เขา…ชายหนุ่มที่อยู่บนโลกแห่งความจริง เธอ…หญิงสาวคลั่งหมอดู
“เอาอันนั้นค่ะ” หญิงสาวบอกพนักงานในร้าน ยืนรอสักครู่กล่องของขวัญสีชมพูหวานแหววก็มาอยู่ในมือ เธอยื่นธนบัตรใบละพันให้คนขายสามใบแล้วก็ได้ใบสีแดงคืนมาสองใบ
“พี่บาสจะชอบไหมนะแต่ที่แน่ๆ พี่บาสไม่รู้หรอกว่าเพิ่งมาได้เอานาทีสุดท้ายเหมือนเดิม” เธอรำพึงกับตัวเองแล้วยิ้มแป้น ชายหนุ่มที่คบหาตั้งแต่มัธยมปลายจนตอนนี้ทำงานได้สองปีมักจะบ่นเสมอว่าเธอคือพวกที่ไม่มีแผนการในชีวิตชอบมาตัดสินใจตอนไฟลนก้นเกือบทุกครั้ง เธอพยายามวางแผนตามที่เขาบอกแต่ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมันก็ไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่ก็เธอเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรจะให้เปลี่ยนเป็นคนเจ้าระเบียบมีแพลนทุกขั้นตอนในแต่ละวันมันไม่ง่ายเลย
พรุ่งนี้คือวันครบรอบเจ็ดปีเธอหวังตั้งแต่ตอนฉลองห้าปีว่าเขาจะขอแต่งงาน สมัยเรียนเขาบอกว่าพอมีฐานะมั่นคงก็จะให้เธอสวมชุดเจ้าสาวทันทีซึ่งเธอเห็นว่าเขาก็มั่นคงมาสองปีแล้วทั้งการงานและด้านอื่นๆ เขามีเงินเดือนหลักแสน มีรถยนต์หนึ่งคัน มีบ้านเดี่ยวเล็กๆ หนึ่งหลังแล้วก็มีคอนโดแถวชานเมืองเอาไว้ปล่อยเช่าอีกสองห้อง
สายตาคนภายนอกส่วนมากรวมถึงตัวเธอด้วยมองว่าเขาพร้อมจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวแล้วด้วยวัยที่ย่างเข้าสามสิบห้าปีกับทรัพย์สินมูลค่าหลายล้าน ต้องรอให้พร้อมกว่านี้หรือ ? คำตอบคือใช่
“ขอพี่ซื้อคอนโดให้ได้ก่อนนะฝ้ายแล้วเราค่อยแต่งงานกัน ฝ้ายก็รู้ถ้ามีเงินนอนกินทุกเดือนไปยันแก่มันปลอดภัยกว่า” นั่นคือคำพูดของเขาตอนฉลองครบรอบห้าปี
“ไว้ปีหน้านะฝ้าย ปีนี้พี่อยากซื้อคอนโดอีกห้องมันเพิ่งขึ้นใหม่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่จะเปิดอีกสามปีข้างหน้าซื้อไว้ตอนนี้มีแต่ได้กับได้” นั่นคือคำพูดของเขาตอนฉลองครบรอบหกปี
ปุยฝ้าย ตุงสุวรรณในวัยเบญจเพสไม่เห็นข้ออ้างอะไรอีกในปีที่เจ็ดเพราะเขาก็เลิกเห่อเรื่องคอนโดมาเป็นปีแล้ว รถยนต์ก็เพิ่งถอยคันใหม่เมื่อเดือนก่อนส่วนคันเก่าก็ขายไป เธอคิดติดตลกว่าถ้าเขาจะผัดผ่อนการแต่งงานอีกก็คงเพราะต้องการซื้อกระสวยอวกาศเอาไว้เก็งกำไรแน่นอน
เธอเขย่ากล่องเล็กๆ แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มันคือพวงกุญแจทองคำขาวรูปหัวใจสองดวง ดวงแรกมีตัวบีและอีกดวงมีตัวเอฟ เธอหวังว่าเขาจะชอบเพราะมันหรูหราเหมือนทุกสิ่งในชีวิตเขา
วันครอบรอบเจ็ดปี
ปุยฝ้ายตื่นแต่เช้าแล้วลุกไปอาบน้ำ วันนี้น่าจะเป็นวันที่ความหวังตลอดสองปีคงจะเป็นจริงสักที หญิงสาวขัดสีฉวีวรรณทุกส่วนสัดของร่างกายด้วยความพิถีพิถันถึงแม้ว่าจะต้องไปทำงานก่อนก็ตามเพราะกว่าจะได้เจอคนรักก็ตอนค่ำแต่วันพิเศษก็ต้องพิเศษตั้งแต่ลืมตาและเธอจะพกอุปกรณ์อาบน้ำไปอาบที่โรงแรมหลังเลิกงานด้วย
ใครๆ มักคิดว่าปุยฝ้ายเป็นชื่อเล่นแต่มันคือชื่อจริงส่วนชื่อเล่นที่พ่อกับแม่เรียกก็คือฝ้ายแต่คนส่วนใหญ่ก็เรียกเธอว่าปุยฝ้ายกลายเป็นว่าเรียกกันซะเต็มยศเลยแต่เธอก็ไม่มีปัญหาอะไรจะเรียกสั้นเรียกยาวเธอก็ชอบอยู่ดีเพราะชื่อนี้ผู้มีพระคุณมอบให้เธอตั้งแต่เกิด
ปุยฝ้ายเกิดและเติบโตที่จังหวัดเชียงรายเธอเข้ามากรุงเทพตอนเรียนมัธยมต้นแล้วก็อยู่ที่นี่มาตลอดแต่ก็ยังกลับบ้านเกิดสม่ำเสมอ พ่อกับแม่ของเธอทอผ้าฝ้ายขายเพื่อส่งเสียให้ลูกสาวเพียงคนเดียวได้ร่ำเรียนสูงๆ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อและเธอรักผ้าฝ้ายยิ่งกว่าอะไร เสื้อผ้าส่วนมากแม่จะตัดเย็บแล้วส่งมาให้ซึ่งเธอรักษาและดูแลอย่างดีทุกชิ้นเวลาซักก็ซักด้วยมือไม่โยนลงเครื่อง
เรื่องนี้เป็นตลกร้ายระหว่างเธอกับคนรัก ช่วงแรกๆ ที่คบกันเขาบอกว่าเธอแต่งตัวเชยไม่เข้าท่าเพราะไม่ยอมใส่ของแบรนด์เนมหรือเสื้อผ้าตามร้านค้าทั่วๆ ไป พอเธอบอกว่าชุดนี้แม่เป็นคนทำให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เก็บฝ้าย นำมาปั่น ทอเป็นผืนแล้วตัดเป็นชุด เขาก็อึ้งไปแล้วก็ไม่เคยติเตียนอะไรอีกแต่สายตาของเขาก็บอกแทนทุกอย่าง ชุดบ้านๆ เชยๆ ไม่มีวันสวยงามเท่าชุดแบรนด์เนมราคาแพง
เธอยอมโอนอ่อนตามเขาหลายอย่างเช่นยอมไว้ผมยาวทั้งที่ชอบผมซอยสั้น ลดความกระโดกกระเดกลงเพิ่มความเป็นกุลสตรีให้มากขึ้นและอีกมากมายหลายข้อ ถ้าจะมาจำกัดการแต่งตัวอีกก็คงจะเยอะไปหน่อยและเขาก็รู้ดีว่าข้อนี้เธอไม่ยอมแน่ๆ แต่เขาไม่ได้มีแต่ข้อเสียหรอกนะถ้าเขาเป็นคนไม่ดีจะคบกันมาตั้งเจ็ดปีได้ยังไง
ข้อดีของเขาก็คือพูดเพราะ ใจเย็น ไปไหนด้วยกันเขาจะมารับมาส่งเสมอและไม่เคยให้ออกเงินสักบาทเขาบอกว่ามันคือหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องดูแลผู้หญิงซึ่งเธอแพ้ให้กับคำพูดนี้ราบคาบ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ยอมเขาเกือบทุกอย่างเพราะถ้าเขาไม่รักจะมาทำแบบนี้ให้ทำไม
“แฮปปี้ แอนนิเวอซารี่จ้ะ” เข็มหอมหรือพี่เข็มของน้องๆ หัวหน้าแผนกต้อนรับ ทักทายเด็กสาวที่เดินยิ้มแป้นมาแต่ไกล
“ขอบคุณค่ะพี่เข็ม” ปุยฝ้ายกล่าวกับหัวหน้าแผนก เธอทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับที่โรงแรมห้าดาวกลางเมืองกรุงมาได้สองปีกว่าแล้ว พี่ๆ ที่ทำงานด้วยน่ารักและใจดีกับเธอมาก
“ไปฉลองที่ไหนกันล่ะ” เข็มหอมถามไถ่ ที่เธอจำได้ว่าเป็นวันครบรอบของเพื่อนร่วมงานก็เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอด้วยแต่เธอแต่งมาห้าปีแล้ว
“บุรีธาราค่ะพี่เข็ม ดูจากในรูปสวยมากเลยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา”
“น่าอิจฉาจัง เออ ! ปุยฝ้าย พี่ฝากดูแลก่อนนะ จะไปคุยกับแม่บ้านเรื่องจัดดอกไม้ต้อนรับลูกค้าที่มาจะมาค่ำนี้” เข็มหอมบอกลูกน้องแล้วเดินเลี่ยงออกมาเพราะไม่อยากให้เธอจับพิรุธได้
ผู้จัดการห้องอาหารบุรีธาราคือเพื่อนสนิทของเข็มหอม ทั้งคู่เพิ่งคุยกันวันก่อนว่าห้องอาหารคืนนี้โดนเหมาทั้งหมดเพื่อจัดงานแต่งให้ลูกค้าซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมากแต่ที่ไม่ปกติก็คือ ทำไมแฟนของปุยฝ้ายถึงบอกว่าจองโต๊ะไว้กับร้านนั้นซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คืนนี้ทั้งคู่จะไปใช้บริการที่นั่น
ปุยฝ้ายทำงานด้วยความแช่มชื่นตลอดทั้งวันโดนไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่นั่งข้างๆ มีอาการกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข เข็มหอมอยากถามปุยฝ้ายเหลือเกินแต่คิดว่าไม่ควรทำให้เด็กสาวกังวลเกินไป บางทีปุยฝ้ายอาจฟังชื่อร้านผิดหรือแฟนหนุ่มอาจจะทำเซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์พาไปร้านอื่นแทนก็เป็นได้
“ไปเตรียมตัวเถอะปุยฝ้าย” เข็มหอมบอกพนักงาน
“เพิ่งสี่โมงเอง พี่เข็มลืมเหรอคะว่าฝ้ายเลิกงานห้าโมง”
“ไม่ได้ลืมจ้ะแต่อยากให้ไปแต่งตัวทำสวยก่อน ไปใช้ห้องน้ำในห้องประชุมได้เลยพี่อนุญาต”
“ขอบคุณค่ะพี่เข็ม” ปุยฝ้ายกอดเอวผู้จัดการใจดีแล้วหยิบข้าวของพุ่งตัวไปที่ห้องประชุมด้วยความรวดเร็ว ในใจยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่บาสมาเห็นเธอวิ่งเป็นจรวดแบบนี้คงโดนเอ็ดเอาแน่ๆ
ปุยฝ้ายอาบน้ำใหม่อีกครั้งแถมยังเอาสครับเกลือกลิ่นวานิลลาสุดเซ็กซี่มาขัดจนทั่วแล้วทิ้งไว้สิบนาที พอล้างออกผิวกายทั้งตัวก็นุ่มเนียนและหอมเหมือนขนมหวานไม่มีผิด พี่บาสซื้อชุดอาบน้ำเซทนี้ให้ตอนวันวาเลนไทน์เธอยังจำได้ดีว่าการร่วมรักคืนนั้นเร่าร้อนขนาดไหนเพราะเขาคลั่งไคล้กลิ่นของมันเหลือเกิน
“Give your all to me. I'll give my all to you. You're my end and my beginning” เสียงเพลงรักหวานจับใจดังมาจากมือถือของปุยฝ้าย เธอวางขวดน้ำหอมลงแล้วรีบกดรับสายทันที
เริ่มต้นสายสนทนา
ปุยฝ้าย: สวัสดีค่ะพี่บาส (เสียงของเธอสดใสราวกับระฆังเงิน เขาคงมาถึงแล้วแน่ๆ)
บาส: ฝ้าย คือพี่…
ปุยฝ้าย: มีอะไรเหรอคะพี่บาส (ปกติพี่บาสเป็นคนพูดจาชัดเจนไม่มีมาอ้ำอึ้งให้เสียเวลา)
บาส: พี่ไปไม่ได้แล้วล่ะคืนนี้
ปุยฝ้าย: ทำไมคะ มีงานด่วนเหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะไว้เราฉลองวันหลังก็ได้ (ใช่ว่าเขาไม่เคยเบี้ยวนัด เธอชินแล้ว)
บาส: เปล่าครับ พี่หมายถึงไปไม่ได้ตลอดไป
ปุยฝ้าย: ยังไงคะพี่บาส ฝ้ายไม่เข้าใจ
บาส: พี่เจอคนอื่นที่ดีกว่า พี่ขอโทษนะ
ปุยฝ้าย: พี่บาสอย่าล้อเล่นแบบนี้ค่ะ
บาส: พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่เจอคนที่เหมาะสมกว่า ขอโทษนะ
ปุยฝ้าย: พี่คบกับฝ้ายมาเจ็ดปี พี่ไปเจอคนอื่นตอนไหนคะ
บาส: เมื่อต้นปี ทางบ้านพี่เขาก็เห็นชอบด้วย เราจากกันด้วยดีนะ
ปุยฝ้าย: ไม่ ฮือๆๆ พี่บาสทำยังงี้กับฝ้ายไม่ได้ เรารักกันมาตั้งเจ็ดปีพี่เห็นคนอื่นเหมาะสมกว่าฝ้ายได้ยังไงรู้จักกันยังไม่ถึงปีเลยด้วยซ้ำ
บาส: ความรักมันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอกฝ้าย แค่นี้นะ
ปุยฝ้าย: พี่บาส ฮือๆๆๆ ฝ้ายขอโทษ ฝ้ายจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น อย่าทิ้งฝ้ายไป
บาส: ไม่ต้องหรอกฝ้ายเพราะพี่ไม่ได้รักฝ้ายแล้ว แค่นี้นะ
ปุยฝ้าย: พี่บาส อย่าเพิ่งวาง ฮือๆๆๆๆ
ปุยฝ้ายโทรกลับไปเป็นสิบๆ ครั้งก็โดนตัดสายทิ้งและสุดท้ายเขาก็ปิดเครื่อง หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตะวันลาลับขอบฟ้า ชุดเดรสสีหวานของแบรนด์เนมหรูหรายับยู่ยี่ ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเลอะเทอะไม่เหลือเค้าความงามแม้แต่นิด
“ปุยฝ้าย ยังอยู่ในนั้นรึเปล่า” เข็มหอมเข้ามาตรวจดูที่ห้องประชุมเพื่อความแน่ใจเพราะเธอยังไม่เห็นลูกน้องเดินออกไปเลย
“ปุยฝ้าย เปิดประตูให้พี่หน่อย” เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเข็มหอมก็แน่ใจว่าปุยฝ้ายยังอยู่ในนั้น
“พี่เข็ม ฮือๆๆๆ” ปุยฝ้ายโผเข้ากอดหัวหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกเป็นชั่วโมง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"