ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
บทที่ 1
รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา
“ผู้หญิงพวกนี้มาจากสามครอบครัวที่พ่ออยากร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วย แกเลือกมาสักคนก็แล้วกัน ที่เหลือพ่อจะจัดการต่อเอง” โรเบิร์ตวางภาพถ่ายหญิงสาวห้าใบลงบนโต๊ะทำงานทางฝั่งที่ลูกชายนั่งอยู่
หนุ่มหล่อวัยย่างสามสิบห้านามว่าไบรอัน ไม่เหลียวไปมองแม้เพียงหางตา แสดงเจตนารมณ์ให้บิดาให้รู้ชัดเจน ว่าเขานั้นไม่พอใจกับการกระทำของท่านมาก
ผู้เป็นบิดามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วสูดลมหายใจอย่างหนักอก เขาไม่ได้อยากจะบังคับจิตใจลูกชายแบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่ทำทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็ต้องพัง
“ไบรอัน”
“ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเราก็ทำธุรกิจได้นี่ครับ”
“ได้แต่มันไม่ง่าย กฎหมายหลาย ๆ อย่างมันยุ่งยากสำหรับคนต่างด้าว การแต่งงานคือวิธีที่ยุ่งยากน้อยที่สุด และเอื้อประโยชน์ได้มากที่สุดไบรอัน” บิดาพยายามเอาเรื่องงานมาอ้างเพื่อชักจูงลูกชายให้ทำตาม
“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงาน ผมอยากใช้ชีวิตเพลย์บอยต่อไปอีกสักพัก พ่อควรลืมเรื่องนี้ไปซะ”
“ถ้าพี่สาวของลูกเป็นผู้ชาย พ่อคงไม่บังคับลูกแบบนี้หรอกไบรอัน” เขารู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้รักชีวิตอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด ไม่ชอบถูกแสดงความเป็นเจ้าของมาแต่ไหนแต่ไร แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องปักหลักจริงๆ จังๆ เสียทีเพราะอายุก็เริ่มมากขึ้น
“ถึงไบรโอนี่จะเป็นผู้ชายก็คงไม่พ้นผมอยู่ดี เพราะเธอแต่งงานไปสิบปีแล้ว” เขาพูดเตือนบิดาที่ทำเหมือนเขาไม่รู้ทันท่าน “ทำไมพ่อไม่ให้ไบรท์แต่งแทนล่ะ” และโยนภาระทั้งหมดไปที่น้องชายต่างมารดา มองท่านด้วยสายตาอ้อนวอน
“แกจะบ้าหรือไงไบรอัน ไบรท์เพิ่งจะอายุสิบหกเท่านั้น ฉันให้แกแต่งงานเพื่อธุรกิจนะ ไม่ได้แต่งเพื่อตอบแทนบุญคุณของใคร” โรเบิร์ตตำหนิลูกชายที่ไม่ต้องการแต่งงานจนขาดเหตุผล
“แต่ผมไม่อยากแต่งนี่พ่อ” เขาเริ่มเสียงดังและแสดงอารมณ์ออกมามากขึ้น
“แกต้องแต่งนี่คือคำสั่ง ถ้าแกไม่แต่งฉันจะถือว่าแกทำลายตระกูลของเรา ตระกูลที่ฉันเพียรสะสมชื่อเสียงมาด้วยสองมือนี้” บิดาแบมือออกไปข้างหน้าแล้วจ้องตาลูกชาย “ทุกอย่างที่ฉันทำก็เพื่อแกรู้เอาไว้ด้วย เพราะแกคือดวงใจของฉัน”
“ผมไม่เชื่อ!” เขาเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
“ไบรโอนี่ไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของแก เธอเป็นลูกที่แม่แกขอมาเลี้ยง เพราะคิดว่าไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้” เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่โรเบิร์ตคิดจะพูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้ลูกสาวคนโตหรือแม้แต่ภรรยาใหม่รู้เรื่องนี้ “พ่อกับแม่แต่งงานกันมาหลายปีแต่ไม่มีลูก แม่แกจึงขอไบรโอนี่มาจากบ้านเด็กกำพร้า แต่หลังจากนั้นหกเดือนเขาก็ตั้งท้องแก หลังจากคลอดแก แม่แกก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ มาตลอด จนแกอายุสิบสองแม่แกก็จากไป แต่ก่อนที่จะจากไปแม่แกได้ฝากฝังให้ฉันดูแลแก สร้างอนาคตที่ดีให้กับแกให้มากที่สุด เพราะเขารักและเป็นห่วงแกมาก” พูดจบก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งที่เก็บรักษาไว้อย่างดีในลิ้นชักยื่นให้ลูกชาย
ชายหนุ่มรับจดหมายจากบิดาแล้วเปิดอ่าน
ที่รัก
ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันขอต่อไปนี้อาจจะทำให้คุณลำบากใจในอนาคต แต่ที่ฉันขอร้องคุณเรื่องนี้ ก็เพราะฉันรู้ตัวดีว่าฉันจะมีชีวิตเคียงคู่ไปกับคุณได้อีกไม่นาน ได้โปรดดูแลลูกชายของเราให้ดีที่สุด สร้างอนาคตให้เขาแทนฉันด้วยนะคะที่รัก ฉันคงตายตาไม่หลับ ถ้ารู้ว่าลูกชายของเรามีชีวิตอยู่บนความไม่มั่นคงเหมือนเรา ฝากดูแลเขาต่อจากฉันด้วยนะคะที่รัก
เอลเลน
“เมื่อก่อนพ่อทำงานอะไร” เขาพับจดหมายเก็บที่เดิมอย่างทะนุถนอม ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“ค้าของผิดกฎหมายตามใบสั่ง เป็นสายให้ตำรวจ” บุรุษวัยหกสิบเศษยอมเปิดเผยความจริงเพราะคิดว่าลูกจำเป็นต้องรู้ “พ่อเป็นเด็กจรจัด ไม่รู้จักครอบครัวของตัวเองด้วยซ้ำ ส่วนแม่แกมาจากครอบครัวที่ดีที่ล้มละลาย เธอต้องเริ่มต้นทำงานหาเงินเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนหลังจากนั้น และเราก็ได้เจอกันบ่อย ๆ จนกลายเป็นความรัก
เราตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วยกันทั้งที่ครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วย เราลำบากมากตอนนั้น แต่แม่แกก็ไม่เคยตำหนิพ่อที่พาเธอมาลำบาก เธอดูแลพ่อด้วยความรักและคอยให้กำลังใจ เธอทำงานหนักกว่าพ่อโดยไม่บ่นสักคำ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่แกสุขภาพไม่ดี แต่เธอก็ไม่เคยบอกหรือแสดงให้พ่อเห็นสักครั้ง” เขามองหน้าลูกชายอย่างสำนึกผิดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
“หลังจากนั้นพ่อก็เข้าสู่ธุรกิจมืดใช่ไหม” เขาเห็นความเจ็บปวดจากสายตาของบิดา ไม่ได้นึกโกรธที่ท่านคือต้นเหตุที่ทำให้มารดาจากไปเร็ว เพราะเข้าใจดีว่าท่านไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“ใช่ แต่แม่แกไม่รู้เพราะพ่อโกหกเธอมาตลอด เราเริ่มมีเงินเก็บมากขึ้น ซื้อบ้าน ซื้อความสะดวกสบายได้ทุกอย่าง แล้วความจริงก็มาเปิดเผยตอนที่พ่อต้องเข้าไปอยู่ในคุก เพื่อเป็นสายให้ตำรวจ ตอนนั้นลูกอายุได้ห้าขวบ แม่ของลูกดิ้นรนที่จะช่วยพ่อออกมาจากคุกให้ได้ เพราะคิดว่าตำรวจจับผู้บริสุทธิ์ พ่อจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง พ่ออยู่ในคุกเกือบสองปีถึงถูกปล่อยตัวออกมา ตอนที่อยู่ในคุกพ่อเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากที่นั่น เมื่อออกมาแล้วพ่อจึงเริ่มมองหาอาชีพสุจริต พ่อเริ่มทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายเป็นครั้งแรก โดยการช่วยเหลือของนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง”
“เขาก็คือพ่อของคริสติน” ชายหนุ่มเอ่ยถึงมารดาเลี้ยงผู้แสนดี ที่อายุห่างกับบิดาถึงสามสิบปี
บิดาพยักหน้ารับ “เราเจอกันครั้งแรกในงานศพแม่ของลูก หลังจากนั้นเธอก็คอยมาช่วยดูแลลูกกับพี่สาวอยู่เสมอ พ่อตัดสินใจแต่งงานกับเธอหลังจากนั้นอีกสองปี เมื่อเห็นว่าเธอรักและเอาใจใส่แกกับพี่สาวด้วยความจริงใจ หลังจากแต่งงานกับเธอแล้ว พ่อของเธอก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องธุรกิจมากขึ้น จนบริษัทรีไซเคิลของเรากลายเป็นบริษัทที่ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ แต่ลูกรู้อะไรไหม...”
"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
“เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี