/0/9296/coverbig.jpg?v=06574dc477f738ab27f187e2eed3c1ef)
เขาเป็นหัวหน้าเผ่าที่ได้ชื่อว่าเป็น "คนเถื่อน" ส่วนเธอเป็นคุณหนูตระกูลมาเฟียฉายา "แม่พระ" สงครามอำนาจได้ชักนำทั้งสองให้ได้มาพบกัน จากความแตกต่างจึงกลายเป็นความรัก... ระหว่างหน้าที่กับหัวใจ ทั้งสองจะเลือกสิ่งใด?
อริสานั่งรับบรรยากาศกดดันในที่ประชุมด้วยสีหน้าเฉยชา กระท่อมกลางป่าแห่งนี้ดูจะเป็นสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับจัดงานพบปะแสนอบอุ่นระหว่างฮันเตอร์สองแคลน...
อบอุ่นกับคุณยายท่านสิคะ ปัดโธ่...
เธอถูกเรียกตัวมานั่งแปะอยู่ที่โต๊ะประชุมไม้เก่าๆ นี่ในฐานะฮันเตอร์ระดับผ้าคลุมแดง นั่นหมายความว่าเธอมีระดับและฐานะทางสังคมค่อนข้างสูงในแคลนของตน
การจะไม่มามันก็น่าเกลียดอยู่ ในฐานะหลานสาวที่ดีของหัวหน้าแคลนอาซูร์(ซึ่งเป็นคุณยายไม่ยอมแก่ท่านหนึ่ง) เธอจึงเป็นส่วนหนึ่งของการพบปะครั้งสำคัญนี้อย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวถอนหายใจแรงและปัดผมยาวสีดำไปด้านหลัง ทั้งที่ข้างนอกก็ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่อากาศในนี้ร้อนและเหม็นกลิ่นเหงื่อ พอบวกเรื่องนั้นกับบรรยากาศตึงเครียด มันก็ไม่ใช่สถานที่น่าอยู่นัก
ฝั่งตรงข้ามมีสมาชิกระดับสูงของคู่กรณีนั่งเรียงกันสลอน พวกเขาคือสมาชิกแคลนไม่น่าคบหานามว่าโรโฮ ซึ่งเป็นแคลนใหญ่ที่สุดของแถบนี้
เขาไม่ได้มาหาเรื่องเรา แต่เรานี่แหละไปหาเรื่องเขา...
“คืนตัวลิต้ามา” ชายผู้เป็นมือขวาของบอสแคลนอาซูร์ แคลนสังกัดของอริสากล่าวเสียงเข้ม เขาเป็นชายหนวดเฟิ้มร่างเบิ้มที่เด็กที่ไหนเห็นต้องวิ่งหนี สมัยเด็กเวลาไม่ได้ดั่งใจ อริสามักขู่เด็กที่เล่นด้วยว่าจะเรียกเขามา
“ไม่” มือซ้ายของอีกฝ่ายสวนเสียงต่ำ “ลิต้าเลือกจะทิ้งแคลนของพวกเจ้ามาหาพวกข้าเอง ทำไมพวกข้าต้องคืน?”
“เพราะลิต้ามีข้อตกลงกับเรา”
“ข้อตกลงอะไรกัน? เอาเอกสารมาให้ดูสิ” แคลนโรโฮฝ่ายศัตรูยังไม่ยอม
เรียกมาฟังคนตบตีแย่งโสเภณีรึ...? ไร้สาระสิ้นดี ทำไมฮันเตอร์ผ้าคลุมแดงอย่างข้าต้องมารับรู้อะไรแบบนี้? อริสาถอนหายใจยาว ดวงตาสีดำขลับประดับด้วยแพขนตางามลอบมองคุณยาย
บอสหรือหัวหน้าแคลนเป็นหญิงชราผู้สง่างาม ผมสีเงินเกล้ามวยตรงท้ายทอย ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นของประสบการณ์ สวมชุดรัดกุมน่าเกรงขามสีดำสนิท เสื้อตัวนอกแทนที่จะสวมแขนเข้าไปกลับเอามาคลุมไหล่ดูโก้เก๋ บัดนี้นางนั่งหลังตรงกอดอก หลับตาฟังอยู่เงียบๆ กำลังรอเวลาออกโรง
“สรุปพวกเจ้าต้องการตัวลิต้าและผู้หญิงในสังกัดอีกหกคนคืน” ความสนใจของอริสากลับมาที่เรื่องตรงหน้าเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเอ่ยสรุป “แต่พวกเจ้าก็รู้ว่าเราไม่ต้องการคืนและไม่อยากมีใครกลับไปหาเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะส่งตัวผู้หญิงห้าคนของพวกเจ้าคืน แลกกับลิต้าและผู้หญิงของเราอีกสี่คน พวกเจ้าเลือกเองได้ว่าจะส่งใครคืน” มือขวาหนวดเฟิ้มเสนอข้อตกลง ทว่ามือซ้ายของบอสโรโฮกลับทุบโต๊ะ
“เราจะไม่ทำข้อตกลง ลิต้าเบื่อพวกเจ้าและเลือกจะทำงานในถิ่นพวกเรา จบ!” เขาตะโกนเสียงดังเกินความจำเป็น ทั้งห้องเอื้อมมือคว้าด้ามอาวุธของตนเอง ทุกคนรอสัญญาณจากบอสของตนให้เริ่มห้ำหั่นอีกฝ่ายได้ ทว่าก็มีเด็กรับใช้กระหืดกระหอบเข้ามาแบบไม่อ่านบรรยากาศเลย
“จดหมายขอรับ!!!” เขาเดินต๊อกๆ ยื่นให้กับบอสแคลนโรโฮที่ขมวดคิ้วเป็นปมขณะอ่านเนื้อหา
ในสายตาอริสา เขาคนนี้คือบุคคลที่ไม่น่าคบหาอันดับหนึ่งของทวีป ชายผู้เอาแต่ใจกัดไม่ปล่อยนามว่า สกาย เกอติเรซ ซึ่งมักจะชอบเอาเรื่องไร้สาระมาเป็นประเด็นกับคุณยายและน้องสาวของเธอเสมอ หน้าตาของเขาก็ไม่จัดว่าน่าเกลียด เขามีสาวงามเข้ามาติดตรึม ด้วยรูปหน้าเรียวดุดันและดวงตาสีฟ้ารับกับเส้นผมสีทองอมเทา บวกกับรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน เขาคือนิยามของสำนวน “หล่อเสียดายของ”
อริสาสาบานได้ว่าได้ยินเสียงชายหนุ่มวัยฉกรรจ์กัดฟันกรอดๆ
“หมายความว่ายังไง...”
“จะเป็นการดีมากหากท่านจะบอกพวกเราว่าท่านเพิ่งอ่านอะไรไป สกาย เกอติเรซ” คุณยายที่เงียบมาทั้งการประชุมเปิดปากพูด ส่งคลื่นเย็นยะเยือกแล่นตามสันหลังทุกคนในที่นั้น
“นังลิต้ากับพวก บอกว่าได้ขอพวกสุนัขของรัฐจัดตั้งเขตพิเศษ... ที่พวกมันจะบริหารกันเองและจ่ายค่าคุ้มกันให้เราทั้งสองแคลน...” จดหมายสั้นๆ ถูกขยำเป็นก้อน “ใครกัน...พวกโสเภณีบ้านนอกไม่มีทางทำอะไรแบบนี้ได้! พวกแกใช่ไหม?! ยอมรับมาซะดีๆ...โดยเฉพาะแก...”
สายตาของฝั่งตรงข้ามทุกคู่มองมาที่อริสา ไม่สิ... พวกเขากำลังมองคนที่นั่งยิ้มแป้น ไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่อยู่ข้างกายอริสาต่างหาก...
เอาแล้วไหมล่ะ...ไปก่อเรื่องไว้อีกแล้ว...!
“นังอลิสา...!!!”
เจ้าของชื่อยังมีรอยยิ้มเรียบๆ ประดับบนใบหน้า เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มและเรือนผมนุ่มฟูสีเกาลัดหัวเราะเสียงหวาน ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศกดดันที่ชายฉกรรจ์อาวุธครบมือกว่ายี่สิบคนแผ่มาทางเธอแม้แต่น้อย
“ได้ส่วนแบ่งตั้งแคลนละยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องทำอะไร สบายไม่ใช่เหรอคะ?” เธอเอียงคอ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนหยักยิ้มไร้เดียงสา ทว่าดวงตาสีไพลินกลับหรี่ลงเล็กน้อย “เผลอๆ อาจจะดีกว่าขูดเอาแปดสิบเปอร์เซ็นต์แต่ต้องมานั่งจัดการ ดูแลความปลอดภัย แถมทะเลาะแย่งตัวสาวๆ แบบนี้อีก เห็นแล้วเหนื่อยแทนเลยค่ะ”
“แก...ถอนข้อตกลงนั่นเดี๋ยวนี้! เรายังไม่ได้ให้การรับรองสักหน่อย!”
“ถ้าอย่างนั้นก็รับรองตอนนี้เลยสิคะ” สาวน้อยยกกลไกง่ายๆ ขึ้นมา มีปุ่มสีแดงกับสายเชื่อมไปยังใต้ดิน “แต่ว่า... พอดีว่าข้าอยากให้เรื่องจบภายในวันนี้ ไหนๆ ฝ่ายบริหารของทางนั้นก็มากันครบ ถ้าไม่รังเกียจก็ช่วยตกลงกันให้เสร็จเลยนะคะ แต่ถ้าปฏิเสธข้าอาจต้องใช้มาตรการหว่านล้อมที่รุนแรงกว่าเดิมเล็กน้อย”
“จะบ้าหรือไง?!” อริสากระซิบคนที่ชื่อต่างกันแค่ตัวอักษรเดียว “เราจะตายกันหมดนะ...!”
ทว่าอีกฝ่ายยังนั่งนิ่ง นิ้วค้างบนปุ่มสีแดงจนกระทั่งมือซ้ายของบอสโรโฮผ่อนลมหายใจ กดไหล่บอสของตนอย่างสกายให้นั่งลงตั้งสติก่อน ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงตรงเข้าไปบีบคออลิสาแน่
“...จะรู้ได้ยังไงว่ามีระเบิดอยู่ที่นี่จริงๆ?” อีกฝ่ายยังไม่ยอมง่ายๆ “เจ้าคงไม่เอาบอสของตัวเองมาเสี่ยงหรอก”
“อืม งั้นลองคิดดูนะคะ...” อลิสาเอียงคอ “ดูเหมือนว่าพวกเราจะนั่งอยู่คนละฟากของห้อง และที่นั่งก็ถูกกำหนดมาตั้งแต่ก่อนเริ่มประชุม เพราะฉะนั้นถ้าข้าอยากจะวางระเบิด ย้ำว่าถ้าข้าวางระเบิดไว้จริงๆ...”
“แก!!!” สกายลุกพรวด อลิสาเองก็ลุกขึ้นเร็วจนเก้าอี้กระเด็นไปข้างหลัง
“ยอมคุยกันดีๆ ไหมคะ?” เด็กสาวหน้าหวานยื่นคำขาด รอยยิ้มระรื่นผิดกับแรงกดดันที่แผ่จากร่างเล็ก “เห็นว่าแคลนอาซูร์ของพวกข้าเป็นแคลนเล็กไร้กำลังคน เลยวางกำลังติดอาวุธครบมือของทางนั้นล้อมทางหนีของพวกเราไว้เผื่อการเจรจาไม่เห็นผลอย่างที่คาด? คิดว่าพวกข้าไม่รู้ตัวเหรอคะ? การทำให้ทั้งสองฝ่ายแบกรับความเสี่ยงเท่ากันแบบนี้ยุติธรรมดีแล้วค่ะ หรือทุกท่านไม่เห็นด้วย?”
“ฝังระเบิดไว้ใต้พวกเรา...พวกรักษาความปลอดภัยไร้น้ำยาหรือไง?!” บอสฝั่งนั้นยังตะโกนโหวกเหวกต่อไม่หยุด อริสายิ่งคิดว่าหล่อเสียของยิ่งกว่าเดิม ไม่สิ หน้าตาเหยเกแบบนั้นขนาดเด็กส่งของที่ผ่านหน้าบ้านบ่อยๆ ยังดูมีรสนิยมมากกว่า ถ้าบนโลกเหลือผู้ชายแค่สองคนคือไอ้สกายกับเด็กส่งของ เธอขอเลือกแต่งงานกับเด็กส่งของยังจะดีกว่า
“เสียดายจริง ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องคงต้องใช้มาตรการสุดท้าย ทุกคนเตรียมหลบนะคะ นับสาม...สอง...”
ลั่วซินสมัครเข้าไปทำงานเป็นพ่อบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเจเจ้และยาย หารู้ไม่ว่าเขาเพิ่งสมัครไปเป็นสามีบรรณาการของธิดาดอกเหมย ฉางอ้ายชุน ผู้อาศัยอยู่ในตำหนักที่ดอกเหมยไม่มีวันโรยรา สาวน้อยผู้พูดจาไม่รักษาน้ำใจแต่จริงใจยิ่งกว่าใคร แม้รอบตัวเธอจะเต็มไปด้วยความลับ แถมยังไม่มีอะไรน่ารักสักนิด แต่ลั่วซินก็ถูกเธอดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้น
ทะลุมิติมาในนิยายที่เคยอ่านก็สะดวกดี แต่ดันมีคนเข้ามาเกิดใหม่ในเรื่องนี้ก่อน แล้วทำเนื้อหานิยายผิดเพี้ยนไปหมด! แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคุณหนู ฉันที่เข้ามาอยู่ในร่างภรรยาคนที่สี่ของคุณชายสุดรวยเลยต้องตกอับ ออกท่องยุทธภพกับผู้ชายผมขาวกวนประสาทซะงั้น?! ทั้งต่อสู้กับจอมยุทธ์ที่มีวิชาเพี้ยนๆ อย่างการเอาน้ำเต้าหู้มาจัดการศัตรู ทั้งการจัดการกับความโหยหาหมูกระทะของเพื่อนร่วมเดินทาง ชีวิตฉันจะเป็นยังไงล่ะทีนี้?!
หลังเธอทะลุมิติมา ท่านชายหนิงหลงก็ดูแลเธออย่างดี ทว่านั่นเพราะเธอหน้าเหมือนคนรักที่จากไปของเขาหรือเปล่า?
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"