ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง 2
บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง 2

บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง 2

5.0
20 บท
1.8K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

อานนท์ ชายหนุ่มโสดอายุ 25 ปี หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก  นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ

บทที่ 1 หลงลืม

เด็กน้อยเริ่มกลับมาสดใสหลังจากนอนป่วยอยู่สองวันเต็ม จางอี้หมิงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมป่วยอีกเด็ดขาด เขาเกลียดการกินยาต้มเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีน้ำตาลผักมาช่วยแล้วก็ตาม มันก็ยังขมจนเคลือบลิ้นอยู่ดี

เช้าวันใหม่มาเยือน แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมากระทบพื้นหญ้า ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันพ้นขอบฟ้าในยามเฉิน (07.00 – 08.59) สมาชิกบ้านจางคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นนอนและกินมื้อเช้ากันหมดแล้ว เหลือเพียงเด็กน้อยคนเดียวของบ้านที่ยังคงนอนอุตุอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างสบายใจ

“ท่านพี่อี้เทาขอรับ ท่านพี่อี้เทา...” เสียงเรียกชื่อจางอี้เทาตรงหน้าประตูบ้านดังติดต่อกันหลายครั้ง ส่งผลให้จางอี้หมิงลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เขาใช้หลังมือขยี้ตาอยู่สักพักจึงตื่นเต็มตา แต่ก็ยังไม่ได้ลุกขึ้น

“ใครมาส่งเสียงดังอยู่หน้าบ้าน” นางหูเอ่ยปากถามออกไป

“นั่นสิเจ้าคะ ข้าก็อยากรู้เช่นกัน”

หลี่อ้ายเองก็สงสัยไม่แพ้กัน ปกติแล้วบ้านสกุลจางของพวกนางมีคนแวะเวียนมาหาบ่อย ๆ เสียเมื่อไหร่ น่าแปลกใจนัก

“เดี๋ยวข้าออกไปดูเอง” จางอี้เทาเอ่ยบอกมารดาและภรรยา เขาเดินออกไปดูที่หน้าประตูบ้าน

“ผู้ใดกันที่มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ อ้าว อาคุนนั่นเอง มีอันใดหรือ ถึงได้มาเสียตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีเช่นนี้”

“อรุณสวัสดิ์ขอรับพี่อี้เทา ข้าต้องขออภัยที่มารบกวนตั้งแต่เช้า” อาคุนเอ่ยตอบด้วยความเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้า

“เป็นเถ้าแก่หวังเร่งให้ข้ามาแจ้งข่าวแก่พี่อี้เทาขอรับ ข้าจึงได้มาแต่เช้า”

“มีข่าวอันใดจากเถ้าแก่หวังเช่นนั้นหรืออาคุน”

“เถ้าแก่หวังให้ข้ามาแจ้งแก่พี่อี้เทาว่าน้ำตาลผักรอบที่แล้วนั้นขายหมดแล้ว สินค้าไม่พอที่จะจำหน่าย เถ้าแก่หวังจึงให้ข้านำไหเปล่ามาส่งให้พี่อี้เท่าอีกห้าร้อยไหขอรับ เถ้าแก่หวังฝากมาถามว่า จะส่งสินค้าภายในสองวันได้หรือไม่”

“โอ้...เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ ช่างเป็นข่าวดียิ่ง” อี้เทายิ้มกว้างก่อนจะตอบไปว่า “ถ้าอีกจำนวนห้าร้อยไหเช่นครั้งที่แล้ว ข้าคงไม่สามารถส่งได้ภายในสองวัน หากเป็นสามวันเช่นครั้งก่อนก็ไม่เป็นปัญหาอันใด”

“ได้ขอรับ ข้าจะนำข่าวไปแจ้งให้เถ้าแก่หวังตามนี้ เช่นนั้นพี่อี้เทาจะให้ข้าขนไหเปล่าเข้าไปไว้ในบ้านได้เลยหรือไม่ขอรับ”

“รบกวนอาคุณแล้ว”

หลังจากแจ้งข่าวเสร็จแล้ว สองบุรุษจึงช่วยกันขนไหเปล่าทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน อาคุนไม่ลืมมอบเงินสามตำลึงที่เถ้าแก่หวังให้มาเป็นค่ามัดจำ เมื่อเสร็จแล้ว คนขับรถม้าหนุ่มจึงได้ขอตัวกลับไป

“อาเทา เถ้าแก่หวังให้คนนำไหเปล่ามาให้ใหม่อีกเช่นนี้ คงมิได้หมายความว่าสินค้าอันเก่าขายหมดเกลี้ยงแล้วเช่นนั้นหรือ”

“เป็นเช่นนั้นจริงขอรับท่านแม่ เถ้าแก่หวังขอเวลาสองวัน แต่ข้าปฏิเสธไป ขอเป็นสามวันเหมือนเช่นเดิม ท่านแม่ขอรับ นี่เป็นเงินค่ามัดจำน้ำตาลผักรอบนี้ จำนวน 3 ตำลึงขอรับ” จางอี้เทาตอบกลับและมอบเงินให้มารดาของตนเก็บไว้

“โอ้ ช่างดีจริง ๆ ไม่นึกเลยว่าน้ำตาลผักจะขายดีเช่นนี้” นางหูอุทานออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับยื่นมือออกไปรับเงินจากบุตรชาย เพราะนั่นหมายถึงว่าบ้านสกุลจางจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย อาจจะเพียงพอสำหรับซื้อเสบียงเก็บไว้กินในฤดูหนาวที่จะมาถึงในเร็ววันนี้

“ท่านพี่ ช่างเป็นข่าวดีเสียจริง หมิงเอ๋อร์หายป่วย เถ้าแก่หวังมีใบสั่งซื้อมาอีก ข้าดีใจยิ่งนักเจ้าค่ะ” หลี่อ้ายน้ำตาซึม นางไม่คิดว่าจะมีเงินมาจุนเจือครอบครัวอีกแล้วหลังจากถูกปล้น แต่ในตอนนี้ครอบครัวสามารถหารายได้ได้แล้ว

“ท่านแม่ขอรับ” จางอี้หมิงที่นอนฟังจนจับใจความได้ทั้งหมดร้องเรียกมารดา เขาทำทีแสร้งว่าเพิ่งตื่นนอนขึ้นมา

“หมิงเอ๋อร์ รู้สึกเป็นเช่นใดบ้าง ยังปวดหัวอยู่หรือไม่” หลี่อ้ายผละจากวงสนทนาเข้าไปดูบุตรชายซึ่งตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งอยู่กลางฟูกนอน

“ไม่เจ็บแล้วขอรับ ข้าหายดีแล้ว”

“ดี ดียิ่ง หมิงเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าอย่าได้ซนเช่นนี้อีกรู้หรือไม่ เวลาเจ้าเจ็บป่วยทุกครั้ง มารดาของเจ้าปวดใจยิ่ง”

“ข้าทราบแล้วขอรับ ข้าสัญญา ต่อไปข้าจะระวังตัวและดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ข้าขอโทษนะขอรับ”

“ไม่เป็นไร หมิงเอ๋อร์หิวหรือไม่ แม่ทำโจ๊กเปล่าไว้ เนื้อหมูหมดแล้ว คงได้แต่เติมน้ำตาลผักเท่านั้น”

จางอี้หมิงพยักหน้ารับ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเนื้อหมูที่มีคงจะหมดประมาณช่วงนี้ เด็กน้อยขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น

“ข้าขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะขอรับ”

“ไปเถอะลูก เดินระวัง ๆ ด้วย” หลี่อ้ายตอบรับก่อนที่จะลุกไปตักโจ๊กมาให้จางอี้หมิง

ส่วนจางอี้เทา หลังจากที่ได้รับใบสั่งซื้อน้ำตาลผักมาอีกห้าร้อยไห เขาก็บอกภรรยากับมารดาว่าจะขึ้นเขาไปเก็บหญ้าหวานเพื่อนำมาตากแห้งตอนนี้เลย เนื่องจากใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว พระอาทิตย์ตกเร็ว ช่วงเวลากลางวันจึงสั้นตามไปด้วย เขาเกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการตากต้นหญ้าหวานมากกว่าหนึ่งวัน

“ท่านพี่ ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ หมิงเอ๋อร์หายดีแล้ว ข้าไปช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น” หลี่อ้ายเมื่อนำโจ๊กมาให้บุตรชายแล้วจึงเอ่ยบอกสามี

“น้องหญิง เจ้ายังไม่แข็งแรง พี่เกรงว่าจะล้มป่วยไปอีกรอบ” จางอี้เทาปฏิเสธ ถึงแม้ในตอนนี้อากาศจะไม่ร้อนมากแต่ให้หลี่อ้ายออกไปทำงานในช่วงนี้เลยคงจะไม่ดี

“ท่านพี่ ให้ข้าตามขึ้นไปช่วยท่านพี่เถอะนะเจ้าคะ อย่างน้อยจะได้ไปเป็นเพื่อน วันนี้ข้าไม่อยากให้หมิงเอ๋อร์ขึ้นเขาอีก ลูกเพิ่งหายไข้ น้องอยากให้ลูกได้พักก่อนเจ้าค่ะ”

“พี่ไปคนเดียวได้ ไม่หนักหนาอันใด แต่เอาเถอะ พี่ขอบใจน้องหญิงที่มีใจอยากช่วยเหลือ เช่นนั้นไปกันเถอะ” จางอี้เทาเตรียมห้ามอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของภรรยาจึงปฏิเสธไม่ลง

เอาเถอะ...ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุยระหว่างทาง เขาจะให้นางแบกตะกร้าที่ไม่หนักมากนักแทน

“ท่านพ่อกับท่านแม่ช่างรักกันยิ่ง แต่เหตุใดข้าถึงยังไม่มีน้องชายน้องสาวมาเป็นเพื่อนเล่นเล่าขอรับ” จางอี้หมิงที่นั่งร่วมวงอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามขึ้นมาหน้าซื่อตาใส

“มะ หมิงเอ๋อร์ เจ้ากล่าวอันใด แม่ไม่คุยกับเจ้าแล้ว ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ” หลี่อ้ายเขินอายกับคำถามของบุตรชายจนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ รีบดึงแขนสามีให้เดินออกจากบ้านไป

นั่นสินะ! เขาจะมีน้องสาวน้องชายได้อย่างไรเล่าในเมื่อความเป็นอยู่ยังเป็นเช่นนี้

จางอี้หมิงมองไปรอบ ๆ บ้านที่เป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยม ไม่มีห้องนอนเป็นของตนเอง สี่ชีวิตนอนรวมกัน ตอนมาคราแรกเขายังไม่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านด้วยซ้ำ แล้วเช่นนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จะมีเวลาส่วนตัวได้เช่นไร

แต่ไม่เป็นไร...อีกไม่ถึงเจ็ดวัน บ้านสกุลจางหลังใหม่จะได้ฤกษ์ก่อสร้างแล้ว รออีกนิดนะขอรับท่านพ่อท่านแม่

จางอี้หมิงบอกตนเองในใจเงียบ ๆ

หลังจากที่บิดามารดาออกไปจากบ้านแล้ว กระท่อมปลายนาจึงเหลือเพียงนางหูกับจางอี้หมิง หญิงชราลุกขึ้นยืน นางบอกกับหลานชายว่าจะไปซักผ้าที่ลำธารและเก็บผักบุ้งมาผัดกับเครื่องเทศสำหรับอาหารกลางวัน จางอี้หมิงพยักหน้ารับแต่โดยดี พอเริ่มว่างเขาก็รู้สึกเหมือนลืมอะไรสักอย่างที่สำคัญมาก ๆ ไป แต่ก็นึกไม่ออกว่าคืออะไร

สุดท้ายเขาจึงเดินไปรอบ ๆ บ้าน จะกล่าวให้ถูกก็คือเดินไปรอบ ๆ ห้องสี่เหลี่ยมเผื่อว่าจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง หูไป๋หงกลับมาจากซักผ้าแล้ว นางตากผ้าจนเรียบร้อยแล้วจึงถือผักบุ้งเดินเข้ามา

“หมิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังหาสิ่งใดหรือ”

เมื่อเห็นหลานชายเดินวนไปวนมาในบ้านจึงถามด้วยความสงสัย นางเดินผ่านไปเพื่อวางตะกร้าผักบุ้งไว้ที่ส่วนครัว

“ท่านย่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ เพียงแต่เหมือนข้าจะลืมอะไรสักอย่างที่มันสำคัญมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออันใด ข้าจึงลองเดินรอบ ๆ บ้านดูขอรับ”

“เช่นนั้นก็ค่อย ๆ คิดดูนะ” นางหูบอกพลางเดินไปหยิบห่ออะไรสักอย่างขึ้นมาถือเพื่อนำไปทิ้ง จางอี้หมิงเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถาม

“ท่านย่า กำลังทำอันใดอยู่หรือขอรับ”

“อ้อ ดอกหญ้าสายรุ้งน่ะ ซูลี่เอามาให้เจ้าตั้งแต่เมื่อสามวันที่แล้ว นางบอกว่าหมิงเอ๋อร์เก็บดอกหญ้าสายรุ้งให้สะใภ้ แต่เจ้าเป็นไข้เสียก่อน ดูสิ มันแห้งหมดแล้ว ย่าจึงคิดว่าจะเอาไปทิ้งน่ะ” นางหูตอบและเตรียมจะนำหญ้าสายรุ้งออกไปทิ้งด้านนอก

“ท่านย่า อย่าเพิ่งทิ้งขอรับ” จางอี้หมิงรีบตะโกนบอกท่านย่าของตนเองทันที เขาหูผึ่งตั้งแต่ได้ยินคำว่าดอกหญ้าสายรุ้งแล้ว สุดท้ายเขาก็รู้แล้วว่าเขาลืมอันใดไป โธ่เอ๊ย...ลืมไปได้ยังไงกันเนี่ย

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 20 ทางออกที่คาดไม่ถึง   08-11 10:23
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY