พบูตกงาน เลยตัดสินใจหอบเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ลงเรือไปเที่ยวกับเรือสำราญ ที่เธอบังเอิญได้ตั๋วฟรีมาจากการเล่นเกม มันเป็นความโชคดีเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นชีวิต ตลอดเวลายี่สิบสี่ปีของเธอ ท้องทะเลกับกลิ่นเกลือ อาจจะช่วยเยียวยาหัวใจแห้งแร้งของเธอก็ได้ ใครจะไปคิด...ทริปสุดสนุกที่วาดฝันไว้ กลับกลายเป็นบ่วงโซ่ร้อยเธอไว้จนดิ้นไม่หลุด ท่ามกลางผู้คนจากทั่วสารทิศ อาเชอร์กลับมองเห็นแค่คนคนเดียว ผู้หญิงสาว ที่สวยเหมือนกับดอกไม้ สวยสะกดสายตาเขา จนหลงเพริดไปกับเสน่ห์เย้ายวนนั่น มันไม่ง่ายเหมือนที่เคยเป็น หญิงผู้นั้นต่อต้าน จนอาเชอร์เริ่มโมโห เขาจงใจเข้าหาและหลอกล่อหล่อน พอได้ทุกสิ่งสมใจแล้ว อาเชอร์ตั้งใจจะสลัดหล่อนทิ้ง แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นเลย...
ตอนที่ 1.ความซวยกระทบหัวไหล่
“ได้ๆ ฉันลาออกเองค่ะ ถ้าคุณต้องการให้ฉันก้มหัวให้ยายป้าคนนั้น ก็เสียใจด้วยค่ะ” พบูส่ายหน้า ปลดเข็มกลัดติดหน้าอกโยนใส่หน้าหัวหน้าขาวีนที่ต้องการให้เธอ ออกไปก้มหัวให้ลูกค้าปากมากคนนั้น
พบูพยายามทนจนสุดที่จะทนไหว เธอเริ่มทำงานที่ร้านรองเท้าแห่งนี้เข้าเดือนที่สอง ต้องผจญกับลูกค้าเรื่องมากหลากหลายรูปแบบ แต่ไม่เคยเจอใครที่ปากมากและดูถูกคนอื่นแบบนี้มาก่อน
“พบู ถ้าเธอคิดว่าแค่ลาออกแล้วจบ เธอคิดผิดนะ” เสียงเย็นชาไร้ความรู้สึก
“ทำไมคะ คุณจะแบนฉันหรือไงคะ ฉันไม่คิดจะทำงานสายนี้อีกแล้วค่ะผู้จัดการ ฉันไม่ชอบวิธีการดูถูกของคนรวยพวกนี้เลย ฉันทำอย่างอื่นก็ได้ เรื่องตกงานแค่นี้ไม่ทำให้ฉันอดตายหรอก” คำขู่พวกนี้ไม่ได้ผลกับเธอ พบูไม่มีใครให้ต้องแคร์ เธอตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ นับตั้งแต่อายุสิบห้าปีบริบูรณ์
พบูเป็นเด็กกำพร้า ไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวเอง เธอโตมาท่ามกลางพี่น้องนับร้อยชีวิต และเมื่อถึงเวลา เธอก็ต้องออกมาเผชิญโชค ไม่อย่างนั้นเด็กที่อายุน้อยกว่าจะไม่มีที่นอน
โชคดีที่พบูเป็นเด็กว่าง่าย หลังจากอายุถึงเกณฑ์ พบูก็ไปอาศัยอยู่กับแม่ชีที่คอนแวนซ์ เธออาศัยใบบุญของแม่ชีเรียนต่อที่นั่น แม้จะถูกดูแคลนจากคนรอบข้างตลอดเวลาที่ศึกษาต่อ แต่เวลาแสนเศร้าเหล่านั้นก็ไม่ทำให้พบูยอมแพ้ เธอกัดฟันเรียนจนจบ ด้วยเกรดที่ไม่มีใครกล้ากระแหนะกระแหน แถมยังได้ป้ายประกาศเชิดชูความขยันติดมือกลับออกมาด้วย
สมัยที่เรียนในระดับวิทยาลัย’ สังคมแบบเดิมทำให้พบูไม่มีเพื่อนมากนัก หลายคนถอยหนี ไม่พยายามคบค้าสมาคมกับเธอ เนื่องจากความจนที่แปะติดหน้าผากของเธอนั่นเอง
พบูกระเสือกกระสนจนกระทั่งเรียนจบ
เกรดไม่ได้งดงามเหมือนเพื่อนคนอื่นที่เรียนอย่างเดียว แต่ก็สุดความสามารถที่พบูทำได้ เธอนอนวันละไม่เกินสี่ชั่วโมงถึงสามปีเต็ม ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ต้องใช้น้ำลูบท้องประทังความหิว
พบูพยายามอดทนทำงานเต็มความสามารถ แต่การถูกเหยียดหยามไม่ใช่สิ่งที่พบูจะยอมทน เธอพยายามกลั้นใจไม่ฟังคำแดกดันนั่นแล้ว
แต่ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว เธอเผลอตัวตอบโต้ และทำให้ลูกค้าสูงส่งคนนั้นโมโห
“บูพี่อยากเตือน บูหยิ่งในศักดิ์ศรีได้ก็ต่อเมื่อท้องบูอิ่ม แต่หากท้องบูยังกิ่ว และไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ที่บูควรทำคือ ‘อดทน’ นะ” คำเตือนของผู้จัดการทำให้พบูเลือดขึ้นหน้า
เธอไม่มีทางขายศักดิ์ศรีแม้ตัวเองจะต้องอดตาย
“ขอบคุณค่ะ บูจะจำคำสอนของพี่ไว้ค่ะ”
“ใจเย็นๆ ออกไปขอโทษคุณนายตันหยงซะ เรื่องมันจะได้จบ” เสียงถอนใจกับสีหน้าลำบากใจของผู้จัดการทำให้พบูตัดสินใจอีกแบบ
“อย่าดีกว่าค่ะ บูกลัวกลั้นไม่ไหวแล้วจะไปกันใหญ่ บูขอเป็นฝ่ายไปดีกว่าค่ะพี่”
“บู คุณนายตันหยงไม่ใช่แค่รวยธรรมดาหรอกนะ” ผู้จัดการพยายามเตือน
“ไม่ต้องห่วงบูค่ะพี่ บูกำลังอยากพักพอดี บูจะไม่มาเหยียบที่นี่ให้พี่เดือดร้อนอีกค่ะ” พบูตัดสินใจแล้ว คำถากถางนั่นเกินกว่าที่เธอจะรับได้ เธอเกิดมาขาดทุกสิ่งแล้วไง เธอไม่เคยแบมือขอใครกิน ต่อให้เธอแร้นแค้นไม่มีที่ซุกหัวนอน พบูก็ตั้งใจไว้ เธอไม่มีทางก้มหัวให้กับใครหน้าไหนก็ตามที่ตั้งใจเอาเงินฟาดใส่หน้าเธอ
“บู”
“อย่ากล่อมบูเลยพี่ บูตัดสินใจแล้ว”
เสียงถอนใจดังๆ กับคำเตือนที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ระตัวด้วยแล้วกัน ยายคุณนายนั่น เบื้องหลังน่ากลัวกว่าที่บูคิด”
พบูพยักหน้ารับ เดินเข้าไปด้านในหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าและคืนป้ายพนักงานเสร็จ พบูก็เดินออกมาด้านนอก เธอหันไปเหยียดยิ้มให้คุณนายตันหยงที่นั่งกอดอกคอแข็งอยู่ด้านใน ก่อนจะเดินลอยชายออกไปทันที
นั่นเป็นจุดกำเนิดเรื่องหายนะในชีวิตพบู
เธอกระตุกหนวดและฉีกหน้าใครบางคนเข้า ความพยาบาทนั่นชักพาให้พบูต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์สุดกระอักกระอ่วนยิ่งกว่า
พบูพยามเดินช้าๆ ให้ตัวเองใจเย็นขึ้น เธอเดินมาได้สักพักก็เริ่มหิว เธอกวาดตามองหาอาหารราคาถูก ที่สตางค์ในกระเป๋าของเธอตอนนี้พอจะซื้อได้ แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ว่าอาหารหรือสินค้าในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็เกินกำลังเธอทุกชิ้น เธอล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จ้องธนบัตรที่เหลือน้อยนิดแล้วคำนวนรายจ่ายจนกว่าเธอจะหางานใหม่ได้ เธอคงต้องรัดเข็มขัดมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“เชิญทางนี้ค่ะ ถ้าใครกินเกี๋ยวเตี๋ยวชามยักษ์นี่หมดภายในสิบนาที กินฟรีพร้อมกับมีรางวัลใหญ่ให้ค่า”
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ