/0/13636/coverbig.jpg?v=dc05733c5af89111c1477d9d11b995f4)
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
ยามชวีในเหมันตฤดู ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบที่นอนหลับไม่ได้สติมานานถึงสามคืนเริ่มขยับกายไปมาบนเตียงนอนไม้ขนาดกว้าง ผ้าแพรสีขาวปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเอื่อยๆ ข้างเตียงมีสตรีที่มีใบหน้างดงามแต่ทว่ากลับฉายแววถึงความกังวลออกมา นางกำลังนั่งรอคอยให้เจ้าของร่างเล็กที่นอนหลับไปนานเกือบสามคืนตื่นมาพูดคุยกับนางเช่นแต่ก่อน เด็กหญิงผิวขาวแต่ทว่ามีดวงหน้าซีดเซียวเริ่มขยับปาก
“น้ำ…ข้าหิวน้ำ” เปลือกตาของนางค่อยๆ เปิดก่อนที่เสียงเล็กแหบแห้งจะดังขึ้นมา
“เจินเจิน… เจ้าตื่นแล้วหรือลูก” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของร่างเล็กหันไปมอง
“น้องหญิงรอง…” คนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวเปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากเล็กแต่คนที่ได้ยินเช่นนั้นกลับแสดงสีหน้างุนงงออกมา
“เจ้าเรียกแม่ว่าเช่นไรนะเจินเอ๋อร์ นี่แม่ของเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าร้องเรียกผู้ใดกัน” ร่างเล็กตาเบิกโพลงพลางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะสำรวจไปรอบๆ
“ข่ะ…ขอกระจกให้ข้าหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
เมื่อบุตรีเอ่ยปากขอออกมา โจวฮูหยินหรือฉินเซี่ยหรงจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ที่คอยดูแลโจวเจินเจิน บุตรีคนโตของนางให้นำกระจกที่อยู่ข้างเตียงมาส่งให้ มือเล็กรับมาก่อนที่จะค่อยๆ ยกกระจกขึ้นมาส่อง นางจดจ้องคนในกระจกก่อนที่จะหันไปมองหน้าน้องสาวคนรองของตน
‘แย่แล้ว… เหตุใดข้าถึงมาอยู่ในร่างของหลานสาวของข้าได้ แล้วร่างกายของข้าเล่า ยามนี้คือความฝันหรือความจริงกันแน่’
คนที่เพิ่งได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งคิดในใจก่อนที่จะยกกระจกขึ้นมาส่องใบหน้าเล็กอีกครา มือเล็กก็ยกขึ้นมาลูบหน้าจนคนที่มองมามีแต่ความงุนงง
“พวกเจ้า… มีผู้ใดไปตามท่านหมอมาหรือยัง” เสียงหวานรีบเอ่ยถามบ่าวในเรือนทันที
“อาอวี้ไปตามแล้วเจ้าค่ะนายหญิงใหญ่” บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่ตอบออกมาพลางมองไปที่ร่างเล็กที่กำลังส่องกระจกอยู่ด้วยแววตาตื้นตัน
“ดะ…เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ…เอ่อ… ท่านป้าของลูกล่ะเจ้าคะ”
เสียงเล็กเปล่งออกมา ฉินเซี่ยหรูอยากจะแน่ใจว่านางมาเกิดใหม่ในร่างของหลานสาวจริงๆ มิใช่เพียงแค่สลับร่างกัน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ทุกข์ใจต่อไปก็คงจะเป็นหลานสาวของนางซึ่งนางมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ความทรงจำก่อนที่นางจะหมดลมหายใจช่างเลือนรางนัก นางจดจำชั่วยามนั้นมิได้ แต่นางกลับจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้ตั้งแต่ต้น เขาคนนั้น...ทำให้นางต้องกลายมาเป็นเช่นนี้
“เจินเอ๋อร์… ท่านป้าเซี่ยหรูของเจ้านางจากพวกเราไปเมื่อวันก่อนแล้วล่ะลูก” ฉินเซี่ยหรงตอบบุตรสาวออกมาทั้งน้ำตา
“จะ…จากไปแล้วเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เสียงแหบเล็กเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เจ้ามิต้องเสียใจไปหรอกหนา ท่านป้าของเจ้านางมิต้องเป็นทุกข์อีกแล้ว"
ใบหน้าเล็กพยักขึ้นลงก่อนที่มารดาจะรวบตัวนางเข้าไปกอดเอาไว้ด้วยความห่วงใย น้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้าเล็กอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ ชีวิตของฉินเซี่ยหรูได้จบสิ้นไปแล้ว…
เสียงสะอื้นของบุตรสาวทำให้ฉินเซี่ยหรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น นางรู้ดีว่าบุตรสาวของนางรักท่านป้าเซี่ยหรูที่แสนดีมากเพียงใด เพราะนางเองก็รักและสงสารพี่หญิงใหญ่ของนางมิต่างกัน เหตุใดสตรีที่งดงามและดีพร้อมเช่นนั้นถึงต้องกลายเป็นคนที่มิสมหวังในชีวิตคู่ แล้วมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนั้นได้ หลังจากที่ฉินเซี่ยหรูจากโลกใบนี้ไป สกุลฉินและสกุลหวงก็แตกหักกันโดยสิ้นเชิง และมิมีวันจะญาติดีกันได้อีกเป็นอันขาด
เมื่อท่านหมอตู้เดินทางมาถึงเรือนขนาดกลางของบุตรีคนโตของจวนสกุลโจว เขาก็เริ่มลงมือตรวจชีพจรของคุณหนูใหญ่ทันที ชีพจรของนางทำให้ท่านหมอตู้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เพราะว่าชีพจรของนางในยามนี้ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด ชีพจรของคุณหนูใหญ่สกุลโจวยามนี้เต้นเป็นปกติ แถมมีความหนักแน่นกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย เขาจึงตรวจนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแล้วจึงหันไปรายงานกับฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลโจวด้วยน้ำเสียงยินดี
“โจวฮูหยิน ข้าน้อยได้ทำการตรวจชีพจรของคุณหนูใหญ่ดูแล้ว ยามนี้นางดีขึ้นมากแล้วขอรับและที่สำคัญไปกว่านั้น นางดูเหมือนจะกลับมาแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน ช่วงนี้ท่านให้บ่าวในเรือนนำเทียบยานี้ไปร้านหมอ หากได้ยามาแล้วให้นำมาต้มให้นางดื่มเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง พร้อมทั้งจัดหาอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาให้กับนาง ข้าน้อยขอรับรองว่าไม่เกินสองอาทิตย์ คุณหนูใหญ่จะกลายมาเป็นเด็กที่ร่าเริงและมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอย่างแน่นอนขอรับ”
“จริงๆ หรือท่านหมอตู้” โจวฮูหยินเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ
นางมิเคยคิดมาก่อนเลยว่าการที่บุตรสาวสลบไปถึงสามคืนนั้นพอนางตื่นขึ้นมาแล้วจะหายดี ก่อนหน้าที่โจวเจินเจินจะสลบไป นางออกไปเดินเล่นกับสาวรับใช้ที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ดีที่ยามนั้นมิได้ล้มหัวฟาดพื้น หรือไปกระทบกับของแข็งเข้า แต่นางก็สลบไปถึงสามคืนโดยหาสาเหตุไม่ได้
“จริงๆ ขอรับ แต่สองสามวันนี้ต้องให้คุณหนูใหญ่ได้พักผ่อนและกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มยาต้มที่ข้าน้อยเขียนให้ในใบเทียบยา จากนั้นค่อยๆ ฟื้นฟูพละกำลังของนางด้วยการพาเดินออกกำลังกายบ่อยๆ เดี๋ยวร่างกายที่เคยอ่อนแรงก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองขอรับ”
หมอตู้เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่จะขอตัวกลับโรงหมอของตน โจวฮูหยินจึงสั่งให้บ่าวในจวนพาท่านหมอตู้ขึ้นเกี้ยวของจวนไปส่งที่ร้านหมอของเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็มิได้ปฏิเสธน้ำใจของโจวฮูหยินด้วยเห็นว่านางกำชับแล้วกำชับอีกให้เขากลับไปอย่างสบาย มิเช่นเหมือนตอนมาที่ถูกพาขึ้นหลังม้ามาอย่างมิทันได้เตรียมตัว
“เจินเอ๋อร์… เจ้าหิวหรือไม่ แม่จะให้คนนำโจ๊กข้าวมาให้เจ้า”
เด็กหญิงพยักหน้า ยามนี้ฉินเซี่ยหรูพอจะรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนแล้ว แม้จะมิอาจรู้ได้ว่าหลานสาวของนางสิ้นอายุขัยหรืออย่างไร แต่ในเมื่อนางมาอยู่ในร่างของหลานสาวที่นางรักแล้ว นางก็จะใช้ชีวิตให้ดีๆ และมิยอมตกเป็นทาสของคำว่ารักอีกเป็นอันขาด
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ… บ่าวตกใจแทบแย่ตอนที่คุณหนูใหญ่ทรุดไป ดีที่บ่าวประคองทัน มิเช่นนั้นบ่าวจะมิยอมให้อภัยตัวเองเลยเจ้าค่ะ”
นัยน์ตากลมมองไปยังสาวรับใช้วัยสิบห้าของหลานสาวก่อนที่นางจะส่งยิ้มจางๆ ไปให้ นางผู้นี้ซื่อสัตย์และรักหลานสาวของนางอยู่ไม่น้อย เพราะเห็นหลานสาวของนางมาตั้งแต่เกิด
‘ต่อไปนี้เจ้ามาเป็นบ่าวคนสนิทของข้าก็แล้วกัน…อี้ถง’
ฉินเซี่ยหรูคิดในใจ จากนี้ต่อไปนางจะต้องกลายเป็นเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบ มิใช่สตรีอายุยี่สิบสามที่เคยมีชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวอีกแล้ว นางจะละทิ้งอดีตที่ทำให้นางเจ็บปวดและนางให้คำมั่นสัญญากับตนเองในร่างของหลานสาวเลยว่า นางจะมิยอมแต่งงานเพื่อให้นางต้องได้พบกับความเจ็บปวดอีกเป็นอันขาด…
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"