ฉันเชื่อว่าไอโซ่มันไม่ได้เป็นใบ้ และสักวันนึงฉันจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้…
• ACTION •
เหตุผลที่โซ่ไม่ยอมพูด : ตั้งแต่เด็กโซ่เป็นคนที่ฟันยื่นออกมานอกปากเข้าขั้นรุนแรง ถึงขั้นไม่สามารถที่จะหุบปากให้สนิทได้ และการที่รูปลักษณ์ของเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้โซ่โดนเพื่อนกลั่นแกล้งตั้งแต่ชั้นปฐมจนถึงมัธยมปลาย เขาเลยเอาแต่อมฟัน เอามือปิดปากและไม่ยอมพูดเก็บตัวอยู่หลังห้องเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร และมันก็ทำให้เขากลายเป็นเด็กอ่อนแอและขี้กลัว โดนเพื่อนในห้องคอยกลั่นแกล้งอยู่ประจำ
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับโซ่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดปากหรือเปล่งเสียงออกมาให้ใครได้ยิน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นฟันที่น่ารังเกียจนั้นของตน จนทำให้เขามีฉายาในโรงเรียนว่าใบ้ และไม่มีใครรู้ชื่อเล่นของเขาเลย นอกจากชื่อจริงที่ปักอยู่ที่เสื้อนักเรียนตรงหน้าอก (ลวิตร เกรียงธนัตถ์) แต่ก็มีเพียงเธอคนนั้นที่ไม่เคยมองว่าเขาแปลกประหลาดหรือน่ารังเกียจอย่างที่คนอื่นพูดเลย แต่กลับกันเธอมองคนพวกนั้นที่คอยกลั่นแกล้งเขาต่างหากที่น่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ยิ่งกว่าโซ่ซะอีก
6ปีก่อน..
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ในห้องเริ่มเบาเสียงลงเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ครูประจำวิชาจะเข้าสอน แต่ก็มีเสียงของเด็กเกเรหลังห้องดังอยู่ไม่หยุด...
“พูดดิไอใบ้! พูดดิวะ!” เด็กเกเรพูดพลางผลักไหล่ของคนขี้กลัวเต็มแรง หนำซ้ำยังมีมือของเด็กเกเรอีกสองสามคน รุมตีหัวของโซ่เล่นด้วยความสนุกอีกด้วย และพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหนำซ้ำยังมองว่าเป็นความเท่ห์ที่เด็กเกเรอย่างเขาควรจะทำกับคนอ่อนแอ
“ฟันหรือเล็บตีนหมาวะไอเหี้ย โคตรน่าเกลียดเลยไอสัต ฮ่าๆ” เพชรหัวโจกของเด็กเกเรหลังห้องพูดขึ้นในขณะที่เขานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนของโซ่
“เห้ย! พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรนักเนี่ย?!” เสียงห้าวของเด็กสาวในชุดมอปลายที่นั่งอยู่หน้าห้องพูดขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่หลังห้องเพื่อสงบเสียงน่ารำคาญนั้น “มึงจะแกล้งไอใบ้มันทำไมนัก ก็รู้อยู่ว่ามันไม่พูด” หัวหน้าห้องสาวใจกล้าพูดดุเด็กเกเรที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหารังแกเพื่อนร่วมชั้นอยู่
“จะดุทำไมเนี่ยเป๋า บอกดีๆ เราก็เงียบให้แล้ว” เพชรพูดอย่างใจเย็นกับสาวที่ตนชอบ
กระเป๋ามองหน้าของเพชรอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปดุเพื่อนชายที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างคนขี้ขลาด “แล้วมึงเป็นบ้าอะไร นั่งให้มันแกล้งอยู่ได้ ลุกมานี่!” ว่าแล้วเป๋าก็กระชากแขนของโซ่ลุกขึ้นพาไปนั่งที่หน้าห้องกับเธอ เพราะเห็นว่าโซ่นั้นปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วภาพนั้นมันก็ขัดใจเธอมากสุดๆ ที่เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายแต่กลับอ่อนแอกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงซะอีก
นอกจากกระเป๋าจะไม่กลัวเด็กผู้ชายในห้องแล้ว เธอยังเด็ดขาดมากอีกด้วยกับการที่จะจัดการเรื่องไม่ถูกต้องนี้ และเพราะความใจกล้านั้นทำให้เธอได้เป็นหัวหน้าห้องและกลายเป็นประธานนักเรียนหญิงคนแรกของโรงเรียนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่างทั้งหน้าตาและความสามารถและมีความเป็นผู้นำสุดๆ เธอคอยจัดการเรื่องในโรงเรียนได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ของเธอ แถมเธอยังเป็นขวัญใจทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องอีกด้วย ไม่เว้นแต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังพากันรุมชอบเธอ
@วันปัจฉิมปี2560
ในวันปัจฉิมที่นักเรียนชั้นมอสาม และมอหกของโรงเรียนจะต้องอำลาเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและรวมไปถึงชุดนักเรียนที่ตนใส่อยู่ด้วย เพื่อที่จะก้าวเข้าไปสู่ในช่วงต่อไปของชีวิตที่โตขึ้น
“เป๋า เขียนเสื้อให้เราหน่อยดิ” เพชรเดินมาพร้อมปากกาและดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ
“หันหลังมา” กระเป๋าดึงปากกาที่มือของเพชรไป ก่อนที่จะเขียนคำสั้นๆ ลงที่เสื้อด้านหลังของเขา (ลาก่อน)
“เดี๋ยวเป๋า...” เพชรเรียกหยุดกระเป๋าไว้เมื่อเธอเขียนเสร็จและยื่นปากกาคืนให้กับตน “อ่ะ เราให้”
ดอกไม้ช่อโตที่เพชรเตรียมมาถูกยื่นไปยังด้านหน้าของผู้หญิงที่เขาปลื้มมาเป็นเวลานาน แต่ไม่กล้าที่จะจีบเพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่เขาจะได้มาครอบครองง่ายๆ แม้ว่าเขาจะเป็นขวัญใจของผู้หญิงในโรงเรียนนี้แต่ก็ไม่ใช่กับกระเป๋าเพื่อนร่วมชั้น
“ขอบใจ” ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสั้นๆ ห้วนๆ แต่มันก็ทำให้คนที่ได้ยินนั้นยิ้มไม่หุบถึงจะรู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าของตัวเองก็ตาม แต่เพียงแค่ได้มอบมันให้กับเธอ ก็ทำให้ใจของคนเกเรฟูขึ้นมาได้
วันนี้ฉันมองหาไอใบ้ทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปแอบอยู่ที่ไหน ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเรียนจบแท้ๆ “เห็นไอใบ้ป่ะ?” กระเป๋าถามหากับเพื่อนในห้องของเธอ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าโซ่หายไปอยู่ที่ไหน จนเธอเริ่มออกตามหาเขาทั่วโรงเรียนด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะโดนเด็กเกเรแกล้งอยู่ในที่ลับตาคนอีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง...
หลังตึกเรียนอาคารสาม...
ณ.มุมอับที่ลับตาคนแบบนี้ กลับมีเด็กผู้ชายในชุดมอปลายคนนึงนั่งยองๆ อยู่ ในขณะที่มือของเขาก็ขย้ำเศษอาหารเพื่อเอาให้กับหมาแม่ลูกอ่อนที่มาแอบคลอดลูกอยู่หลังตึก “อ่ะ...” เสียงแผ่วเบานั้นทำคนที่แอบฟังอยู่ตื่นเต้นเอามากเมื่อได้ยิน
“ไอใบ้! เมื่อกี้มึงพูดเหรอ?” กระเป๋าเอ่ยถามด้วยท่าทางตกใจ เพราะตั้งแต่เรียนกับโซ่มาตั้งแต่มอหนึ่ง จนจบมอหกก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่แอะเดียว
คนตัวสูงรีบส่ายหัวตอบกลับพร้อมกับเดินถอยหลังหนีจนชิดกำแพงด้วยความหวาดกลัว “...”
“เพื่อนเขากินเลี้ยงกันอยู่ที่ห้อง มึงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย?” กระเป๋าเอ่ยถามในฐานะหัวหน้าห้องเมื่อเห็นว่าเพื่อนหายออกมาจากห้อง
“...” โซ่ชี้ไปที่หมาเพื่อบอกว่าตนเอาข้าวมาให้มัน
''เอาข้าวมาให้หมาเหรอ?''
“...” พยักหน้าตอบกลับด้วยแววตาของคนขี้ขลาด
กระเป๋าสังเกตเห็นว่ามือของโซ่เลอะข้าวอยู่เลยเดินไปเปิดก๊อกและลากสายยางมาหาโซ่ แต่ท่าว่าโซ่กลับนั่งลงที่พื้นและยกแขนขึ้นป้องกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเขาคิดว่าเธอกำลังจะฉีดน้ำใส่เขาเหมือนกับที่เด็กคนอื่นๆ เคยทำ เสียงหัวเราะของเด็กพวกนั้นเมื่อแกล้งให้เขากลัวมันดังก้องอยู่ในหัวจนไม่อาจลืม ความระแวงจึงผุดขึ้นเพราะคิดว่าเธอจะทำเช่นนั้น
“เฮ้อ~” ท่าทางขี้กลัวของเขาทำให้เธอหงุดหงิดเล็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอเข้าใจได้ เพราะรู้ว่าเขาเจอเรื่องแบบนั้นอยู่ตลอด ก็ไม่แปลกที่เขาจะกลัวเธอ ''เอามือมานี่'' ว่าแล้วกระเป๋าก็คว้ามือข้างที่เลอะของโซ่มาล้างน้ำให้ อย่างไม่รังเกียจเศษอาหารที่ติดอยู่ที่มือของเขาเลยแม้แต่น้อย ''ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ มึงจะใช้ชีวิตยังไงฮะ กูนึกไม่ออกเลย'' กระเป๋าพูดพลางส่ายหัวด้วยความสงสัย และแม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ไพเราะแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
“...” โซ่ยังคงเงียบและนิ่งอยู่ตลอด จนกระเป๋าล้างมือให้ตนเสร็จ
“ลุกขึ้น กลับไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ห้อง” เธอบอกกับโซ่ก่อนจะหันหลังเดินไปเพราะคิดว่าเขาจะทำตามคำสั่ง แต่ก็ต้องหยุดและหันกลับมามองเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา “มาสิวะ!”
“...” โซ่ปัดมือไล่เพื่อบอกให้กระเป๋านั้นกลับไปเพราะเขาจะไม่เดินตามเธอกลับไปที่นั่น
“ก็ไปด้วยกันสิ”
“...” ส่ายหัวตอบกลับ
“จะเอายังไง จะแอบอยู่ที่นี่จนถึงเวลาครูปล่อยกลับบ้านเลยใช่ไหม!?” กระเป๋าถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและท่าทางไม่พอใจ ซึ่งคำตอบของคนขี้ขลาดก็ยังคงพยักหน้าสั้นๆ เช่นเดิม “งั้นก็ตามใจ!”
ช่วงเย็น...
ในเวลาที่ทุกคนกลับบ้านกันจนหมดแล้ว ก็เป็นเวลาที่โซ่จะเดินกลับบ้านของตนเหมือนกับทุกๆ วัน การเรียนจบของเขามันแสนลำบากมาก เขาเลยไม่คิดที่จะเรียนต่อและออกมาทำงานรับจ้างเลี้ยงดูยายแบบเรียบง่าย และไม่คิดที่จะต่อมหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่นเพราะฐานะที่ยากจนและเรื่องหนักใจที่ตนเจอตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ถึงแม้ว่าตนจะมีเกรดเฉลี่ยที่ดีติดท็อปสามของห้องทุกปีก็ตาม...
บ้านโซ่...
เมื่อกลับมาถึงบ้านซอมซ่อของตน เขาก็ต้องตกใจที่เห็นว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นเรียนมานั่งคุยอยู่กับยายของตนที่บ้าน
“ไงโซ่ กลับมาบ้านแล้วเหรอ?” โซ่แสดงท่าทางตกใจและหวาดกลัวมากเมื่อได้ยินว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นของตน เรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่เขาไม่เคยพูดบอกใครมาก่อน “งั้นเดี๋ยวหนูกลับก่อนนะคะยาย ไว้มาเยี่ยมใหม่นะคะ” กระเป๋ายกมือขึ้นไหว้ยายของโซ่อย่างสุภาพ ก่อนจะเดินสวนกับโซ่ออกจากบ้านไป
“เพื่อนเองมารอตั้งพักใหญ่แล้ว ทำไมเพิ่งกลับมาฮะ?” เสียงยายแก่ที่มีลักษณะฟันเหมือนกันกับโซ่เอ่ยถามหลานชายของตน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา หนำซ้ำเขายังมีท่าทางไม่พอใจที่ยายเอาเรื่องของตนไปบอกกับคนอื่นอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[กด💛 เพิ่มเข้าชั้น✅ คอมเมนท์ให้กำลังใจ😍 และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!