"ความรักก็เปรียบเสมือนสารเสพติด ฉันจะทำให้เธอคลั่ง และเสพติดฉันแต่เพียงผู้เดียว จำไว้!" ประโยคนิ่งๆ นั้นมีนัยแฝงไปด้วยความหมายมากมาย แต่มันก็ไม่อาจทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวได้เลยสักนิด... "ต้องกลัวมั้ย?" ........................................................................ คนส่วนมากเมื่อชีวิตตกต่ำถึงขีดสุดก็มักจะเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่สำหรับฉันนั้นถือได้ว่าจัดอยู่ในส่วนน้อย ยามใดที่กลายเป็นหมาจนตรอกก็จะดิ้นรนทุกหนทาง ไม่สนว่าทางที่เลือกมันจะผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายบ้านเมืองมากแค่ไหน ถ้าทำแล้วมันทำให้ฉันมีกินมีใช้ฉันก็พร้อมที่จะทำ ต่อให้ต้องฆ่าคนอีกหลายร้อยชีวิตฉันก็ยอม "หน้าตาดีแบบนี้เลิกเป็นเด็กส่งยามาเป็นเด็กเฮียดีกว่าอีหนู" และถ้าฆ่าผู้ชายคนนี้แล้วได้เงินฉันก็ยิ่งยินดีที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง ปากหมา สันดานต่ำ เฒ่าหัวงู สามประโยคนี้หลอมรวมกันเป็นนิยามประจำตัวของผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่า 'ปืน' "เอาเวลาเต๊าะเด็กไปซื้อโลงนอนเถอะลุง" ด้วยรัก และ Fuck You...
ตึก...ตึก...ตึก
เสียงฝีเท้าของฉันดังกระทบกึกก้องไปทั่วทางเดินในตรอกซอยแคบข้างผับชื่อดังแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองของประเทศไทย
รองเท้าผ้าใบสีซีดเหยียบย่ำไปบนพื้นสกปรก แถมยังมีน้ำเสียเจิ่งนองเป็นวงกว้างทั่วบริเวณ กลิ่นของมันโชยเข้ามาในจมูกจนฉันต้องเบ้หน้าอย่างขยะแขยง และฉันต้องพยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะเดินไม่ให้น้ำเน่าๆ พวกนั้นมันกระเด็นใส่ขา
ถ้าเลือกได้ฉันก็จะไม่เข้ามาในตรอกซอยบ้าๆ นี่เด็ดขาด แต่เพราะว่ามันเลือกไม่ได้ไง…
“พี่ต้น!”
ริมฝีปากบางสีชมพูธรรมชาติโพล่งเรียกชื่อของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงกองเก้าอี้และโต๊ะที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งผู้ชายคนนี้เขาก็คือพี่ชายแท้ๆ ของฉันเอง
ฉันชื่อเตนล์ มีพี่ชายชื่อต้น พี่ต้นอายุยี่สิบห้าปี ส่วนฉันนั้นอายุเพียงแค่สิบเก้า โดยปกติแล้วในวันธรรมดาแบบนี้ถ้าเป็นคนในวัยเดียวกันก็น่าจะไปโรงเรียนกันหมดแล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้ไป หรือจะพูดให้ถูกก็คือไม่มีปัญญาที่จะส่งตัวเองเรียนให้จบ
ตั้งแต่พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในช่วงที่ฉันอายุสิบสามปี ฉันกับพี่ต้นก็เลิกเรียนมาตั้งแต่นั้น
ญาติน่ะมี แต่เขาไม่ให้พึ่ง เราจึงต้องดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองเพราะใครๆ ก็ผลักไสเรา
“เอายานี่ไปส่งให้กูหน่อย”
กล่องนมธรรมดาๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน แต่ข้างในนั้นมันกลับสอดไส้ยานรกเอาไว้
‘เด็กส่งยา’ นี่แหละคืออาชีพของเราสองพี่น้อง
แม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพสุจริต แต่เราสองคนก็ไม่เกี่ยง เหตุผลเพราะว่ามันทำเงินให้เราได้ดีกว่าการทำงานอย่างอื่นเป็นไหนๆ แม้ว่ามันจะเสี่ยงสักหน่อยก็ตาม
ฉันกับพี่ต้นเริ่มทำอาชีพนี้ตั้งแต่ที่ถูกญาติๆ ของพ่อและแม่ผลักไสแล้วล่ะ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรกิน แล้วถามหน่อยเถอะว่าเด็กอายุยังไม่ถึงยี่สิบนี่จะหางานดีๆ เงินเยอะๆ ได้ยังไง การที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นหมาจนตรอกมันทำให้เราสองคนเลือกจะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อความอยู่รอด
สมบัติของพ่อกับแม่ก็ไม่มี เหลือเพียงแค่บ้านไม้เก่าๆ ไว้ให้ซุกหัวนอนก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว
คติของฉันคือ ‘ไม่เลือกงาน ไม่เลือกจน’ แต่แนะนำว่าอย่าทำแบบฉันเลยดีกว่า ถ้ายังอยากมีชีวิตที่สดใสอยู่น่ะนะ เพราะชีวิตของฉันตอนนี้มันมืดมนจนยากที่จะหาทางออกได้แล้ว
ส่วนคุณสมบัติหลักที่จะมาเป็นเด็กส่งยาได้คือ สกิลเท้าต้องดี พ่อมาเมื่อไหร่ต้องเหยียบให้มิด ไม่งั้นก็จบ…
“จะให้เอาไปส่งที่ไหนล่ะ”
โดยปกติแล้วฉันไม่ได้ไปรับงานจากเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่เองหรอก มีแต่พี่ต้นนี่แหละที่คอยไปเอายามาให้ แล้วให้ฉันเอาไปส่งกับผู้ค้ารายย่อยอีกที หรือบางทีก็ส่งให้กับคนเสพทั่วๆ ไป
แต่ทว่าสิ่งที่อยู่ในมือของฉันตอนนี้เหมือนจะเป็นของผู้ค้ารายย่อยมากกว่า เพราะน้ำหนักของมันที่สัมผัสได้ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว
“ที่ผับพีเอ็นคลับ”
ชื่อผับที่พี่ต้นบอกมาทำให้ฉันพอรู้อยู่บ้างว่ามันอยู่ที่ไหน เมื่อรู้ที่หมายแล้วฉันก็เก็บกล่องนมนั้นยัดใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง ที่สะพายห้อยพาดไหล่เอาไว้แค่สายเดียวอย่างหมิ่นเหม่
“วันนี้มีแค่นี้เหรอพี่” ฉันเงยหน้าขึ้นถามพี่ชายของตัวเองเพื่อความแน่ใจ เพราะถ้าไม่มีอะไรต้องส่งอีกฉันก็จะได้กลับบ้านไปนอนพัก ซึ่งพี่ต้นก็พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนพูดเสริมออกมา
“ระวังตัวด้วยล่ะ รายย่อยคนนี้มันจู้จี้จุกจิก อย่าให้ของหายและอย่าถูกจับเป็นอันขาด”
“อืม”
ประโยคกำชับที่เปล่งออกมาทำให้ฉันตอบรับในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินออกมาจากตรอกซอยแคบๆ นั้น
พรึบ!...ผลัก!
“เฮ้ย!!” ทว่าเดินออกมาได้เพียงไม่นานกระเป๋าเป้ที่ฉันสะพายเอาไว้ กลับถูกผู้ชายคนหนึ่งกระชากออกไปอย่างง่ายดาย มันผลักตัวฉันจนเซถลาไปด้านข้างเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้เท้าเล็กทั้งสองข้างก็รีบวิ่งตามหลังมันไปทันที
ตึก...ตึก...ตึก…
“หยุดนะ!!” ฉันพยายามตะโกนไล่หลังมันสุดเสียง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าจะเอ่ยปากขอให้คนแถวนั้นช่วยก็เกรงว่าคนที่จะถูกจับจะกลายเป็นฉันซะเอง
มันน่ะแค่โดนข้อหาวิ่งราว แต่ฉันนี่สิโดนเต็มๆ
และด้วยความที่มันเป็นผู้ชาย เรียวขานั้นจึงยาวกว่าฉันหลายเท่า แถม สกิลเท้ามันยังเหนือกว่าฉันเป็นไหนๆ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นมืออาชีพพอสมควร ตำรวจที่เคยวิ่งไล่จับฉันยังไม่สกิลเท้าดีขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
แม่ง...ขโมยอะไรไม่ขโมย เสือกมาขโมยยาบ้า บักปอบ!
“เชี่ยเอ๊ย!” ฉันถึงกับต้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่สามารถที่จะวิ่งตามมันได้ทัน
เท้าของฉันจำต้องหยุดชะงัก สองมือท้าวที่เข่าของตัวเองด้วยท่าทีที่เหนื่อยหอบ เหงื่อกายมากมายแตกพลั่กลงมาจนชุ่มตามกรอบหน้าเนียน
ฉันยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองออกลวกๆ และพอจะล่วงรู้ได้เลยว่าถ้ากลับไปต้องเจอกับอะไร
จากที่เวลานี้กำลังปาดเหงื่อ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฉันอาจจะต้องยกหลังมือขึ้นมาเพื่อปาดเช็ดเลือดของตัวเอง
ชะตาของฉันมันกำลังจะขาด…
ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...
ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...
ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...
ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย
เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ