เพียงแค่ฉันสอบตก พี่ชายตัวดีก็ถึงกับดั้นด้นไปหาครูสอนพิเศษมาให้ ตอนแรกฉันก็เบื่อ แต่พอได้เจอหน้าครูสอนพิเศษคนนั้นความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนไป "คนอะไรน่าจับทำผัว" อุปส์! >///< ........................................................................ ความฉิบหายมันจะเริ่มมาเยือนถ้าหากเพื่อนของคุณเอ่ยขอความช่วยเหลือ ชีวิตของผมตอนแรกมันก็สงบสุขอยู่หรอก แต่พอมาเจอกับยัยเด็กที่ชื่อ 'สโนว์ไวท์' เข้า ชีวิตผมก็ไม่เคยสัมผัสกับคำว่าสงบสุขอีกเลย "ทำยังไงก็ได้ให้น้องกูเรียนเก่งขึ้นก็พอ" "เปลี่ยนสมองง่ายกว่านะกูว่า" ปกติผมเป็นคนที่นิ่งและใจเย็น แต่พอมาอยู่กับเธออารมณ์ของผมมันก็ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนที่ใกล้จะบ้าเต็มที "เรื่องรักอ่ะเซียน แต่เรื่องเรียนไม่รู้เรื่อง"
“ว้าว~ รุ่นพี่คนนั้นหล่อจังเลยค่าาา” นี่เป็นเสียงวี๊ดว้ายของฉันเอง ฉันชื่อสโนว์ไวท์ เป็นเด็กนักเรียนมอปลายที่น่ารักใสๆ และไสยศาสตร์ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งแซวรุ่นพี่ที่เตะบอลอยู่กลางสนามกีฬาของโรงเรียน
ฉันไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว เพราะมีเพื่อนร่วมขบวนการที่เป็นตุ๊ดซี่ส์สองคนนั่งขนาบข้างซ้ายขวา พวกเธอทั้งสองมีชื่อว่า ไวโอกับลอเรียลเหตุผลที่มีชื่อนี้ก็เพราะว่าหล่อนทั้งสองติด ROV กันหนักมาก
ที่เล่นเกมนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะตีป้อม แต่อยากตีไข่ผู้ชายมากกว่า ถ้าถามว่าฉันเล่นไหม?
เหอะ! แน่นอนว่าไม่พลาด
มีผู้ชายที่ไหน ที่นั่นต้องมีฉัน นี่คือคติประจำใจของพวกเรา
แต่เห็นแรดๆ แบบนี้ก็ใช่ว่าฉันจะยอมให้ผู้ชายจิ้มอะจึ๊กๆ ง่ายๆ นะ พวกเราแรดกันแบบพอเป็นพิธี พอหอมปากหอมคอ ไม่ใช่เห็นอะไรก็โยนเข้าปาก (?)
สำหรับชื่อที่แท้จริงก่อนดัดแปลงของตุ๊ดซี่ส์ทั้งสองนั้น ไวโอ มีนามเดิมว่า สมชาย ส่วนลอเรียลมีนามเดิมว่าสมศักดิ์ แค่ได้ยินชื่อนี้ก็สะพรึง!
ด้วยความร่างเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อเรียกของตัวเองใหม่ ซึ่งสำหรับฉันก็คิดว่าควรเปลี่ยนจริงๆ นั่นแหละ เพราะขนาดเป็นเพื่อนกันฉันยังกลัวพวกหล่อนเลย
“พี่ขาเพื่อนหนูขอดมกางเกงในค่าาา”
“เฮ้ย!” พวกเราสามคนถึงกับอุทานกันออกมาดังลั่น เมื่ออยู่ๆ ก็มีตุ๊ดซี่ส์อีกแก็งตัดหน้า เหมือนกลุ่มนั้นจะมาเหนือกว่าฉันด้วย ต้องหน้าหนาขนาดไหนถึงพูดออกมาแบบนั้นได้ งง!
“เอาไง ยอมเหรอ” ฉันหันไปถามเพื่อนร่วมขบวนการสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หล่อนทั้งสองกรอกตาไปมาจนแทบกระเด็นออกนอกเบ้า
“ควรยอมอ่ะ ครั้งนี้ไม่สู้” นี่เป็นเสียงโวโอ
“นึกภาพตามละขมคอ” และตามมาด้วยเสียงของลอเรียล เธอพูดพร้อมกับทำท่าทางพะอืดพะอม ไม่ต้องแปลกใจหรอก พอดีเธอเป็นนักจินตนาการอยู่แล้ว ก็เลยชอบคิดอะไรเกินเหตุ
“จะเย็นแล้วกลับบ้านกัน” ฉันเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของตัวเองมาสะพายที่ไหล่ หลังจากมองดูนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้ว
ขณะที่กำลังจะเดินไปหน้าโรงเรียนพวกเราทั้งสามคนก็ต้องเดินผ่านทางที่แก็งตุ๊ดซี่ส์อีกกลุ่มนั่งกันอยู่
บุคคลเหล่านั้นหันมามองพวกฉันด้วยสายตาจิกกัด อย่าคิดว่าฉันจะกลัว เมื่อเห็นแบบนั้นพวกเราทั้งสามก็พากันสะบัดหน้าเชิดๆ และเดินอกผายไหล่ผึ่งกันเต็มที่
ให้มันรู้ซะบ้างว่าแคทวอล์คนี้ใครครอง
“กลับบ้านกันดีๆ นะ ระวังโดนฉุด” ฉันโบกมือลาเพื่อนตุ๊ดซี่ส์ทั้งสองหน้าโรงเรียน เมื่อล่ำลากันเรียบร้อยฉันก็เดินไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่
“ซิ่งเลยพี่ซิ่งเลย!” ฉันถกกระโปรงแล้วกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์
“เด็กแว้นบ่หนิ?” พี่คนขับเอี้ยวตัวหันมาถามอย่างสงสัย
“พี่มองยังไงเป็นเด็กแว้น หนูอ่ะเด็กเรียน”
“แม่นบ่น้อ” พี่เขาพูดเหมือนไม่เชื่อ ขณะยื่นหมวกกันน็อคให้ ฉันเอื้อมมือไปรับมาสวม เมื่อพี่เขาเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วพี่เขาก็พาฉันซิ่งจริงๆ
ฉันแค่พูดเพื่อเกรียนตามประสาแต่ก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะทำ ถ้าไม่ถึงบ้านก็ต้องไปทัวร์นรกกันแล้วล่ะ
เอี๊ยด!!
“พี่จอดทำไมคะ” ฉันถามอย่างงงๆ เมื่ออยู่ๆ พี่เขาก็จอดอยู่ตรงหน้าเซเว่นด้านข้างโรงเรียน
“บ้านน้องอยู่ซอยไหน พี่ลืมถาม” พี่เขาหัวเราะออกมาแห้งๆ เออ ฉันเองก็ลืมบอก สมองปลาทองก็แบบนี้แหละ นี่ฉันว่าตัวเองนะ ไม่ได้ว่าพี่วินมอเตอร์ไซค์
“อยู่ซอย...” ฉันบอกซอยบ้านตัวเองละเอียดยิบ นี่ถ้าหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าได้ฉันก็จะหยิบมาวาดแผนที่ให้พี่เขาด้วยเลย แต่...จะดูรู้เรื่องไหมนั่นก็อีกเรื่อง
พี่วินมอเตอร์ไซค์บิดแฮนด์รถอีกครั้งเพื่อให้รถขับเคลื่อน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ขับมาจอดที่หน้าบ้านของฉัน
ฉันกระโดดลงจากรถ แล้วถอดหมวกกันน็อคยื่นคืนให้พี่เขา พร้อมกับจ่ายเงิน
“รอแป๊บนะพี่ พึ่งแคะกระปุกไอ้เข้มา” ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงแล้วหยิบเหรียญบาทออกมานับให้พี่เขา ฉันไม่มีกระปุกออมสินที่เป็นหมูหรอก มีแต่จระเข้ และคนที่ซื้อให้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพ่อ ท่านมักจะชอบซื้ออะไรแปลกๆ มาให้ฉันเสมอ อีกหน่อยก็คงจะซื้อตุ๊กแกมาให้ฉันเลี้ยง เพราะช่วงนี้ฉันดันบ่นๆ ออกไปว่าอยากเลี้ยงสัตว์
‘ธรรมดาโลกไม่จำ’ พ่อบอกฉันมาอย่างนี้
“แล้วตอนแคะไม่โดนมันกัดเหรอ”
ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...
ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...
ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...
ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย
เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี