สัญญาณเรียกร้องตามครรลองธรรมชาติ หรือนี่จะเป็นสัญญาณสวาท มีเนื้อหาบางช่วงตอน อาจไม่เหมาะสมกับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
สัญญาณสวาท
S H A S H A
ตอนที่ฉันกำลังเดินลัดเลาะภายในสวน กำลังจะกลับเข้าบ้านอยู่นั่นเอง เงาสูงใหญ่ของอะไรสักอย่างก็ทาบเป็นแนวยาวมาที่ด้านหลังของฉัน พร้อมเสียงทักถามดังขึ้น
“ทำไมออกมาเดินค่ำ ๆ มืด ๆ แบบนี้”
ฉันหันไปปลายตามองที่เสียงนั่น ก็พบว่าเป็นเจ้าของร่างกายบึกบึน ที่ฉันเคยแอบมองเขาอยู่เสมอ
รูปร่างของเขาสูงใหญ่ คงเป็นเชื้อสายต่างชาติ ไม่ใช่ไทยแท้อย่างที่ฉันเคยได้ยินมาว่าฉันเป็น หรือเคยเห็นจากพวกอื่น ๆ ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขาไปหรอก มองด้วยหางตาอย่างระแวดระวัง แล้วออกเดินกลับไปยังบ้านอย่างเดิมอย่างที่ตั้งใจไว้ในคราแรก
“เดี๋ยวเดินไปส่ง”
เสียงเขาบอก แล้วเดินเข้ามาเสียใกล้จนฉันใจสั่นนิด ๆ เดินต่อแทบไม่ไหว รู้สึกว่าร่างกายของฉันมันแปลก ๆ เมื่อได้ใกล้ชิดกับเขา
เขาเอาตัวมาเบียดฉัน จนจมูกของเขาเฉียดใบหน้าของฉันไปนิดเดียว ฉันหยุดเดิน เอียงหน้าหนีเขา ใจสั่น ขาของฉันก็สั่นตามไปด้วย เมื่อรู้สึกได้ว่าเขาแอบสูดดมไปตามพวงแก้มและลำคอของฉัน
แล้วตอนนั้นเอง ที่ฉันต้องผงะออกห่าง ขนบนเรือนกายตั้งชันทั้งตัว พร้อมกับที่หูแว่วเสียงเรียกดังมาจากในบ้าน อาการวูบวาบในร่างกายของฉันยังคงอยู่ ตาอดมองไปยังไฟที่ส่องมาจากในบ้านที่อยู่เบื้องหน้านี่ไม่ได้
เสียงเรียกนั่นดังมากขึ้น แล้วก็ใกล้กว่าเดิม ฉันฟังเสียงนั่นแล้วก็จำได้มั่น ว่านั่นคือเสียงของพี่ฉันเอง
“ต้องไปแล้ว”
ฉันบอกเขา ด้วยอาการตัดใจ ตัดอารมณ์ ตัดความรู้สึกอย่างหนึ่งที่แล่นพุ่งพล่านในตัวทิ้งไป เดินให้ห่างจากเขา หนีความรู้สึกแปลก ๆ เหล่านั้น
แต่เขาก็ไวมาก เข้ามาขวางหน้า คำรามในลำคอบอกว่าคืนพรุ่งนี้จะรอฉัน รอที่ตรงนี้อีก
รอฉันอย่างนั้นหรือ
ฉันไม่มีทางออกมาพบเขาดึก ๆ ดื่น ๆ อีกเป็นแน่
“กว่าจะกลับมาได้ ออกไปไหนมาอีกแล้วเนี่ย” เสียงกล่าวกระแหนะกระแหนของพี่สาวดังดักอยู่ที่ทางเข้าบ้าน ฉันยิ้มไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังอีกทาง เพื่อจะกลับเข้าห้องของตัวเอง
แต่พี่สาวของฉันกลัยเดินตรงเข้ามาลากฉันเข้าไปในอีกห้อง ฉันอยากขัดขืน แต่แล้วก็สู้แรงของพี่ไม่ไหว เมื่อทางนั้นลงทุนอุ้มฉันแล้วจับเข้าไปในห้องจนเป็นอันสำเร็จ พี่ขังฉันเอาไว้ในห้องได้แล้ว ก็ปิดล็อกห้องทันที แล้วออกไปคุยกับแม่ที่ด้านนอก ทั้งคู่ส่งเสียงบ่นเรื่องที่ฉันมักจะออกไปไหนมาไหนตอนดึก ๆ อยู่เรื่อย
ฉันถอนใจเบา ๆ นอนลงอย่างหมดอาลัยตายยาก ตอนนั้นเองที่ความรู้สึกของช่องท้องของฉันมันปั่นป่วนขึ้น
ฉันนึกถึงความใกล้ชิดที่มีให้ระหว่างกันกับเขา
ฉันกำลังถูกจับแก้ผ้า พวกเขาขัดเนื้อตัวของฉันจนได้กลิ่นหอมสะอาดไปทั้งจมูก
ตอนนั้นเองที่สายตาของฉันเหลือบไปเห็นเขาคนนั้นที่ไกล ๆ เขาแอบมองฉันอาบน้ำอยู่ ทั้งอาย
“ฉันหนาวนะพี่ ฉันอยากเข้าบ้านแล้วด้วย”
ฉันหันไปบอกคนที่กำลังพยายามขัดถูหลังให้ฉันอยู่ แต่แล้วกลับถูกดุกลับมาว่า “อยู่นิ่ง ๆ สิ จะได้เสร็จไว ๆ ดิ้นแบบนี้แล้วเมื่อไรจะเสร็จสักที”
ต้องข่มอายแล้วเบือนหน้าหนีสายตาคมที่ลอบมองมาจากด้านนอก กว่าจะเสร็จฉันก็ตัวหนาวสั่น
หลังจากถูกขัดสีฉวีวรรณแล้ว ฉันก็พาตัวเองออกไปเดินเล่นที่ด้านนอก แล้วก็อดมองหาเขาคนนั้นไม่ได้ ตอนที่เดินหายเข้าไปในพุ่มไม้รก ๆ ตรงหน้านั่นเอง ฉันก็ตกใจอย่างหนัก เมื่อเห็นว่าเขาคนนั้นยืนอยู่ที่ตรงหน้านี่เอง
“กลิ่นของเธอมันฟุ้งกระจายไปทั่วเลยรู้ไหม”
“กลิ่นหรือ” ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าตัวเองมีกลิ่น
“นี่ไง”
ใบหน้าของเขาคลอเคลียอยู่กับใบหน้าของฉัน แล้วไล้ไปตามลำตัว ทำเอาฉันร้อนซู่ซ่าไปหมด บังเกิดอาการบางอย่างขึ้น
“หอม จนอดใจแทบไม่ไหว”
เขาบอกพร้อมกับดันฉันเข้าไปในพงหญ้าที่รก ๆ นั่น พร้อมกับดันฉันลงกับพื้น ขึ้นคร่อมฉันจากด้านหลัง แม้ฉันจะไม่เคย แต่ก็รู้สึกอย่างขยับตัวหลบหลักหนีเขา แต่ยิ่งหลบ เขาก็ยิ่งส่งเสียงคำรามใส่
ฉันหมดเรี่ยวแรงจะหนีไปจากเขา เพราะในกายของฉันก็ร่ำร้องอยากให้เขาทำอะไรกับฉันสักอย่างเพื่อลดอาการร้อนวูบวาบในเรือนร่างของฉันหลายวันมานี้ ร่างกายของฉันไม่ได้เป็นของฉันอีกต่อไปแล้ว เมื่อถูกเขากดลงที่พุ่มไม้ข้างบ้าน แล้วสอดเจ้าสิ่งที่ฉันมองไม่เห็นเข้ามาที่ในเรือนกายของฉัน
“เจ็บ ฉันเจ็บ”
ฉันร้องเสียงลั่น โหยหวยจนเขากดแรงลงมาที่หลังของฉันอีก น้ำหนักของเขาไม่เบาเลย ร่างสูงใหญ่กว่าฉันเป็นเท่าตัวทั้งหนักทั้งสั่นไปทั้งร่าง เขาปล่อยให้ส่วนที่สัมผัสกันนิ่งไว้แบบนั้น
“กูด้วยนะโว้ย”
เสียงแหบพร่าน่าเกลียดนั่นดังมาจากไหน ฉันพลิกกายหาในความมืด แต่แล้วก็บิดตัวไม่พ้นจากเขา ได้ยินแต่เสียงของเขาที่คำรามไล่เงาของพวกที่รุกเข้ามา
“ไม่นะ ปล่อยฉัน”
ตอนนั้นเองที่ต่างก็ชุลมุนกันไปหมด วุ่นวาย อึกทึก และเขาก็ถูกพวกมาใหม่รุมทำร้าย หลังจากนั้นฉันก็ถูกล่วงล้ำ ซ้ำ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ใช่จากเขาคนนั้นอีกแล้ว
แต่เป็นพวกอื่น ๆ ที่ดาหน้า ถาโถมเข้าหาฉัน
ฉันเจ็บร้าวระทมไปหมดทั้งร่างกายที่พวกนั้นกรพทำกับฉัน
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่ฉันสามารถตัวเองกลับมาที่บ้านได้อย่างเดิม ทั้งบ้านเงียบงัน ในนั้นเปิดไฟไว้เพียงบางดวงให้พอมีแสงรำไรอยู่บ้าง ฉันหมดเรี่ยวแรงจะเดินเข้าไป ขาของฉันอ่อนเปลี้ยและหมดเรี่ยวหมดแรง พาตัวเองลงนอนที่ตรงหน้าประตูอยู่นั่นเอง
ฉันไม่เห็นเขาอีกเลย ตั้งแต่คืนนั้นเป็นมา และฉันก็รับรู้ได้ถึง
บางอย่างที่เปลี่ยนแปลง ร่างกายของฉันมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ฉันรู้สึกอ่อนเพลีย อยากหลับตลอดทั้งวัน และเจ็บตึงที่ตรงหน้าอก
“ท้องแล้วล่ะสิ”
เสียงถามแดกดันดังมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าคนถามกำลังต้องการพูดกระแหนะกระแหนกับฉัน
ร่างอ้วนใหญ่ของคนถาม เดินเอาจานใส่ของโปรดมาวางลงที่ตรงหน้าฉัน ถึงจะดุว่า แต่ก็ไม่เคยขาดแคลนเรื่องการเอาใจใส่ อาหารการกินพี่สาวของฉันดูแลตลอด
“มันจะคลอดได้ไหมแม่”
“ทำไมแกพูดแบบนั้น”
“แม่ดูมันสิ อายุเท่านี้ก็ท้องแล้วเนี่ย เผลอ ๆ ลูกในท้องจะตัวใหญ่กว่ามันอีกนะ”
สายตาของคนที่ถูกเรียกว่าแม่มองฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอับอาย หน้าชาจนร้อนไปหมด หญิงชราคนนั้นพึมพำเบา ๆ ตอนที่จ้องตาฉัน
“ท้องหรือ”
นี่ฉันท้องหรือ
ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนั้นนัก นอกจากเรื่องกิน เรื่องออกไปวิ่งเล่นแล้ว ฉันก็แทบไม่รู้อะไรเลย พี่สาวกับแม่เท่านั้นที่เป็นเหมือนคนที่ปลอดภัยที่สุดที่ฉันจะกล้าเข้าใกล้
ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็อยู่ภายใต้แม่กับพี่สาวในบ้านหลังนี้แล้วฉันไม่เคยมีเพื่อน มีก็เพียงแต่ฝั่งตรงข้าม แวะเข้ามาหาแล้วก็จากไป
ไม่เคยได้พูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างที่ใจฉันต้องการ
ตอนนี้ฉันอยากรู้ว่าท้องคืออะไร
หลายวันจากนั้น ฉันรู้สึกว่าจะขยับเคลื่อนไหวตัวได้เชื่องช้าลงเรื่อย ๆ และท้องของฉันก็โตขึ้น
ฉันรู้สึกเสียใจเวลาที่คนในบ้านมองมาที่ฉัน
แววตาที่ทั้งดูหมิ่น และสังเวชทำให้ฉันระอายใจ
และอีกหลายวันหลังจากนั้น ในเช้าวันหนึ่ง ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเอาเสียเลย ในท้องของฉันมันถ่วงต่ำลงมาก ฉันกระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด แม้จะลุกลำบากแต่การได้เคลื่อนไหวตัวทำให้ฉันหายจากอาการไม่สบายเหล่านั้น
ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน พวกเขาจะกลับมาตอนไหน
ตอนนั้นเองที่สายตาของฉันมองเห็นเขาที่หน้าบ้าน
เขามา เขามาฉันแล้ว
ฉันมองเขาจากในบ้าน หวังใจอยากให้เขาเข้ามาฉัน ช่วยปลอบโยนฉัน แต่เปล่าเลย
เขาเดินจากไป โดยไม่สนใจใยดีฉันสักนิด
ฉันรู้สึกถึงความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในหัวใจของฉัน แต่ตอนนี้มันไม่เจ็บเท่ากับร่างกายอีกต่อไปแล้ว
“ช่วยด้วย”
ฉันส่งเสียงร้องเรียกให้ใครก็ตามเข้ามาช่วยฉัน อาการแปลก ๆ พวกนี้มีนกำลังทำให้เจ็บปวด ปวดอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อน มันคืออะไรกัน
“ช่วยหนูด้วย หนูเจ็บ”
ฉันร้องอีกครั้ง และอีกครั้ง อยู่เป็นนานจนเริ่มรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ท่อนล่าง มีน้ำไหลออกมาจากส่วนนั้นของฉันแล้ว
“ได้โปรดเถอะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”
ฉันได้ยินเสียงรถของพี่แล้ว
“ช่วยด้วย หนูเจ็บ พี่จ๋าช่วยหนูด้วย”
ฉันกลั้นใจร้องอีกครั้ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าบ้านมา พร้อมกับเสียงร้องโวยวายของพี่
“จะคลอดแล้วหรือ”
เสียงถามกระวนกระวายใจ พร้อมกับเสียงของพี่ตะโกนดังลั่นบ้านขึ้นว่า
“แม่! มันจะคลอดแล้ว”
ฉันปิดตาลงเพราะหมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมองดู ได้ยินเพียงฝีเท้าเบา ๆ พร้อมกับเสียงถามทอแววอ่อนโยนดังมาว่า
“ท้องสาว ไม่ออกง่าย ๆ หรอก”
ฉันฝืนเปลือกตาลืมขึ้นเพื่อที่จะมองไปยังพวกเขาด้วยแววตาขอความเห็นใจ แทบไม่ต้องร้องขออะไรอีก ฉันถูกย้ายออกไปนอนที่นอกบ้าน ในห้องเก็บของที่เป็นส่วนตัว ในนั้นมืด เงียบมาก และถูกจัดวางของใหม่ให้สะอาดและปลอดภัย
“ทนหน่อยนะ”
เสียงจากพี่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย ฉันมองตอบพี่นิ่ง ๆ อย่างหมดเรี่ยวแรง
“หิวไหม กินไหวไหว”
ฉันมองพี่สาวที่เอาแต่ถามไม่หยุดด้วยน้ำตาที่คลอเต็มสองเบ้า ก่อนที่ระลอกความเจ็บปวดจะรุกคืบเข้ามาทรมานฉัน ฉันร้องโหยหวนอีกครั้งเมื่อในท้องเจ็บหน่วงขึ้น เจ็บมากขึ้น มากขึ้น และมากจนฉันกรีดเสียงร้องออกจนสุด
“แม่!”
เสียงพี่สาวตะโกนเรียกหาแม่ ไม่นานท่านก็ตามเข้ามาในห้อง พร้อมกับลงนั่งใกล้ ๆ ลูบหัวฉันเบา ๆ
“สู้นะนวล แม่เอาใจช่วยตรงนี้ล่ะ”
“พามันไปหาหมอไหมแม่ กลัวมันคลอดไม่ไหว”
“รอดูก่อน ต้องไหวสิ นวลมันเก่งออกสู้นะลูก แม่จะอยู่ช่วยใกล้ ๆ ตรงนี้แหละ”
ฉันมองพวกเขาด้วยสายตาสับสนเมื่อท้องของฉันปวดขึ้นอีกครั้ง ปวดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ฉันร้องหวยโหนลั่นพร้อมกับอาการเจ็บแสบปวดร้าวที่ส่วนนั้น
“ออกแล้ว ออกมาแล้วนวล เบ่งลูกเบ่ง เบ่งอีกลูก ยังมีอีก”
ที่เหลือฉันแทบควบคุมอะไรต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เมื่อมวลในท้องพากันบีบตัวและไหลตาม ๆ กันออกไป
ฉันได้แต่นอนหายใจระรวยบนเศษผ้าที่พี่สาวปูรองเอาไว้ให้
“สิบเอ็ดตัวตัวเลยนะแม่ จะเลี้ยงกันไหวไหมเนี่ย” ฉันนอนถอนหายใจมองพวกเขา ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งกาย เจ้าตัวที่อยู่ในท้องของฉันร้องหงิง ๆ ใกล้ ๆ นี่เอง แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตามองดู
ลูก พวกนั้นคือลูกของฉันเอง
ไม่นานแม่จับฉันพาส่งที่คลินิกเพื่อทำหมัน
ฉันไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว
ไม่มีสายตาที่คอยลอบมอง ไม่มีเสียงเรียกร้องให้ออกไปหาอีกต่อไป พร้อมกับร่างกายที่อ้วนฉุบวมใหญ่ของฉันที่นับวันจะมากขึ้น
กลิ่นที่เขาเคยบอกว่ามันขจรขจายไปหาเขา ไม่มีอีกแล้วละมั้ง
เขาไม่มามองฉันอีกแล้ว ฉันเห็นว่าสมาชิกใหม่ฝั่งตรงข้ามกำลังเป็นจุดสนใจของพวกนั้น แทนที่ฉันแล้ว
“ตอนแล้วอ้วนเลยเนอะแม่ รู้งี้จับไปตอนแต่แรกก็จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวแล้วนวล”
“หมอบอกว่าตอนมันติดสัด มันจะมีกลิ่นให้ตัวผู้อยากมาทับมันไงแม่ บอกอีกว่าอย่าฉีดเลยยาคุม ให้เอาไปทำหมันดีกว่าถ้าไม่อยากเลี้ยงลูกมันน่ะ นี่ทำแล้วก็คงสบายแล้วล่ะ ไม่ต้องคอยไล่ไอ้พวกนั้น”
พี่สาวบอกจบส่งชิ้นไก่ทอดที่แกะแล้วยื่นให้ที่ตรงหน้าฉัน อ้าปากแล้วงับเบา ๆ เคี้ยว แล้วมองไปที่แม่กับพี่สาวไม่ได้
“ดีแล้วที่รอดมาได้ กลัวจะเหมือนรอบก่อน ๆ ที่ตายในท้องจำได้ไหม”
พี่สาวตอบรับกับแม่ แล้วมองมาที่ฉัน
“ทีแรกก็กลัวแบบนั้นแหละแม่ ดีแล้วที่รอด แก่ตายไปด้วยกันนะ อย่าชิงตายไปก่อนล่ะ”
ฉันเดินกระดิกหางไปหาแม่และพี่สาว เดินตามความอบอุ่นของฉัน แล้วก้มลงกินข้าวคลุกเนื้อหมูคั่วที่ทั้งหอมและอร่อยถูกปากที่สุด
“ชอบล่ะสิ”
เสียงถามพร้อมกับมือที่ลูบลงบนหัวของฉัน เสียงนี้ให้ความมั่นคงและปลอดภัยเสมอ ฉันก้มลงกินอาหารในชามของฉัน พร้อมกับกระดิกหางและส่งยิ้มให้กับพวกเขาที่ยืน
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"