เรือคาสิโนลำงามได้เข้ามาเปิดให้บริการยังประเทศไทยเป็นครั้งแรก เจ้าเของเรืออย่าง อัลแบร์โต วินเซนโซ อัจไบร์จาร์ ไม่เคยคิดเลยว่าจิ้งจอกร้ายอย่างเขาจะต้องมาตกบ่วงเสน่หาของสาวน้อยสาวไทยอย่างสิตาพร เพียงได้เห็นเธอครั้งแรก ชายหนุ่มก็ปรารถนาสิตาพรจนยากจะหักห้าม เธอมากับน้าสาวและน้าเขยผู้ติดการพนัน เมื่อน้าสาวของเธอติดหนี้เขาหลายล้าน ชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอให้ยกสิตาพรให้เขาเพื่อแลกกับหนี้ในครั้งนี้ ในวันที่เรือจะออกจากประเทศไทย สิตาพรก็กลายเป็นสมบัติบรรณาการของเจ้าของเรือหนุ่ม “เคยดูสารคดีสัตว์โลกน่ารักไหมน้ำหวาน เนื้อที่เข้าปากเสือ อ้อยที่เข้าปากช้าง เธอคิดว่ามันจะยอมคายง่ายๆ ไหมแม่สาวเวอจิ้น” สิตาพรแก้มแดงแช้ด คำเรียกขานของเขาสร้างความร้อนผ่าวทั่วใบหน้า ตาคมดุเอาจริงทำให้สาวน้อยใจสั่นทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าห้ามกลัวเขา ห้ามทำให้เขารู้ว่าเธอหวาดหวั่นแค่ไหน “อย่ามาเรียกหนูแบบนี้นะ คนแก่โรคจิต ถามจริงเถอะโลกนี้ไม่มีใครเอาแล้วหรือไงถึงได้มาตามตอแยหนูแบบนี้” สาวน้อยแหวเข้าให้ คำพูดเธอเรียกรอยยิ้มขำจากปากเข้ม ยิ้มที่เกิดที่ปากและส่งไม่ถึงดวงตาคม
Chapter 1 เปิดตัว VA.AUSBIJA
“ขอให้ทุกคนมีความสุขกับทุกบริการบนวีเออัจไบร์จาร์นะครับ”
เสียงประกาศก้องสะท้อนไปทั่วลานบนชั้นดาดฟ้ากว้างใหญ่ ท่ามกลางเกลียวคลื่น ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มดุดันยกแก้วเครื่องดื่มในมือชูขึ้น ตามด้วยบรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในชุดราตรีสวยหรู งานเลี้ยงเปิดตัวของเรือสำราญลำยักษ์เริ่มต้นขึ้นบัดนั้น
VA.AUSBIJA เรือสำราญและคาสิโนอันลือชื่อเริ่มต้นเปิดบริการสำหรับลูกค้ากระเป๋าหนัก เจ้าของเรือคือหนุ่มหล่อ เรือนผมสีดำสนิท ใบหน้าคร้ามคมเข้ม ไรเคราเขียวครึ้มเป็นปื้นหนาส่งให้หน้านั้นดูดุดัน นามว่าอัลแบร์โต้ วินเซนโซ อัจไบร์จาร์
ตาคมกริบกวาดไล่ไปทั่วบริเวณงานอย่างช้าๆ และเป็นธรรมชาติ เรียวปากเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสันเปิดยิ้มทักทายผู้คนที่เข้ามาทักเขา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลมีชื่อมีอิทธิพลและนักการเมืองระดับชาติ
งานเลี้ยงหรูหราบนดาดฟ้าสำหรับให้ผู้มาเยือนได้ดื่มกินเต็มที่ เสียงดนตรีขับกล่อมดังก้องกระหึ่มทั่วท้องน้ำโดยไม่ต้องกังวลว่าเสียงอันดังจะรบกวนใคร เพราะเรือลำดังกล่าว ทอดสมออยู่กลางทะเลอันดามัน หลังจากผ่านพิธีการขออนุญาตนานนับเดือนผสานกับความช่วยเหลือจากผู้ทรงอิทธิพลบางคน เรือสำราญลำมหึมา VA.AUSBIJA ได้เข้ามาลอยล่องรอนักท่องเที่ยว ห่างจากเกาะภูเก็ตไม่มาก บรรดานักเที่ยวนักเสี่ยงโชคต้องต่อเรือเร็วมาจากเกาะภูเก็ตเพื่อมาขึ้นเรือลำยักษ์ลำนี้
“นายดูแลลูกค้าต่อไปนะธนัชย์ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปตรวจดูด้านในหน่อย” นายหนุ่มสุดหล่อเจ้าของเรือบอกกับคนสนิทเบาๆ เมื่อเวลาล่วงผ่านไปพอสมควร และเขาได้ทักทายแขกผู้มีเกียรติเป็นที่เรียบร้อยทั่วทั้งงานแล้ว
วินเซนโซยิ้มอย่างพอใจกับบรรดาลูกค้าวีไอพีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพวกพ่อค้า อาเสี่ยอาเฮียกระเป๋าตุง รวมถึงเจ้าหน้าที่ ข้าราชการและนักการเมืองบางคน เงินก้อนโตกำลังจะลอยเข้ามาหาเขาทุกที
ลูกค้าของเขาแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือพวกที่ต้องการมาเสี่ยงโชคบนเรือของเขา ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทำรายได้ให้เขามหาศาล อีกกลุ่มคือผู้คนที่ต้องการเข้ามาทัศนาความอลังการภายในเรือลำหรูอย่างเดียวเท่านั้น
เท้าที่กำลังจะก้าวห้องจัดเลี้ยงด้านในชะงักกึก เมื่อสายตาปะทะเข้ากับสาวน้อยที่หมุนตัวไปมามองความหรูหราภายในห้องจัดเลี้ยงของเรือสำราญลำใหญ่ด้วยความตื่นตะลึง เรียกความสนใจให้กับผู้ที่บังเอิญผ่านมาเห็นเป็นที่สุด
วินเซนโซยืนนิ่งกับที่เหมือนถูกสาปให้ร่างทั้งร่างกลายเป็นหิน
พระเจ้า !!! เขาไม่เคยพบใครมีเสน่ห์หวานสวยไปทั้งตัวแบบนี้เลย มือหนากำราวระเบียงแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะจับจ้องสาวน้อยที่กำลังชี้ชวนเพื่อนเธอให้ดูการแสดงบนเวทีที่เขาจัดไว้สำหรับรับรองแขกบนเรือ
เขามองจ้องตามเธอแทบทุกฝีก้าว นานๆ สาวน้อยจะหันมาหาผู้หญิงสูงวัย น่าจะวัยสี่สิบกว่าๆ ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขาจำเธอได้ เธอเป็นคนที่หอบเงินจากคาสิโนเขาไปนอนกอดเมื่อสองวันก่อน เพียงแค่ได้มองสาวน้อยเขาก็เหมือนจะคลั่ง
เขาต้องได้เธอ !!!
วินเซนบอกตัวเอง มือหนายกขึ้นส่งสัญญาณสั่งการ์ดร่างยักษ์สองคนที่ตามติดเขาให้ถอยห่าง สายตาคมยังโลมลูบตั้งแต่เส้นผมสีน้ำตาลเข้มราวใยไหมของเธอ มันทิ้งตัวแล้วสะบัดไปมายามที่เจ้าตัวโยกกาย ใบหน้าหวานสวยเย้ายวน ดวงตาเธอกลมโตมีเสน่ห์ จมูกโด่งรับกับปากอวบอิ่มสีชมพูเรื่อน่าจูบเป็นที่สุด
ชายหนุ่มไล้สายตาลงมาตามลำคอระหง สู่ทรวงสาว มันดุนดันเนื้อผ้าชุดแซ็กสีชมพู ขนาดจากสายตามองไกลๆ ก็ยังว่าสวยและใหญ่ ถ้าใกล้ๆ จะสักแค่ไหนนะ วินเซนโซรู้สึกว่าน้ำลายเขาเหนียวจนติดคอเพียงแค่คิด
เขาละสายตาอย่างอ้อยอิ่งเพื่อไล่ตามเรือนร่างอรชรสมส่วน เอวเธอคอดกิ่วเหลือเชื่อ สะโพกมนกลมได้รูป ขณะที่เธอขยับเขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงเวลาที่เธอร่อนส่ายบนตัวเขา โอพระเจ้า...แค่คิดเขาก็แข็งขึงเจ็บร้าวไปทั้งกายแกร่ง ชายหนุ่มรีบถอนสายตาจากสะโพกไล่ลงไปตามเรียวขาที่โผล่พ้นจากเนื้อผ้า ขาเธอเพรียวสวยนวลเนียน
โอย...เขาอยากจะบ้า
วินเซนอยากลงลิ้นไล้ชิมสาวน้อยนางนั้นให้ทั่วทั้งตัวเสียเหลือเกิน เขากวาดเก็บทุกรายละเอียดที่ประกอบกันเป็นสาวน้อยแสนหวานเย้ายวน ประทับเอาไว้ในความทรงจำ มองตามร่างอรชรจนลับสายตาเมื่อเธอเดินซิกแซ็กหายไปท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาเยี่ยมชมเรือสำราญของเขา
สิตาพรไม่ได้รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของจิ้งจอกร้ายกระหายรักเข้าเสียแล้ว สาวน้อยเดินตามแรงรั้งของไตรตรึงษ์เพื่อนรัก เพื่อพากันชื่นชมความสวยงามและอลังการของเรือสำราญลำนี้
“ไปดูทางนี้กันดีกว่าน้ำหวาน”
ไตรตรึงษ์ชี้ชวนไปอีกทางที่มีของแปลกๆ จัดเรียงเอาไว้สวยงาม ของแปลกของเก่า ของทำมือ เยอะแยะเต็มไปหมดสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น
“เบาๆ หน่อยลูกตาล” น้ำตาลหรือสิตาพรปรามเพื่อนเบาๆ พร้อมหัวเราะขำ กับท่าทางของเพื่อนรัก
“แหม ฉันตื่นเต้นนี่นาแก นานๆ ได้มาเที่ยวบนเรือสำราญลำเบ้อเริ่ม”
ไตรตรึงษ์หยิบกิ๊บติดผมแต่ประดับอัญมณีเม็ดเล็กๆ ระยิบระยับขึ้นมาส่องดู
“สวยเน๊อะ”
“แต่มันไม่ค่อยเข้ากับเธอเลยนะยายลูกตาล ห้าวๆ แบบเธอต้องนวมสักคู่ท่าจะเหมาะกว่า”
“ย่ะ แต่แพงน่าดูเลยแก” ไตรตรึงษ์ตาโตเมื่อเห็นป้ายเล็กๆ ติดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ
“สนใจหรือครับ”
เสียงทักนุ่มทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ สองสาวจึงหันไปมอง ไตรตรึงษ์รีบวางของลงที่มันทันทีเมื่อเห็นหน้าดุๆ ไรเคราเขียวนั้นยิ่งส่งให้ให้คนตรงหน้าดูน่ากลัวมากขึ้น คนต่างชาติตัวใหญ่ และเขา...คุณเจ้าของเรือ
“เอ่อ”
สองสาวน้อยอึกอักมองตากัน วันแรกของการเหยียบย่างขึ้นมาบนเรือนี้ เมื่อสักพักใหญ่ที่ผ่านมา พวกเธอได้เห็นเขาเพียงไกลๆ ในงานเลี้ยงเปิดตัวบนดาดฟ้า เจ้าของเรือลำยักษ์ อัลแบรโต้ วินเซนโซ อัจไบร์จาร์
ไตรตรึงษ์หัวใจแทบหยุดเต้นมองเขาอย่างหวาดๆ สิตาพรก็เช่นกัน สาวน้อยแอบสำรวจอย่างรวดเร็วบนเครื่องหน้าคมเข้มดุดันนั้น ผิวสีแทนทองเข้มยิ่งเสริมให้เขาดูเถื่อนๆ อย่างกับพวกมาเฟียในหนังที่เธอเคยดูยังไงยังงั้น
“เราเพียงแค่ดูว่ามันสวยดีน่ะค่ะ” ไตรตรึงษ์รีบบอก กลัวว่าจะโดนเขาดุ
ชายหนุ่มหน้าเข้มยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่คมหยุดลงตรงหน้าสาวน้อยที่เขาหมายใจแต่แรก เห็นไกลๆ ว่าสวยพอเห็นใกล้ๆ ยิ่งสวยหวานเย้ายวนไปทั้งเนื้อทั้งตัวเข้าไปใหญ่ จิ้งจอกร้ายในตัววินเซนโซแทบกระโจนออกมา กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอกระตุกใจชายหนุ่มให้สั่นไหวโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย
‘ผู้หญิงของเขา’ สิทธิ์ที่ไม่คิดหยิบยื่นให้ใคร ไม่ได้มีไว้แลกหรือแจกแถมฟรี ทว่าหญิงสาวชาวไทยนามว่า รติรส กลับดิ้นรนหนีและปฏิเสธการรับสิทธิ์นี้อย่างสิ้นเยื่อขาดใจ เธอหนีไปพร้อมขโมยหัวใจของเขาไปทั้งดวง... เดนิม อิสมาอิล แทบคลั่ง... ความรักกับผลประโยชน์ตีกันจนยุ่งเหยิง แต่เมื่อกายปรารถนา การลงทัณฑ์อันแสนหวามจึงเริ่มต้นขึ้น “คุณมันเลว” เธอเค้นเสียงว่า ตาวาววับด้วยความโกรธเกลียด ดิ้นรนหนีมือหยาบหนาข้างนั้นสุดฤทธิ์ แต่สองมือถูกจับ ร่างกายถูกทาบทับครึ่งๆ มันทำให้รติรสทำอย่างใจคิดไม่ได้ เรียวปากเข้มกดยิ้ม ชายหนุ่มหาได้เอะใจกับความเกรี้ยวกราดนั้นไม่ ในหัวของเขาตอนนี้รับรู้แต่ความหอมกรุ่นจากร่างนุ่มเนียน มารยาสาไถยต่างๆ เขาไม่สนใจ เดนิมจะคิดเห็นเป็นอะไรไปได้ นอกเสียจากว่าลุงและหลานคู่นี้เต็มใจเดินทางมากับเขาเพื่อเสนอ... และเขากำลังสนองความต้องการของพวกเธออยู่นี่ยังไง “ธุรกิจ... มีแต่คำว่าได้กับเสีย คำว่าเลวของเธอมันใช้ไม่ได้หรอกคนสวย”
กติกาคือ กอดได้แต่ห้ามรัก เมื่อหัวใจถลำรัก เธอควรฉีกกติกานั้นหรือถอยห่างจากกันดี “มนเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นที่ต้องได้รับการบำบัด” “ยังไง” สายตาคมไหวเหมือนจะยิ้มได้ ทำมนสิชาหน้าร้อนผ่าว ทั้งที่นั่งอยู่ในห้องแอร์ กลับเหมือนมีเปลวแดดมาลูบแก้มให้ร้อนวูบวาบ สีหน้าและลักษณะการเอียงคอมองอย่างใคร่รู้ของหญิงสาวชวนให้หนุ่มทั้งแท่ง เลือดร้อนฉ่าใคร่ลงมือสาธิตการบำบัดเสียเดี๋ยวนี้ “อย่าทำหน้าแบบนั้น” “แบบไหน” เธอนิ่วหน้า งงจัดจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้งมารยา กฤษฎิ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กวาดสายตายิ้มได้ ลูบไล้นวลแก้มละมุนที่เริ่มซับสีเรื่อ แล้ววกกลับมาสบตาคู่งาม “แบบที่กำลังมอง สนใจ ใคร่รู้ มันทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์ ไม่รู้หรือ” บ้าจริง! มนสิชาหน้าม้าน หลบตาวูบ เบี่ยงหน้าหนีจากใบหน้าคมเข้มอย่างรวดเร็ว ใจหวามไหว ทำลมหายใจติดขัด เสียงหัวเราะที่ดังจากลำคอหนาเบาๆ ยิ่งสร้างความอับอายแก่เธอ ตาคมหรี่หลุบทอดมองนวลแก้มปลั่ง เขารู้ว่าเธออายจริงๆ ไม่ใช่มารยาหญิงแบบผู้หญิงที่เคยเจอ แบบนี้แหละที่เขาสนใจ ขี้อายแต่อยากรู้ บางครั้งเข้าใจยากแต่...น่าเอาเป็นบ้า!
ความผิดที่เธอไม่ได้ก่อกลับต้องมาชดใช้ให้อสูรหนุ่มใจร้ายเช่นเขา ท่ามกลางความร้ายกาจบทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้กลายเป็นกรงขังเหนี่ยวรั้งหัวใจเธอไว้กับเขาตลอดกาล “เธอคิดว่าความสาวของเธอมันมีค่ากับฉันงั้นเหรอปรางอินท์” ปรางอินท์ผงะห่างโดยอัตโนมัติ คำพูดเหยียดหยามและการดูแคลนในสายตาคมเหมือนกับมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจจนย่อยยับ เหลือทิ้งไว้เพียงแผลที่กำลังอักเสบ “จะบอกอะไรให้เอาบุญนะคนสวย ฉันแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคือเกมและการแก้แค้นที่หอมหวานว่ามั้ย อย่างน้อยเธอมันก็ยังดีกว่าผู้หญิงขายบริการอยู่หน่อยๆ หึหึ แม่สาวเวอจิ้นเธอคิดว่าจะเอาสิ่งนี้มาทดแทนสิ่งที่พี่เธอทำกับชีวิตพี่ชายของฉันได้รึยังไง” ประโยคท้ายๆ เสียงของชายหนุ่มดังลั่นขึ้นจนกลายเป็นตะคอกเสียงก้องห้อง ตาคมลุกโรจน์ราวกับไฟ “คนสารเลว ไอ้คนชั่วช้าสามานย์” หญิงสาวตะโกนสวนกลับเช่นเดียวกัน เธอกำลังนึกเสียใจทำไมคนดีๆ อย่างภาคิไนยจะต้องมาเจ็บตัว น่าจะเป็นผู้ชายตรงหน้านี่ต่างหากที่น่าจะตายๆ ไปซะ ภาคินเลิกคิ้วสูง เรียวปากเข้มหยักยิ้ม ยิ้มที่คนมองถึงกับเสียงสันหลังวาบด้วยความกลัวจนเผลอถอยหลังออกห่างใบหน้าที่โน้มอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งศอก “อย่าปากเก่งให้มากนัก รู้มั้ยว่าฉันมีวิธีจัดการกับคนปากเก่งยังไงบ้าง รึว่าอยากจะลอง ปรางอินท์ฉันบอกให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำ เพราะเธอคือเหยื่อที่ฉันตะครุบมาได้แทนพี่สาวของเธอ” “ไม่ ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น คอยดูนะมีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะหนีไปจากที่นี่” “ฮ่าๆๆ เอาเลยคนสวย แต่ขอเตือนนิดนะ ที่นี่กว้างเป็นพันไร่ ถ้าคิดว่าจะพ้นสายตาคนงานของฉันไปได้ก็เอา แล้วหนุ่มๆ ที่นี่ล้วนแล้วแต่กลัดมันกันทั้งนั้น มันออกจะห่างไกลความเจริญไปสักหน่อยน่ะนะ นานๆ พวกมันจึงจะได้เข้าเมืองไปหาสาวๆ มากอดแก้หนาวระบายอารมณ์ดิบสักที อ้อ...ที่สำคัญ เมื่อไหร่ที่เธอก้าวพ้นไปจากที่นี่ วันนั้นพี่สาวของเธอจะต้องมาอยู่ที่นี่แทน ไปสิไปเล้ย”
เมื่อรักเข้ามาเคาะประตูหัวใจหนุ่มหล่อเจ้าของสายการบินคนดังให้มันรุ่มร้อนจนทนไม่ไหว เขายอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ได้ตัวเธอมา สาวใสไร้เดียงสากลับหวาดผวาเมื่อเจอความต้องการแบบชายหญิงเข้า ชายหนุ่มจึงต้องหยุดตัวเองแล้วค่อยๆ เริ่มบทเรียนสอนรัก ที่ทั้งหวานและเร่าร้อนมากขึ้นตามลำดับ เธอกำลังจะตาย... ปัทมณฑ์บอกตัวเองในความพร่างพร่า ความรัญจวนที่เขามอบให้มันมากมายจนทรมานไปหมด เรือนกายสาวในวัยแรกสวยบิดเร้า บางครั้งดิ้นรน สองมือเรียวสอดแทรกเข้าไปในเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวแค่ครึ่งนิ้ว เผลอกอบกำดึงทึ้งไปก็หลายหนเพื่อระบายอารมณ์หวาม เธอทรมานเหมือนจะตาย แต่ถ้าเขาหยุดเธอคงเหมือนตายทั้งเป็น อารมณ์ลึกถูกปลุกขึ้นโดยชายหนุ่ม และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะหยุดมันลงได้ “พี่ไรอัน...ลูกปัด...ทนไม่ไหว” “ต้องได้สิคนเก่ง...พี่บอกแล้ว ถึงเธอจะร้องลั่นจนบ้านแตกพี่ก็ไม่มีทางหยุดอีกต่อไป ปัทมณฑ์...” ไรอันตอบเสียงขาดห้วงไม่แพ้กัน และแทนการหยุดหรือผ่อนปรน มือหนากลับยิ่งเคล้าคลึงร่างบางหนักหน่วงมากขึ้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เขาผลักใสเธอออกจากชีวิตอย่างร้ายกาจ ไม่ติดต่อ ไม่สนใจ ราวเธอไม่เคยมีตัวตน ปล่อยให้เธอเจ็บปวด อ้างว้างและแสนเดียวดาย กระทั่งวันนี้...วันที่ร่างกายและหัวใจเข้มแข็ง เขากลับเข้ามาเอ่ยอ้างว่า เธอคือ ‘สมบัติส่วนตัว’ ********* “คุณเคยรู้ตัวเองไหมคะว่าเป็นคนที่...เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หน้าไม่อายที่สุดในโลก” คมคายเลิกคิ้วตาเปล่งประกายพลางอมยิ้มยั่วเย้า เธอมองค้อนแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น เขาจึงไล้ปลายจมูกบนแก้มนุ่มเล่น “อีกเรื่องที่เธอควรรู้” ฝ่ามือหนาเลื่อนลูบแผ่นท้องเรียบ...แผ่วเบา กายแกร่งขยับอีกครั้ง แผ่นหลังเล็กแนบแผงอกกว้าง มัลลิกากานต์หันกลับมามอง “ฉันเป็นคนหวงของมาก” “...” “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกแบบนั้น” ปากได้รูปก็เคลื่อนเข้าประกบจูบปากอิ่ม บดเบียดละเลียดลิ้มความหวานหอมที่ใจโหยหิวไม่สร่าง
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง