อมันต์กับจันทร์นิลแต่งงานกันเพราะถูกคลุมถุงชน เธอแอบรักเขา แต่อมันต์กลับทำร้ายจิตใจ จนเธอต้องหนีหายไปพร้อมกับอีกหนึ่งชีวิต และในวันนี้เขาจะมาตามลูกเมียกลับคืน! +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ “ใครเหรอคะคุณแม่ ตัวซู้ง...สูง” พิณญาดาที่หลบหลังมารดาถาม ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย ที่เขาเรียกชื่อเล่นจันทร์นิล แสดงว่ารู้จักกัน “เขาเป็น...” หญิงสาวอึกอัก “คนรู้จักของแม่ค่ะ” อมันต์กับเธอมีสถานะแค่นั้น ไม่ว่าวันนี้หรือเมื่อสี่ปีก่อน... “คุณมาที่นี่ทำไม” ภายใต้หนวดเครารุงรังนั้น ชายหนุ่มกำลังขบฟันกรอด ๆ “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาก้าวเท้ามาหา หากเธอถอยหลังหนี “แมลงปอคะ ลุงเลี้ยงสเลอร์ปี้นะ ไปกดได้เลย” เด็กหญิงตาวาว เหลือบมองแม่เพื่อดูว่าเธอจะอนุญาตหรือไม่ “ลุงมีเรื่องต้องคุยกับแม่หนูนิดหน่อย” เป็นประโยคคำสั่งที่อมันต์ใช้มันกับเธอตลอดเหมือนครั้งอดีต ออกคำสั่งผ่านดวงตา ให้เชื่อฟังเขา แต่วันนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น จันทร์นิลไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” เธอคว้ามือลูก แต่เขาเร็วกว่า คว้าแขนเธอไว้ดึงจนร่างเปรียวชนกับอกแข็ง ๆ อย่างแรง “อยากพูดเรื่องของเราต่อหน้าเด็กหรือไง คิดสิ แกจะรู้สึกยังไง” จันทร์มองพิณญาดาที่กำลังจ้องแม่และลุงตัวสูงตาแป๋ว “ฉันคุยกับเธอไม่นานหรอกน่า” อมันต์สำทับ “แมลงปอไปกดสเลอร์ปี้รอแม่นะคะ” เธอฝืนยิ้มให้ลูก เด็กหญิงพนมมือไหว้อมันต์ ตามที่เธอสอนไว้ ผู้ใหญ่ให้อะไรต้องขอบคุณ “นั่นลูกฉันใช่ไหม” เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ ตามองร่างตุ้ยนุ้ยที่กดเครื่องดื่มอย่างร่าเริง “คุณไม่มีสิทธิ์ในตัวแก เราหย่ากันแล้ว ลืมไปหรือไง”
“คุณแม่ขา แมลงปอขอกินขนมโตเกียวได้ไหมคะ”
สาวน้อยแก้มยุ้ยที่จันทร์นิลจับจูง มืออีกข้างที่ว่างชี้ไปทางรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างขายขนม
“ถ้ากินตอนนี้ แมลงปอจะกินข้าวเย็นไม่ได้นะคะ เย็นนี้มีไก่ราดซอสเกาหลีของโปรดหนูด้วยนะ”
ลูกสาวมองหน้าเธอสลับรถขนมอย่างชั่งใจ
“เอาอย่างนี้ไหมคะ แม่จะซื้อฝรั่งให้กินแทน”
“ให้กินฝรั่งได้ ทำไมคุณแม่ไม่ซื้อขนมให้แมลงปอคะ”
ตากลมแป๋วแหว๋วมองอย่างออดอ้อน ถ้าเป็นปรกติจันทร์นิลจะใจอ่อน แต่ครั้งนี้ต้องเด็ดขาด เพราะถ้ายอมลูกจะเป็นคนเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้
“ฝรั่งเป็นผลไม้ กินแล้วน้ำหนักไม่ขึ้นค่ะ ไม่เหมือนขนมโตเกียวที่หนูอยากกิน ซึ่งทำจากแป้ง”
จันทร์นิลเลี่ยงไม่ใช้คำว่า ‘อ้วน’ เหมือนที่หมอใช้ พิณญาดาน้ำหนักเกินเกณฑ์เด็กรุ่นเดียวกันไปเยอะ แม้จะดูน่ารักตุ้ยนุ้ย แต่ในฐานะแม่ เธอต้องห่วงสุขภาพลูกเป็นอันดับแรก
“เอาแบบที่แช่เย็นเจี๊ยบเลยดีไหมคะ ที่ร้านป้าเงาะไง”
“งั้นหนูขอกินแตงโมด้วยนะคะ” สาวน้อยวัยอนุบาลบอกอย่างร่าเริงและต่อรอง
“จ้า แม่ให้กินชิ้นหนึ่ง”
พิณญาดาดีใจ กระโดดโหย่ง ๆ ด้วยปลายเท้า ซึ่งพลิ้วไหวขัดกับน้ำหนักเจ้าตัว
จันทร์นิลพาลูกขึ้นรถเมล์หน้าโรงเรียน ท่ามกลางเสียงเล่าเรื่องโรงเรียนจ้อย ๆ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาคู่คมจากรถซีอาร์วีสีดำจ้องมองอยู่
รถเมล์แล่นมาถึงป้ายหน้าซอยที่พัก เธอแวะพาลูกซื้อผลไม้ แล้วนึกขึ้นได้ว่าคอตตอนบัดหมด จะรอไปซื้อที่ห้างทีเดียวก็ต้องรอเงินเดือนออก ซื้อเสียในร้านสะดวกซื้อนี่แหละ สะดวกดี
เธอไปหาของที่ต้องการซื้อ โชคดีเจอคอตตอนบัดซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ประหยัดไปได้หลายบาททีเดียว ส่วนพิณญาดานั้นขอแยกไปยังชั้นของเล่น
“แมลงปอคะ ไปเถอะลูก แม่ได้ของแล้วค่ะ”
ใบหน้าเจือรอยยิ้มเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นว่าใครคุยกับลูกสาว
“คุณลุงไม่ต้องซื้อของเล่นให้แมลงปอหรอกค่ะ แม่ไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า”
อีกฝ่ายนั่งชันเข่าเพื่อให้อยู่ในระดับสายตาเด็ก ในมือใหญ่ถือคฑาคิตตี้สีชมพู ขมวดคิ้วที่เด็กคนนี้ปฏิเสธรับของจากตน
“ลุงไม่ใช่คนแปลกหน้าค่ะ ลุงเป็น...”
“แมลงปอ!” จันทร์นิลดึงมือลูกแรงแทบเรียกว่ากระชากก็เป็นได้ ดวงตาที่เป็นต้นแบบลูกสาวจ้องมองเขาเขม็ง ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ที่ทำให้ทั้งเธอและลูกแหงนคอตั้งบ่า
“สวัสดีด้วง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงทุ้มต่ำลึก สายตานั้นหากมันเป็นมีด คงเฉือนเธอเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ใครเหรอคะคุณแม่ ตัวซู้ง...สูง”
พิณญาดาที่หลบหลังมารดาถาม ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย ที่เขาเรียกชื่อเล่นจันทร์นิล แสดงว่ารู้จักกัน
“เขาเป็น...” หญิงสาวอึกอัก “คนรู้จักของแม่ค่ะ”
อมันต์กับเธอมีสถานะแค่นั้น ไม่ว่าวันนี้หรือเมื่อสี่ปีก่อน...
“คุณมาที่นี่ทำไม”
ภายใต้หนวดเครารุงรังนั้น ชายหนุ่มกำลังขบฟันกรอด ๆ
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เขาก้าวเท้ามาหา หากเธอถอยหลังหนี
“แมลงปอคะ ลุงเลี้ยงสเลอร์ปี้นะ ไปกดได้เลย”
เด็กหญิงตาวาว เหลือบมองแม่เพื่อดูว่าเธอจะอนุญาตหรือไม่
“ลุงมีเรื่องต้องคุยกับแม่หนูนิดหน่อย”
เป็นประโยคคำสั่งที่อมันต์ใช้มันกับเธอตลอดเหมือนครั้งอดีต ออกคำสั่งผ่านดวงตา ให้เชื่อฟังเขา แต่วันนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น จันทร์นิลไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
เธอคว้ามือลูก แต่เขาเร็วกว่า คว้าแขนเธอไว้ดึงจนร่างเปรียวชนกับอกแข็ง ๆ อย่างแรง
“อยากพูดเรื่องของเราต่อหน้าเด็กหรือไง คิดสิ แกจะรู้สึกยังไง”
จันทร์มองพิณญาดาที่กำลังจ้องแม่และลุงตัวสูงตาแป๋ว
“ฉันคุยกับเธอไม่นานหรอกน่า” อมันต์สำทับ
“แมลงปอไปกดสเลอร์ปี้รอแม่นะคะ”
เธอฝืนยิ้มให้ลูก เด็กหญิงพนมมือไหว้อมันต์ ตามที่เธอสอนไว้ ผู้ใหญ่ให้อะไรต้องขอบคุณ
“นั่นลูกฉันใช่ไหม”
เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ ตามองร่างตุ้ยนุ้ยที่กดเครื่องดื่มอย่างร่าเริง
“คุณไม่มีสิทธิ์ในตัวแก เราหย่ากันแล้ว ลืมไปหรือไง”
อมันต์มองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเจ้าสาว เป็นภรรยา เธอทั้งหัวอ่อน ใครพูดอะไรก็ไม่หือไม่อือ บอกให้ทำอะไรก็ทำ ตอนเด็ก ๆ มักเดินตามหลังเขาต้อย ๆ และเรียกเขาอย่างออดอ้อนว่าพี่หาญ
ตอนนี้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมรวบเป็นหางม้า แต่งตัวแบบสาวออฟฟิศ เขาและเธอมีชีวิตการแต่งงานที่แสนสั้นเพียงหกเดือน ก่อนจบลงหลังย่าเสียชีวิตไม่นาน
จันทร์นิลมองคนที่อยู่ตรงหน้านิ่ง อมันต์ยังบ้าอำนาจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจริง ๆ ไหนจะหนวดเคราที่ขึ้นรกใบหน้าคมเข้ม ทำให้หน้ายิ่งดูดุเข้าไปใหญ่
ซึ่งเธอรู้จักเขาในฐานะหลานชายคนเดียวของคุณย่าอมราวดี เจ้าของไร่ใหญ่ และเจ้าหนี้ของตายายเธอ
คุณย่าอมราวดีตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน อยากเห็นหลานชายเป็นฝั่งเป็นฝา บวกกับตายายที่ห่วงเธอ เรียนจบแล้วไม่อยากให้ไปไหนไกล ข้อเสนอแต่งงานล้างหนี้จึงเกิดขึ้น
จันทร์นิลไม่ขัด เธอพึงใจในตัวชายหนุ่มอยู่แล้ว จึงไม่ปฏิเสธ แต่อมันต์นั้นค้านหัวชนฝา ทำให้คุณย่าอมราวดีต้องกล่อมด้วยน้ำตานองหน้า ที่หลานไม่ทำตามคำขอของนาง จนชายหนุ่มต้องยอมทำตามเพื่อให้ท่านสบายใจ
จนไม่กี่วันหลังจากนั้นก็มีงานแต่งงานจัดขึ้นที่ไร่ของคุณอมราวดี เมื่อพิธีส่งตัวเข้าหอเสร็จสิ้น ญาติผู้ใหญ่ออกไปกันจนหมด เขาก็เข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอก
“เธอกอดทะเบียนสมรสกับอยู่เฝ้าย่าฉันไป นอกไร่ฉันจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ตกลงตามนี้นะ”
เขาบอกในคืนแรกของการแต่งงาน แล้วอมันต์ก็ทำจริงเสียด้วย เขาทิ้งเธอไว้บ้านให้อยู่กับคุณย่าเพียงลำพังและยังปล่อยให้เธออยู่ความเงียบเหงา
ต่อหน้าคุณย่าอมราวดีเขาพูดดีด้วย แต่พอลับหลังก็ทางใครทางมัน จันทร์นิลได้ข่าวซุบซิบกันในหมู่คนในไร่ว่าเขารักอยู่กับนาถสุดา ลูกสาวสวนผลไม้ใหญ่โต แต่คุณย่าอมราวดีไม่ชอบ เลยขัดขวางทุกทาง
การมีผู้ชายพึงพอใจมาป้วนเปี้ยนในสวนทุกวัน ทำให้ใจสาวน้อยวัยเพิ่งจบมหาวิทยาลัยอย่างเธอหวั่นไหวหนัก
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"