูโลกในไม่ช้านี้ วันนี้ นาทีนี้แล้วเธอไม่ค่อยได้คิดถึงตัวเองเท่าไรนัก
โรงพยาบาลที่เลือกฝากครรภ์ก็กัดฟันยอมจ่ายเพื่อให้ได้แพทย์ดี ๆ แต่ก็ไม่วายมาเจอกับเขาที่นี่อีกครั้ง หรือรอบหน้าเธอจะย้ายโรงพยาบาลดีนะ
ครุ่นคิดพร้อมกับเตรียมตัวลงจากรถที่มาส่งยังหน้าบ้านเช่า เธอชำระค่าโดยสารแล้วค่อยเปิดประตูลงไป
ดันรั้วออกแล้วล็อกมันลงอย่างเดิม เดินตรงเข้าบ้าน นั่งพักไม่ทันหายเหนื่อยดีเลย ออดที่ด้านหน้าก็ร้องดังขึ้น วสุกัญญาลุกขึ้นยืนมองจากด้านใน เห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยยืนตากแดดตรงนั้นก็นึกอยากให้เขาอยู่ตรงนั้นไปเลยนาน ๆ แต่ก็อดเห็นใจเขาไม่ได้ ใจของเธอไม่แข็งพอ
ขยับหลบพร้อมกับคิดไปว่า แล้วนี่เขารู้แล้วอย่างนั้นหรือว่าเธอพักที่บ้านเช่าหลังนี้
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ ไม่อยากออกไปพบหน้าเขา เมื่อครู่นี้เบญจมินทร์คงไม่ทันสังเกตเรื่องท้องของเธอหรอก คิดอย่างต้องการให้กำลังใจตัวเอง มองที่ท้องนูนนิ่งอีกอึดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง รอบนี้ตามมาด้วยเสียงเรียกของเขา
“กัญญาเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
เธอไม่อยากยั่วอารมณ์ของเขาเลย คนอื่นอาจมองว่าเขานิ่ง แต่หากเขาโมโหขึ้นมาแล้วอะไรก็ฉุดคนอย่างเบญจมินทร์ไม่อยู่ เธอเคยเห็นเขาทะเลาะอย่างรุนแรงกับทนายของสถาบันการเงินที่เข้ามาเจรจากับเขาเรื่องหนี้สินของบริษัทที่เขาก่อตั้งด้วยตัวเอง แล้วทางนั้นทำยึกยักเรื่องเอกสารทางการเงิน จนเขาสติแตก ฉุนขาดตวาดไล่ออกจากบริษัททันที
แล้วก็มีอีกครั้งตอนที่เธอขอหย่าจากเขา วันนั้นเบญจมินทร์ที่ถามเธอถึงเหตุผล เสียงของดุดันมีที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
แล้วทุกอย่างก็มีแต่แย่ลง จนเธอมองดูเขาล้มเหลวไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หนทางไหนที่ช่วยเขาได้ เธออยากช่วยเขาทุกทาง
ถอนใจออกมายาว ๆ ครุ่นคิดอีกครู่ใหญ่แล้วค่อยเดินออกประตูตรงไปยืนคุยกับเขาที่รั้วของบ้าน
“มีอะไรหรือคะ”
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ” เบญจมินทร์ถามกลับเสียงหยัน สายตาคมที่แปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์เวลาอยู่กับเธอสองคนมองลงที่ท้องนูนก่อนพูดขึ้นว่า “ยังจะถามพี่อีกว่า ‘มีอะไรหรือคะ’ ก็หนูท้อง”
วสุกัญญารู้สึกแปลบในใจที่เขาเรียกเธอด้วยคำนี้ ‘หนู’ คำเรียกที่แสดงความเป็นเจ้าของของเขากับเธอ แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้วและเขาไม่ควรใช้คำแบบนี้กับเธออีก
เขาและเธอสิ้นสุดพันธะทางกฎหมายต่อกันแล้ว
และเขาก็แต่งงานใหม่แล้ว
วสุกัญญาก้มลงมองที่หน้าท้องนูน ๆ ของตัวเอง ไม่รู้จะบอกว่าไม่ท้องได้ไหม ก็หลักฐานเด่นชัดออกขนาดนี้ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา “ใช่ค่ะ”
“กับพี่?” เขาถามต่อแทบทันทีโดยที่เธอยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ วสุกัญญาถอนหายใจก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน
“อย่าเดินหนีพี่แบบนี้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
เบญจมินทร์ไม่ง้อเรื่องประตูรั้วอีกแล้ว เขาปีนรั้วบ้านเข้ามาก่อนจะเดินไปดักที่ตรงหน้าของเธอ “แล้วไหนว่าจะไปแต่งงานกับไอ้รุ่นพี่ที่ว่าเป็นหมอนั่นไง ไม่แต่งด้วยกันแล้วหรือ ไหนว่าคบกันตั้งแต่เรายังไม่หย่า พี่ก็เปิดทางให้หนูแล้ว แล้วทำไม นี่โกหกพี่ใช่ไหม เรื่องที่คบกับหมอเวรห่าเหวอะไรนั่น ก็ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม”
เธอเบือนหน้าหลบไปมองทางอื่น ไม่เก่งพอที่จะพูดจาโกหกเขา แล้วบ่ายเบี่ยงบอกไปว่า “เรื่องของกัญญากับพี่หมอคงยังไม่ทำอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้กัญญาต้องดูแลลูกในท้องไปก่อนจนกว่าจะคลอด”
“โกหก โกหกทุกอย่างนั่นเลยใช่ไหม หนูหลอกพี่ทำไม”
“คุณมีเรื่องอยากคุยเท่านี้ใช่ไหม”
“พี่ไม่ยอมอีกแล้ว ลูกของพี่ พี่จะดูแลเอง”
“แต่คุณหย่าขาดจากฉันแล้ว และก็แต่งงานใหม่ไปแล้ว กรุณาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเถอะค่ะ เราต่างคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง ปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาเป็นความทรงจำระหว่างเราไปเถอะ อย่ามาฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรอีกเลย”
เบญจมินทร์มองเธอด้วยสายตาไม่เข้าใจ ตัดพ้อสับสนและสิ้นหวัง
เขาจะโง่แค่ครั้งนี้ ครั้งเดียว เขาจะไม่ยอมให้วสุกัญญามาหลอกเขาได้อีกแล้ว
“พี่ต้องการสิทธิ์ของพ่อ”
“ฉันให้ลูกรู้จักคุณในฐานะของคุณลุงได้นะ”
เบญจมินทร์มองเธอด้วยสายตาขุ่นเคืองไม่พอใจแต่แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้สูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองลึก ๆ แล้วยื่นข้อเสนอที่คิดว่าตัวเองได้เปรียบมากที่สุด
“อย่างนั้นพี่ก็จะให้ทนายเข้ามาคุย เรื่องลูก เรื่องของเราอีกที”
“ก่อนจะให้ทนายเข้ามาคุย คุณน่าจะบอกภรรยาของคุณก่อนนะคะ ว่าแต่คุณกล้าบอกเธอหรือว่าคุณมีภรรยามาก่อนหน้านี้แล้วน่ะค่ะ” วสุกัญญาไม่อยากพูดยั่วเขาแบบนี้เลย แต่หากเธอไม่แข็งใส่ ไม่ใช้ยาแรง ๆ กับคนแบบเบญจมินทร์ก็จะไม่ได้ผล เธอจะไล่เขาไปไหนไม่พ้น เธอรู้ว่าเขาแต่งงานกับหญิงสาวท่าทางสดใสคนนั้นแล้วหลังจากเซ็นใบหย่าให้เธอเพียงเดือนเดียว
และทั้งหมดนั่นก็ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับเขาทั้งสิ้น
เธออยากมีส่วนช่วยกอบกู้ฐานะของเขา อยากมีส่วนช่วยฟื้นฟูธุรกิจของเขา รวมไปถึงความช่วยเหลืออีกสารพัดที่พ่อและแม่ของเขาช่วยกันหยิบยื่นให้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องถูกขัดแข้งขัดขา หรือปิดกั้นหนทางการดำเนินธุรกิจอีก
แต่พอนึกถึงสิ่งที่เขาคุยกับเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ของเขาในวันนั้นก็ยิ่งน้อยใจที่เธอช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ซ้ำยังเป็นตัวถ่วงในชีวิตของเขาอีกด้วย
“ทุกอย่างที่ทุกคนทำ เขาหวังดีกับคุณทั้งนั้น” ...รวมถึงฉันด้วย
วสุกัญญาบอกด้วยเสียงแผ่วเบาลง จบประโยคก็เม้มปากไว้ให้แน่น ละประโยคหลังเอาไว้ไม่เอ่ยออกไปให้เขารู้
ในเมื่อเธอตัดสินใจแบบนี้แล้ว ก็อย่าได้แสดงท่าทางหรือพูดจารั้งเขาเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยพันธะผูกพันหรือเรื่องของลูกที่กำลังจะลืมตามองโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก็ตาม
เบญจมินทร์แต่งงานใหม่ไปแล้ว ภรรยาของเขาก็จะมีลูกให้เขาได้เช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ความรู้สึกผิดชอบกำลังรบกวนจิตใจของเขาเท่านั้น
“แล้วถ้าคุณยังพยายามเรียกร้องให้ตัวเองเป็นพ่อของลูกในท้องฉันอีก คุณจะไม่ได้เจอลูกรวมถึงฉันอีกเลยตลอดชีวิต” เธอเน้นคำหลังพร้อมแข็งใจมองตาเขานิ่งไม่เผยความเจ็บปวดให้เขาจับได้เป็นอันขาด
เบญจมินทร์ใช้สายตาของเขามองค้นหาคำตอบจากแววตาของเธอ ก่อนที่สายตาเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในนาทีต่อมา
วสุกัญญากล้ำกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่จุกขึ้นมาอยู่ตรงคอแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านออก ไล่เขาให้ออกไปจากบ้านเช่าของเธอด้วยมือที่สั่นราวกับจับไข้ ความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับเขาทั้งหมดที่มีจงช่วยอยู่เป็นแรงใจ เป็นแรงขับเคลื่อนให้เธอต่อสู้บนโลกนี้ต่อไปให้ได้ด้วยเถอะ
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน