ความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้น เมื่อไม่มีเธออยู่ในชีวิตอีกแล้ว... หล่อนต้องตาฝาดไปแน่ๆ เลย แกมแพรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และก็หลับตาลงช้าๆ นับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง แต่... แต่ใบหน้าของอติพัฒน์ก็ยังอยู่ แถมเขาก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ นี่มันอะไรกัน? ใบหน้าหวานซีดเผือดไร้สีเลือด เมื่อค้นพบแล้วว่าอติพัฒน์ที่เห็นนั่นคือตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา แถมซ้ำร้ายไปกว่านั้น เขายัง... ยังอุ้มน้องก้อยเอาไว้ในอ้อมแขน และจูงมือน้องกันต์ ผู้ที่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาสัมผัสตัวเอาไว้ด้วย หัวใจของแกมแพรร่วงหล่นลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนแตกกระจาย เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตัวเองมีท่าทางหลงรักอติพัฒน์อย่างออกหน้าออกตา ส่วนน้องกันต์ก็ให้ความไว้วางใจอติพัฒน์ราวกับรู้จักคุ้นเคยกันมาเนิ่นนาน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แกมแพร” น้ำเสียงของเขายังคงนุ้มและทุ้มเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด “ผมดีใจนะที่ได้เจอคุณอีกครั้ง” หญิงสาวพยายามตั้งสติเอาไว้ พยายามระงับความตื่นเต้นและความโกรธทั้งหมดเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “กรุณา... ส่งลูกของฉันคืนมาด้วยค่ะ” “ผมว่า... เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกันนะ” “ฉัน... ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณหรอกค่ะ” “แม้แต่เรื่องลูกๆ ของเราอย่างนั้นหรือ แกมแพร”
ร่างอรชรที่มีความเป็นอิสตรีเพศในทุกตารางนิ้วของแกมแพร กำลังยืนกอดอกและเฝ้ามองวิวทิวทัศอันแสนงดงามเบื้องหน้าอย่างไม่รู้เบื่อ
ห้าปีกว่าแล้วสินะ ที่หล่อนร้างไกลจากเมืองกรุง มาฝังตัวหลบเลียแผลใจอยู่ที่หมู่บ้านในชนบทแห่งนี้
หมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ แต่กลับอบอุ่นด้วยมิตรไมตรีของผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียง
ผู้คนที่นี่ไม่มีใครรู้จักหล่อนมาก่อน แต่กระนั้นในยามที่หล่อนประสบความทุกข์ยาก ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างมีน้ำใจ
หล่อนรักที่นี่...
สถานที่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อของชาวบ้าน
รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยหวานไร้การแต่งแต้มของแกมแพร ดวงตากลมโตจ้องมองทิวเขาเขียวขจีที่ม่านหมอกค่อยๆ ละลายไปเมื่อถูกแสงสีเหลืองทองอบอุ่นของพระอาทิตย์ยามเช้ากล่าวคำทักทาย
กลิ่นหอมของความสดชื่น ความอบอุ่น และความหวัง กำลังเยียวยาทุกหัวใจที่บอบช้ำ ให้มีความเข้มแข็ง และสามารถต่อสู้กับวันเวลาที่โหดร้ายได้อีกครั้ง
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้าง มองนกสีขาวฝูงเล็กๆ ที่บินผ่านหน้าไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสดชื่น
หล่อนดีใจเหลือเกินที่ตัวเองสามารถยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยไม่ได้หวนกลับไปพึ่งพาคนๆ นั้นอีก
แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อของลูกฝาแฝดของหล่อนก็ตาม
รอยยิ้มบนใบหน้าหวานของแกมแพรตอนนี้จางหายไปทีละนิด เมื่อความทรงจำที่พยายามลืมมันกลับมาครอบงำสมองอีกครั้ง
อติพัฒน์...
ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ
แต่งงานไปหรือยัง?
หรือว่ายังคงใช้ชีวิตเป็นหนุ่มเสเพลเหมือนเดิม
แต่ก็ช่างเถอะ หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึงผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ
หล่อนกับเขาหย่าขาดกันหลังจากงานศพของคุณย่าเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
และห้าปีที่ผ่านมา หล่อนกับอติพัฒน์ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย รวมถึงข่าวคราวของเขาก็ไม่เคยเข้ามาในหูของหล่อนเลยเช่นกัน
มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะ
แม้สมองจะบอกว่าหล่อนทำถูกต้องทุกอย่าง แล้วแต่หัวใจกลับยังคงเจ็บปวดไม่น้อย เพราะจริงๆ แล้ว หล่อนไม่เคยลืมผู้ชายที่ชื่ออติพัฒน์ได้เลย
หล่อนตกหลุมรักเขา...
รักเขาจนเจ็บปวดหัวใจไปหมด...
แต่สำหรับอติพัฒน์แล้ว หล่อนก็เป็นแค่ผู้หญิงที่เขาบังเอิญได้มาขึ้นเตียงเท่านั้น
ลำคอของหล่อนตีบตันจนต้องรีบกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก และรีบขจัดความโศกเศร้าออกไปโดยเร็วที่สุด
แต่ถึงแม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็งยังไง แต่น้ำตาก็ยังเอ่อล้นออกมาอยู่ดี จนต้องรีบกะพริบตาหลายต่อหลายครั้ง
“อย่าร้องไห้เพราะเขาอีกเลย... ขอร้องล่ะแก้ม เธอต้องเข้มแข็งสิ...”
ขณะที่หญิงสาวกำลังให้กำลังใจตัวเองอยู่นั้น เสียงฝีเท้าตุบตับของลูกฝาแฝดก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนต้องรีบหันหลังกลับไปมอง
“ระวังหกล้มนะคะน้องก้อย น้องกันต์”
ฝาแฝดชายหญิงยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะพากันโถมตัวเข้ามากอดผู้เป็นมารดาเอาไว้แน่น
“ขอโทษค่ะคุณแม่ขา แต่น้องก้อยอยากออกมาดูนกตอนเช้าเร็วๆ นี่คะ”
ฝาแฝดหญิงผู้เป็นพี่เอื้อนเอ่ยวาจาฉอเลาะได้น่าฟังนัก จนคนเป็นแม่ต้องอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
น้องก้อยคือฝาแฝดผู้หญิง ซึ่งมีนิสัยแก่นแก้วแสนซน และฉลาดเฉลียวช่างพูดช่างเจรจาจนเป็นที่รักที่เอ็นดูของหล่อนและผู้คนที่ได้พบเห็น
ในขณะที่ฝาแฝดผู้น้องอย่างน้องกันต์ ซึ่งเป็นเด็กผู้ชาย จะมีนิสัยแตกต่างจากพี่สาวไปค่อนข้างมาก เพราะน้องกันต์จะเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา แต่ก็ฉลาดเกินวัยไม่ต่างจากน้องก้อยผู้เป็นพี่สาว
เด็กฝาแฝดทั้งสองคนในตอนนี้อายุเพียงสี่ขวบนิดๆ เท่านั้น แต่ก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อย เพราะทั้งสองคนรู้จักช่วยงานบ้านมารดาคนละเล็กละน้อย ตามกำลังที่สามารถทำได้ ซึ่งก็ช่วยแบ่งเบาภาระของแกมแพรได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และนี่คือความโชคดีที่สุดในชีวิตของหล่อน
แกมแพรอมยิ้ม ขณะย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าของตัวเอง และยกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกฝาแฝดทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดอะไรออกไป น้องก้อยก็พูดเสียงขึ้นเสียก่อน
“มีน้ำตาในลูกตาของคุณแม่ขาอีกแล้วค่ะ”
น้องก้อยยกนิ้วป้อมๆ ขาวสะอาดแตะใกล้ๆ กับดวงตาของผู้เป็นแม่เบาๆ โดยมีน้องกันต์มองตามด้วยความสงสัย
“ต่อไปผมกับพี่ก้อยจะไม่วิ่งเร็วๆ อีกแล้วครับ คุณแม่จะได้ไม่ร้องไห้”
“แม่ไม่ได้ร้องไห้หรอกจ้ะน้องก้อยน้องกันต์”
“แล้วทำไมมีน้ำตาในลูกตาของคุณแม่ขาล่ะคะ”
น้องก้อยเอียงคอมองมารดา ดวงตากลมโตมีความสงสัย
หล่อนไม่ควรทำให้ลูกทั้งสองคนไม่สบายใจแบบนี้เลย
แกมแพรตำหนิตัวเองในใจ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง และกะพริบตาถี่ๆ ซ้ำอีกหลายครั้ง จนหยาดน้ำตาจางหายไป
“พอดีเมื่อกี้ลมพัดมาน่ะจ้ะ แล้วฝุ่นก็ลอยเข้ามาในตาของแม่น่ะ”
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน