หญิงสาวผู้ไม่เคยมีความรักมาก่อน จนเธอได้มาพบกับเขาและได้ตกหลุมรักเขา และเขาก็ตกหลุมรักเธอเช่นกัน แต่ความรักของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทำให้เธอต้องพบกับความผิดหวัง แต่แล้วในความโชคร้ายก็มีแสงสว่างเข้ามาฉุดเธอให้หลุดพ้นจากตรงนั้น
บรรยากาศในเช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดใส ผู้คนมากมายต่างออกมาเพื่อดำเนินชีวิตไปตามแต่ละแบบของแต่ละคน
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปที่รั้วกำแพงสีขาวที่ทอดตัวยาวเป็นแนวเห็นได้มาแต่ไกล ภายในรั้วกำแพงเป็นอาคารตึกเล็กใหญ่สลับกันไป อีกทั้งมีสระน้ำกว้างใหญ่อยู่ตรงกลางและยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่คอยให้ความร่มรื่นอยู่ริมสระ ตามทางเดินก็เต็มแน่นไปด้วยหนุ่มสาวที่กำลังเดินทางกันเข้ามาในที่แห่งนี้
หนึ่งในนั่นก็คือริสาสาวน้อยคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในรั้วกำแพงสีขาวแห่งนี้ ที่นี้ก็คือมหาวิทยาลัย และวันนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของภาคเรียน
หญิงสาวแต่งชุดนักศึกษามาอย่างเรียบร้อย เธอจัดได้ว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ผิวพรรณสีน้ำผึ้ง ริสาเดินมองซ้ายมองขวาชื่นชมความงามของต้นไม้ดอกไม้ที่กำลังผลิดอกสีสันสวยสดใสอยู่ริมสระน้ำ และทันใดนั้นเธอก็ต้องหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งกำลังเรียกชื่อเธอได้ยินมาแต่ไกล
"ริสา ริสา ทางนี้จ้า" เสียงเล็กๆใสๆของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนเรียกริสาอยู่ที่ใต้ร่มต้นไม้
เมื่อริสาได้ยินและหันไปมอง ทำให้เธอถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียกชื่อเธอมาแต่ไกล ริสารีบเร่งฝีเท้าของตัวเองเพื่อจะไปหาเจ้าของต้นเสียงที่เรียกชื่อเธอมาแต่ไกล
"คิดถึงจังเลยลินดาเพื่อนรัก" ริสาพูดด้วยน้ำเสียงดีใจและสวมกอดเพื่อนของเธอด้วยความคิดถึง
"ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกันริสา ว่าแต่ทำไมเธอเพิ่งมาถึงเนี่ย รู้มั้ยว่าจะสายแล้วเดี่ยวก็เข้าเรียนกันไม่ทันหรอก"
"ก็ฉันกำลังเดินดูความเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยเรานะสิว่าช่วงที่พวกเราปิดเทอมไปมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็เท่านั้นเอง" ริสาพูดไปก็หันมองรอบๆข้างไป
"ฉันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก มหาวิทยาลัยก็ยังเป็นมหาวิทยาลัยเหมือนเดิม แต่ที่รู้ๆที่เปลี่ยนไปแน่นอนก็คือเราสองคนไงริสา ที่ตอนนี้เรานะขึ้นปี 4 แล้วนะ อายุก็แก่ขึ้นอีกปีหนึ่งแล้ว" ลินดาพูดไปก็ทำท่าทางตลกไป แล้วทั้ง 2 คนก็พากันเดินไปห้องเรียนและชวนกันพูดคุยตลอดทางด้วยความคิดถึง ริสาและลินดาเป็นเพื่อนกัน ทั้งคู่สนิทสนมกันมากเนื่องจากเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ปี 1 และตอนนี้ทั้ง 2 ก็เรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว จึงมีความสนิทสนมกัน เมื่อทั้งริสาและลินดาเดินมาถึงห้องเรียนภายในห้องก็มีเพื่อนๆนักศึกษาด้วยกันอยู่เต็มห้องเรียนต่างพูดคุยสนทนากันเสียงดังเพราะไม่ได้เจอกันนานในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ต่างมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากมาย ในระหว่างที่รออาจารย์เข้ามาสอน ทั้งคู่เดินมาหาที่นั่งว่างๆ2โต๊ะติดกัน และนั่งลงตรงนั้นเพื่อรอเวลาเรียน ไม่นานก็มีหญิงสูงวัยแต่งชุดกระโปรงยาวเลยเข่าเป็นลายผ้าไทยสีน้ำตาลอ่อนทั้้งชุดดูเหมาะสมกับวัยของผู้สวมใส่ยิ่งนัก และได้เดินเข้ามาในห้องเรียนที่ริสาและลินดานั้งอยู่
เมื่อหญิงสูงวัยผู้นี้เดินเข้ามาในห้องเรียน เสียงพูดคุยของเหล่านักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างเงียบลงทันที หนึ่งในนักศึกษาคนหนึ่งเป็นเสียงผู้ชายกล่าวขึ้นว่า
"นักศึกษาทำความเคารพ" ทุกคนพอได้ยินเสียงต่างพูดจาสวัสดีครับ สวัสดีค่ะ หญิงสูงวัยที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนคืออาจารย์ที่เข้ามาสอนในวันนี้ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเรียน รวมถึงริสาและลินดาด้วย
บรรยากาศในการเรียนเริ่มกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ได้ปิดภาคเรียนไป วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกทุกคนต่างตื่นเต้นที่ได้มาเรียนในวันแรกหลังจากหยุดเรียนกันไปหลายวัน วันนี้ทั้งริสาและลินดามีวิชาเรียนกันจนถึงตอนบ่ายของวัน หลังจากเรียนเสร็จริสากำลังเตรียมเก็บเอกสารอุปกรณ์การเรียนของเธอเพื่อเตรียมตัวออกจากห้องเรียนเพื่อจะเดินทางกลับที่พัก ส่วนลินดาก็กำลังเก็บเอกสารเตรียมตัวจะกลับเช่นกัน ทั้งคู่เดินออกจากห้องเรียนเพื่อจะเดินทางกลับ ระหว่างทางเดินที่เดินมาเรื่อยๆลินดาเอ่ยปากชวนริสา
"ริสา วันนี้เลิกเรียนแล้วริสามีธุระอะไรที่จะไปทำต่อหรือเปล่าจ๊ะ" ลินดาเอ่ยถามเพื่อนของเธอด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง เมื่อริสาได้ยินที่เพื่อนถามก็ตอบกลับไปว่า "วันนี้ไม่มีจ๊ะ ก็กะว่าจะกลับบ้านเลยจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าลินดา" ริสาถามกลับลินดาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่สงสัยในคำถามของเพื่อนของเธอ ส่วนลินดาเมื่อได้ยินที่ริสาถามกลับมาเธอก็เอ่ยตอบไปว่า
"ฉันว่าวันนี้ถ้าริสาไม่มีธุระอะไรที่ไหน ฉันกะว่าจะชวนริสาไปทานข้าวเย็นที่บ้านของฉัน พอดีวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ที่บ้านคุณแม่ทำกับข้าวไว้หลายอย่าง ท่านบอกไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนที่ฉันจะมามหาวิทยาลัยแล้วละ ว่าวันนี้ให้ชวนริสามาทานข้าวเย็นที่บ้านเราด้วย" ลินดาบอกริสา
"เกรงใจคุณแม่กับคุณพ่อของเธอจังเลยลินดา ที่ท่านคิดถึงฉันและเอ็นดูฉันเสมอ" ริสาบอกและยิ้มให้กับเพื่อนของเธอ
"ถ้าริสาไม่ติดอะไร ไปทานข้าวที่บ้านฉันนะ" ลินดาเอ่ยปากชวนเพื่อนอีกครั้ง
"ได้เลยจ๊ะลินดา แต่ก่อนไปบ้านเธอฉันขอแวะซื้อของไปฝากคุณพ่อคุณแม่เธอหน่อยนะ เพราะฉันก็ไม่ได้ไปเจอท่านทั้ง2นานแล้ว" ริสาพูดกับลินดา
ทั้งสองเดินออกมาหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียกรถแท็กซี่ สักพักก็มีรถแท็กซี่คันสีเขียวเหลืองขับผ่านมาจอดที่ทั้ง2คนยืนอยู่พอดี ทั้ง2คนจึงขึ้นรถแท็กซี่คันนั้นและบอกให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่พวกเธอเรียนอยู่นัก ไม่นานทั้งริสาและลินดาก็มาถึงห้างสรรพสินค้า
ทั้ง2จึงพากันเดินเข้าไปในห้างแห่งนั่น และเดินมุ่งตรงไปยังที่ตั้งขายผักและผลไม้สด ที่นั่นเต็มไปด้วยผักและผลไม้ที่มีทั้งของไทยและที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ วางเรียงรายเต็มไปหมด ริสาเดินตรงไปยังที่จัดวางส้มและแอปเปิล ริสาหยิบส้มและแอปเปิลใส่ตระกร้า ข้างๆกันมีสตรอเบอรี่ องุ่น เธอก็หยิบลงตระกร้ามาอย่างละเท่าๆกัน โดยมีลินดาคอยช่วยหยิบเลือกอยู่ใกล้ๆ เมื่อริสาเลือกผลไม้เสร็จเธอก็นำไปให้พนักงานช่วยจัดใส่กระเช้าผลไม้และตกแต่งให้สวยงามสำหรับนำไปให้คุณพ่อคุณแม่ของลินดา ไม่นานนักพนักงานก็จัดผลไม้เสร็จได้กระเช้าผลไม้ขนาดกำลังพอดีไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ริสามองดูด้วยความพอใจในฝีมือการจัดกระเช้าของพนักงานที่รู้จักตกแต่งใช้ใบไม้ ดอกไม้ และริปบิ้นสีมาตกแต่งให้กระเช้าผลไม้ใบนี้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
ทั้งริสาและลินดาใช้เวลาอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ไม่นาน ทั้ง2คนก็เดินออกมาหน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อจะเรียกรถแท็กซี่ไปบ้านของลินดากัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -