ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
ซงยุ่นยุ่นแต่งงานแล้ว เจ้าบ่าวกลับไม่ได้ปรากฏตัวเลย
ชุดเครื่องนอนสีแดง ตัวอักษรอวยพรที่อยู่บนฝาผนัง สีที่โดดเด่นสะดุดตาเหมือนกับกำลังตบหน้าของเธอทีละฉาด
ความอัปยศอดสู! ไม่พอใจ!
แต่แล้วจะทำยังไงได้
ตั้งแต่เกิดมาชีวิตของเธอก็ล้วนแต่อยู่ในกำมือของคนอื่นมาโดยตลอด รวมถึงการแต่งงานนี้ด้วย
ที่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลเจียง ก็เป็นเพราะความโลภของพ่อ
ปู่ของเธอเคยเป็นคนขับรถของเฒ่าแก่เจียง จากอุบัติเหตุเหตุการณ์หนึ่ง ทำให้คุณปู่เสียงชีวิตเนื่องจากช่วยชีวิตเฒ่าแก่เจียงไว้
บริษัทเล็ก ๆ ที่ดำเนินการกันเองในครอบครัว ได้แบกหนี้สินก้อนโต้ ใกล้จะล้มละลาย พ่อผู้เฉลียวฉลาดรู้ว่าถ้าเกิดไปขอเงินจากตระกูลเจียง บุญคุณที่ติดค้างไว้ก็จะชดใช้หมด ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีกอบโกยผลประโยชน์จากคนอื่นขึ้นมา โดยเสนอให้เจียงเย่าจิ่ง หลานชายของเฒ่าแก่เจียงแต่งงานกับเธอ
จากความมั่งคั่งของตระกูลเจียง จะต้องมอบสินสอดก้อนใหญ่ให้อย่างแน่นอน
แล้วก็สามารถได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลเจียงด้วย
ตระกูลเจียงเนื่องด้วยรักในศักดิ์ศรีของตัวเอง ก็เลยไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
การแต่งงานในครั้งนี้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาก็เลยไม่มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงแต่งงานที่จัดขึ้นระหว่างสองตระกูลเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเสนอเงื่อนไขออกมาว่า ห้ามไม่ให้เธอแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขาในที่สาธารณะอีกด้วย
เรื่องทั้งหมดนี้ ไม่มีใครถามเธอเลยว่าเธอเต็มใจหรือไม่
เธอลืมตาที่สว่างสดใส ขนตาที่ม้วนงอนสั่นกระพือเล็กน้อย เก็บซ่อนความรั้นเอาไว้
ตอนที่เธอไม่รู้ว่าจะข้ามผ่านคืนแรกของการแต่งงานนี้ไปยังไงนั้น เธอก็ได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมงาน
ขอให้เธอช่วยมาเข้าเวรแทน
เธอเรียกรถไปที่โรงพยาบาล
จากชุดแต่งงานสีแดงเปลี่ยนเป็นเสื้อกาวน์สีขาว
จู่ ๆ ประตูของห้องเฝ้าเวรก็ถูกเปิดออกมาอย่างรุนแรง เสียงดังปัง
เธอกำลังคิดที่จะเงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาก่อน ไฟในห้องดับลง
ซงยุ่นยุ่นขนลุกตั้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ใคร...”
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็ถูกกดลงไปบนโต๊ะ สิ่งของที่อยู่บนโต๊ะร่วงตกลงเต็มพื้นเสียงดังโครมคราม มีดแหลมคมจ่อตรงคอของเธอ ก่อนจะพูดขู่ออกมา “หยุดพูด!”
ภายใต้แสงไฟที่มืดสลัว เธอเห็นแค่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด และดวงตาที่ดุร้ายคู่นั้นของผู้ชายคนนั้นเท่านั้น
กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นโชยมาแตะที่ปลายจมูก เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บ
บางทีอาจจะเป็นเพราะงานของเธอ ทำให้เธอมีนิสัยที่สงบนิ่ง
เธองอขาขึ้นมาเบา ๆ พยายามโจมตีไปยังจุดอ่อนของผู้ชายคนนั้น แต่ทันทีที่เธอขยับก็ถูกผู้ชายคนนั้นจับได้ เขาใช้แรงหนีบสองขาที่อยู่ไม่สุขของเธอเอาไว้
“ฉันเห็นว่ามันมาทางนี้ชัด ๆ ”
เสียงฝีเท้าเริ่มเข้ามาใกล้ประตู
ได้ยินเสียงของพวกเขากำลังจะเปิดประตู
ในช่วงวิกฤต ผู้ชายคนนั้นก้มหน้าลงจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ
ซงยุ่นยุ่นขัดขืน ผลักผู้ชายคนนั้นออกไปเขาไม่ได้ใช้อาวุธแหลมคมที่อยู่ในมือทำร้ายเธอ
เธอชะงักไป
แกร๊ก!
ตอนนี้ลูกบิดประตูถูกบิดแล้ว
ซงยุ่นยุ่นรู้สึกตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นมาจูบตอบกลับไป เธอเริ่มเป็นฝ่ายโอบคอของผู้ชายคนนั้นเอง
เสียงของเธอสั่น แต่พยายามฝืนให้สงบนิ่ง “ฉันช่วยคุณได้นะ”
ลูกกระเดือกของชายคนนั้นขยับขึ้นลง วินาทีต่อมาก็เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นฝ่ายกระทำแทน ลมหายใจที่ร้อนผ่าวรดใบหูของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำ และเซ็กซี่ “ผมจะรับผิดชอบคุณเอง”
ไม่สิ เขาเข้าใจผิดแล้ว เธอแค่อยากที่จะแสดงละครเท่านั้น
นาทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก
เธอก็ร้องครวญครางออกมาแบบในละครเสียงครวญที่นุ่มนวลนั้น ทำให้ชายคนนั้นหลุ่มหลง
แล้วก็ทำให้คนที่อยู่ตรงประตูนั้น ได้ยินแล้วก็รู้สึกวาบหวามเช่นกัน
“ให้ตายสิ มาแอบเอากันในโรงพยาบาลแบบนี้ ช่างเร้าใจจริง ๆ ”
ประตูห้องถูกเปิดออก แสงไฟตรงทางเดินส่องลอดผ่านช่องเข้ามาข้างใน ชายคนนั้นกดร่างกายของเธอเอาไว้ บดบังการสอดส่องของคนตรงประตู ภายใต้แสงไฟที่มืดสลัวเห็นแค่เรือนร่างที่ชวนให้เห็นแล้วเลือดลมสูบฉีดด้วยอารมณ์ที่ตื่นตัว
“ไม่มีทางเป็นเจียงเย่าจิ่งอย่างแน่นอน มันบาดเจ็บขนาดนั้น ต่อให้เอาสาวงามขนาดไหนมาให้มัน มันก็ทำไม่ไหว”
“นังนี่ร้องครางได้อารมณ์จริง ๆ ”
“รีบไปหาตัวมันสิวะ ไม่อย่างนั้นพวกเราได้ตายแน่ ๆ !”
เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ออกไปไกลเรื่อย ๆ
ชายคนนั้นรู้ว่าคนกลุ่มนั้นไปกันแล้ว แต่เขาพบว่าตัวเองควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป ถูกผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้มากระตุ้นความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเข้าแล้ว
อาจเป็นเพราะบรรยากาศเป็นใจ และท่าทางของทั้งสองคนก็ดูโรแมนติก ในที่สุดความอดกลั้นที่กดอยู่ในใจของซงยุ่นยุ่นก็ปะทุขึ้นมาก็เหมือนกับก่อการกบฏ
ชีวิตที่ถูกควบคุมบงการ ทำให้ชีวิตของเธอดำมืดไปหมด
เธอต่อต้านมันด้วยการปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำตามใจตัวเอง!
ซงยุ่นยุ่นเองก็ไม่ได้ต่อต้านขัดขืนอะไร เธอคล้อยตามชายคนนั้น มอบครั้งแรกของตัวเองไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
......
หลังจากเสร็จสิ้นแล้วชายคนนั้นก็จูบแก้มของเธอเบา ๆ เสียงในลำคอที่ทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความแหบแห้ง “เดี๋ยวผมจะกลับมาหาคุณ” พูดจบก็ออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
ซงยุ่นยุ่นไม่ได้ลุกขึ้นมาทันที ช่วงเอวถูกกดทับกับขอบโต๊ะอยู่นาน ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปหมด
และตอนนี้โทรศัพท์ที่ถูกดันมาอยู่ตรงขอบโต๊ะเกือบจะตกลงไปนั้นก็ดังขึ้นมา
เธอยื่นมือออกมาคว้าเอาไว้ มีเสียงที่รีบร้อนดังขึ้นมาจากในสาย “คุณหมอเฉิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์กำลังรออยู่ที่แผนกฉุกเฉิน บาดเจ็บสาหัสจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ คุณรีบมาเถอะ”
ซงยุ่นยุ่นจัดการกับเสียงของตัวเอง ก่อนจะตอบกลับไปอย่างนิ่ง ๆ “ค่ะ ฉันจะรีบไป”
พอวางสายลง เธอก็เหม่อไปสองสามวินาที เมื่อตะกี้...
เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตรงส่วนล่าง ล้วนแต่กำลังบอกกับเธอว่า เมื่อตะกี้นี้มันไม่ใช่ความฝัน มันเกิดขึ้นจริง เธอมีอะไรกับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนวันแต่งงานจริง ๆ ...
ชีวิตนี้ทั้งชีวิตของเธอ นี่เป็นเรื่องที่เธอแหกกฎที่สุด!
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะมุ่งตรงไปที่แผนกฉุกเฉินทันที
ยุ่งมาตลอดทั้งคืน
เธอกลับมาถึงห้องเฝ้าเวร ห้องยังคงระเกะระกะอยู่
พอเธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สองมือก็กำแน่นเล็กน้อย
“หมอซ่งขอบคุณที่มาเฝ้าเวรแทนฉันนะคะ” เฉินเวินเหยียนเดินตรงมาอย่างยิ้มแย้ม
ซงยุ่นยุ่นพยายามฝืนยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมา “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันจัดการธุระเสร็จแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” พอเฉินเวินเหยียนเห็นห้องระเกะระกะ ก็ยกคิ้วขึ้น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ?”
ซงยุ่นยุ่นหันหน้าไป เธอปกปิดความตื่นตระหนกในแววตา “ฉันไม่ทันระวังเผลอไปชนข้าวของจนตกหล่นเข้าน่ะ ในเมื่อคุณมาแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”
เฉินเวินเหยียนรู้สึกว่าเธอแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ก่อนจะเข้าไปเก็บข้าวของที่อยู่บนพื้น
แต่ในเวลานี้คณบดีก็พาฮั่วซวิน ผู้ช่วยของเจียงเย่าจิ่งมาที่ประตู
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"