ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
“ถิงหย่วน แกก็แต่งงานกับหยุยเอินมาสามปีแล้วนะ ควรคิดที่จะมีลูกได้แล้ว”
น้ำเสียงอันหนักแน่นของชายชราลอยออกมาจากห้องอ่านหนังสือที่ประตูเปิดไว้อยู่
คำพูดอันแสนเย็นชาของชายคนหนึ่งดังขึ้นตามมา “จะให้มีลูกกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ยังไงกันครับ”
หยุยเอินกำลังจะเคาะประตูบอกพวกเขาว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอก็หยุดชะงักทันที ใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอก็ซีดเผือดลง
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเริ่มหมดความอดทนลงเล็กน้อย “คุณปู่ครับ ผมจะพูดกับคุณปู่ให้ชัดเจนอีกรอบนะครับ ผมกับหยุยเอินมีลูกด้วยกันไม่ได้ คุณปู่ล้มเลิกความคิดพวกนี้ไปได้เลย”
“ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!” ชายชราสบถออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เขาทิ้งแก้วใบหนึ่งลงกับพื้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าของชายคนหนึ่งที่เดินออกไป
หยุยเอินรีบไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำที่อยู่ข้าง ๆ เพราะว่าเธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เอวของเธอจึงถูกขอบแหลม ๆ ของอ่างล้างมือบาดเข้าอย่างแรง
บาดแผลนั้นเจ็บลึกไปทั่วทั้งตัว แผ่ขยายไปจนถึงในหัวใจเลยทีเดียว เธอเจ็บปวดมากจนน้ำตาเอ่อล้นไปท้วมดวงตา
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอได้รับแจ้งใบรับรองการตั้งครรภ์ใบหนึ่งในโทรศัพท์ ซึ่งคนที่ส่งมาคือ เซิ่นเหยา นางฟ้าที่สามีของเธอฝู้ถิงหย่วนกำลังหลงใหลอยู่
ส่งมาพร้อมกับคำพูดเสียดสีของเซิ่นเหยาด้วย……
“หยุยเอิน เธอแต่งงานกับถิงหย่วนมาสามปีแล้ว แต่เขาไม่เคยรักเธอเลย เธอนี่ช่างล้มเหลวเสียจริงนะ”
“เธอได้เเต่ตัวของเขา เเต่กลับไม่ได้ใจของเขาเลย มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่ถนัดทำเรื่องต่ำต้อยไม่เคารพตัวเองเช่นนี้ ถ้าเป็นฉันก็คงจะอับอายจนกระโดดตึกฆ่าตัวตายไปนานแล้ว”
ก่อนแต่งงาน หยุยเอินไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เซิ่นเหยามีตัวตนอยู่จริง
จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน ฝู้ถิงหย่วนไม่กลับมาทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวอื้อฉาวของเขากับเซิ่นเหยาดาราสาวชื่อดังที่เดินเข้าออกโรงแรมก็ดังสนั่นไปทั่ว
เธอถึงได้เข้าใจว่า ที่แท้สามีของเธอมีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว
ที่น่าตลกก็คือ ในตอนนั้นเธอยังคงคาดหวังว่าเธอจะได้ความรักเเละความสุขจากเขา เธอคิดว่า เขาคงจะเปลี่ยนเเปลงตัวเองได้หลังจากที่เเต่งงานกันเเล้ว เธอจึงลาออกจากงาน เเล้วกลายมาเป็นภรรยาอย่างเต็มตัวของเขาด้วยความอุ่นใจ
เเต่น่าเสียดายที่สามปีต่อมา……
ทันทีที่เธอเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เธอเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว
ในสายตาอันปริ่มน้ำตาของเธอนั้น เธอเห็นชายผู้เย็นชาเดินเข้ามา เขาก็คือ ฝู้ถิงหย่วน สามีของเธอนั่นเอง
ท่าทางของเขาเย็นยะเยือกยิ่งนัก ชุดสูทสีดำทั้งตัวของเขายิ่งเพิ่มรัศมีโหดร้ายให้แผ่ออกมามากขึ้นไปอีก พอเข้ามา เขาก็บีบกรามของเธออย่างไม่เกรงใจใด ๆ “ไปยุให้คุณปู่เร่งให้ผมมีลูกกับคุณเหรอ? หยุยเอิน ไม่กี่ปีมานี้ฝีมือของเธอช่างพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ เลยนะ จริงไหม? !”
ยังไม่ทันที่หยุยเอินจะอ้าปากพูดอะไร ดวงตาของเขาก็ยิ่งหนาวเหน็บราวกับป่าดิบชื้น “เมื่อสามปีก่อน คุณได้วางแผนเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูลฝู้ ตอนนี้คุณคงอยากใช้ลูกเป็นข้ออ้างในการพึ่งพาตระกูลฝู้ไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหม?”
สีหน้าของหยุยเอินเปลี่ยนไป เธอกัดริมฝีปากแน่น “ไม่ใช่นะ!”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมถึงต้องเป็นยายแม่มดมาแอบฟังการสนทนาของผมกับคุณปู่ด้วยล่ะ?”
สายตาของถิงหย่วนเย้ยหยันยิ่งนัก “แต่ว่า คุณคงมาได้ยินพอดีสินะ จะได้รู้ว่าผมรู้สึกกับคุณยังไง หยุยเอิน คุณจะให้กำเนิดลูกของผมอย่างนั้นเหรอ คุณไม่คู่ควรเลย!”
คำพูดอันแสนโหดร้ายของถิงหย่วนทำให้หยุยเอินกำมือทั้งสองข้างไว้เเน่น เล็บของเธอจิกเข้าไปในฝ่ามือของเธอเป็นรอยลึก
เธอรู้มาตลอดว่า ถิงหย่วนไม่ได้รักเธอ แต่พอได้ยินเขาพูดกับปากของเขาเองว่า “ไม่คู่ควร” วลีนี้ได้ทิ่มแทงหัวใจเธอราวกับโดนมีดปักนับหมื่นเล่ม
เป็นเวลาสามปีแล้วที่เธอพยายามทำหน้าที่เป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มที่ เธอไม่กล้าที่จะหยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอคิดว่า เธอสามารถทำให้หัวใจของถิงหย่วนจะค่อย ๆ ละลายลงมาบ้าง แต่ตอนนี้เธอพบว่า หัวใจของเขาเป็นภูเขาน้ำแข็งหมื่นปี ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถละลายมันได้
“ถิงหย่วน ในช่วงระยะเวลาสามปีมานี้ คุณเคย…… ชอบฉันสักนิดไหม?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ร่างกายของเธออดทนแรงสั่นสะเทือนเอาไว้อย่างแรงกล้า ราวกับว่าเธอได้ใช้พละกำลังและความกล้าหาญทั้งหมดของเธอไปหมดเเล้ว
คำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและแผ่วเบาเช่นนี้ทำให้ในใจของถิงหย่วนรู้สึกแปลก ๆ แต่ชั่วพริบตาก็จางหายไป
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “แล้วคุณว่าไงล่ะ?”
การเยาะเย้ยถากถางของเขาทำลายฟางเส้นสุดท้ายในใจของหยุยเอิน หัวใจของเธอเจ็บปวดมากเสียจนรู้สึกชาไปทั่วร่าง
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น