เมื่อความรักที่เธอมีให้ มันไม่มีค่าสำหรับเขา เธอจึงต้องหนีเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็น นางมารร้ายในสายตาของคนที่พบเห็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
เมื่อความรักที่เธอมีให้ มันไม่มีค่าสำหรับเขา เธอจึงต้องหนีเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็น นางมารร้ายในสายตาของคนที่พบเห็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
ณ โรงเรียนเอกชนชื่อดังในกรุงเทพมหานคร ช่วงพักกลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียนนั้น มักจะเต็มไปด้วยผู้คนทั้งอาจารย์และนักเรียนเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันทั้งสิ้น ทั้งยังมีเสียงคุยเล่นกันของเหล่านักเรียนอย่างสนุกสนาน บ้างก็นินทาอาจารย์ว่าอาจารย์ท่านนั้นโหดบ้างท่านนี้ใจดีบ้าง บางคนก็บ่นว่าทำไมการบ้านเยอะจัง
แน่ล่ะ แต่เรื่องที่เหล่านักเรียนต้องเมาท์มอยเป็นประจำเลยก็คือ เรื่องของความรัก เขาทั้งหลายจะนำเหตุการณ์ข่าวสารข้อมูลมาแชร์กันเพื่อความสนุกสนานเพิ่มสีสันในการรับประทานอาหารกลางวัน หนึ่งในกลุ่มนักเรียนทั้งหลายนั้นคงขาดไม่ได้เลยคือกลุ่มของ ลลิน
กลุ่มของลินหรือลลินนั้น มีด้วยกันอยู่ 3 คน คือ เปรมมิกา สุภาวดีร่วมด้วยตัวลินเอง เพื่อนทั้งสองของลินนั้นรู้ว่าลินชอบใครและสถานะของลินเป็นอย่างไร ถึงลินจะรู้ว่าเขาคนนั้นมีแฟนแล้วก็เถอะ
เธอมักคิดเสมอว่า ชอบไปแล้วนี่นาให้เลิกคงไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ก็เช่นกัน ในระหว่างทานข้าว สายตาของเธอก็จะคอยมองมาร์ทหรือคุณาวุฒิอยู่เสมอ
“นี่ ยัยลินถ้าจะมองขนาดนั้นอะนะ ฉันว่าแกควรไปบอกชอบพี่เขาตรง ๆ เถอะ จะได้จบ ๆ กันไป ฉันเห็นแกคอยมองหาพี่เขาเป็นคนไม่มีตัวตนแบบนี้ ฉันรับไม่ได้ว่ะ เพื่อนเปรมต้องสตรองค่ะ โดนผู้ชายหักอกต้องไม่ตาย อิอิ”
เปรมมิกาเมื่อทนพฤติกรรมของหญิงสาวไม่ไหวเธออดไม่ได้ที่จะพูดแขวะหญิงสาวให้เจ็บใจเล่น ๆ ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ ค้อนวงโต ๆ จากตัวหญิงสาวและเสียงหัวเราะของสุภาวดี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ฉันว่าก็ดีนะยัยลิน บอกว่าชอบผลเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แหมมั่นใจเหมือนตอนเรียนหน่อยสิจ๊ะ แม่สาวน้อย”
สุภาวดีก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาแหย่เพื่อนสาวเล่นดูเหมือนกัน หลังจากนั้นบรรยากาศการทานข้าวของทั้งสามคนก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเล็ก ๆ จากหญิงสาวทั้งสามอย่างสนุกสนาน
ส่วนตัวลลินนั้นถึงจะหัวเราะสนุกสนานไปกับเพื่อนสาวของตน แต่ในหัวเธอนั้นมีแต่เรื่องคุณาวุฒิเต็มหัวไปหมด เธอคิดไม่ตกเลยว่าจะบอกความรู้สึกออกไปดีหรือจะเก็บมันไว้อย่างนี้ดี
เฮ้อ
นี่ฉันนั่งถอนหายใจกับยัยเพื่อนบ้าสองคนนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย
เฮ้อ
เอาไงดีล่ะยัยลิน เธอจะบอกพี่มาร์ทไหมว่าเธอชอบ ทำไมมันถึงยากนักนะแค่เดินไปบอกชอบเนี่ยไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวตรงไหนเลย แล้วถ้าเธอไปบอกชอบ เขาจะรู้สึกยังไง มีท่าทางยังไง สำคัญเลยเราก็ไม่ใช่คนสวยออกจะอ้วนด้วยซ้ำ แล้วเธอดูแฟนเขาสิน่ารักทั้งนั้น เขาจะหันมามองเธอเหรอยัยบ้า บอกออกไปมันจะยังเหมือนเดิมไหม เธอมั่นใจว่าเข้มแข็งพอรับความรู้สึกหลังบอกได้แล้วเหรอ
เฮ้อ
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ฉันจะบอกชอบพี่มาร์ท หลังจากนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฮึบ สู้ ๆ
มาร์ท คุณาวุฒิ หนุ่มฮอท รูปหล่อ พ่อรวย ขวัญใจสาว ๆ ของโรงเรียนเอกชนชื่อดังในกรุงเทพ สถานะทางบ้านของเขานั้นรวยมาก และที่ทำให้เขาภูมิใจมาก ๆ ก็คงจะเป็นหน้าตาอันหล่อเหลาที่สาว ๆ พร้อมจะพลีกายถวายชีวิตให้นี่นะสิ
กลุ่มของเขานั้นมีกันอยู่ 3 คน คือ ภูมินทร์ เมฆาและตัวเขาเอง ชีวิตเขาดูเหมือนจะเพอร์เฟกต์ครบทุกอย่าง
แต่ทำไมนะ ทำไมชีวิตของเขาต้องมาเจออะไรบ้า ๆ แบบนี้ด้วย พ่อกับแม่บ้าไปแล้วหรือเปล่าที่จับเขาหมั้นกับยัยอ้วน ฮึ่ย หน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไรมาก ตัวอ้วน ๆ เล็กน้อย มีดีอยู่เรื่องเดียวคือเรียนเก่ง เหอะ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่แต่งกับยัยบ้านั่นเด็ดขาด ยัยลลิน
ทั้งนี้เขายังต้องปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว ไม่งั้นคงมีคนสมน้ำหน้าเขาที่มีแฟนเป็นยัยอ้วนเทอะทะหน้าตาน่าเกลียด โดยเฉพาะไอ้เพื่อนตัวแสบสองคนนั่น ที่สำคัญเลยเขามีแฟนอยู่แล้ว และแฟนของเขาแต่ละคนนั้นมีแต่คนน่ารัก ๆ หุ่นดี ๆ โดยเฉพาะคนล่าสุดนี้ น้องเหม เด็ก ม.4 ที่นอกจากจะน่ารักแล้ว ยังเรียนดีและนิสัยดีอีกด้วย ถ้าให้เอามาเปรียบเทียบกับยัยลินนั่น น้องเหมแฟนเขาคนนี้ชนะเห็น ๆ หึ
เฮ้อ คิดเรื่องนี้ทีไรแล้วปวดหัวไปเล่นบาสดีกว่า ที่สนามบาสคุณาวุฒิเล่นบาสกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข และชูตลงห่วงทุกครั้งด้วยท่วงท่าที่สวยงาม เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้หญิงที่เข้ามาดูได้มากเลยทีเดียว แม้ว่าบางทีจะรู้สึกหงุดหงิดบ้างที่เห็น ลลินมานั่งดูอยู่ด้วย
ส่วนลลินนั้นเธอยิ้มอย่างมีความสุขมากเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เข้ามาดูคุณาวุฒิเล่นบาส แถมยังรู้สึกตื่นเต้นที่ตนจะบอกความรู้สึกของคนเองให้ฝ่ายชายรู้อีก และแล้วผู้คนในโรงยิมก็เริ่มทยอยออกไปกันจนหมด เหลืออยู่แค่นักกีฬาสองถึงสามคน
ในที่สุดนักกีฬาก็ออกจากโรมยิมไปจนหมดเหลือแต่คุณาวุฒิ ที่กำลังจะเดินออกไปโดยแกล้งทำมองไม่เห็นหญิงสาวเพื่อหวังว่าเธอคงไม่ต้องมาพบเขาอีก แต่ไม่ทัน เพราะลลินได้เรียกชายหนุ่มไว้แล้ว
“พี่มาร์ทคะ ลินมีอะไรจะบอกค่ะ”
“เอ่อ คือว่าลินชอบพี่มาร์ทค่ะ ชอบมากด้วย ชอบมานานแล้วด้วยค่ะ”
พอพูดจบหญิงสาวก็ยิ้มออกมา ด้วยความรู้สึกที่โล่งที่ได้บอกความรู้สึกของตนออกไป
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ และไม่มีวันชอบด้วย”
“ทำไมคะ ทำไมพี่ไม่ชอบลิน” หญิงสาวพูดออกไปด้วยน้ำตาคลอและกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา
“เพราะอะไรเหรอ นี่เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอยัยอ้วน ว่าทำไมฉันถึงไม่ชอบเธอ” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวนิ่ง หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ
“หึ งั้นฉันจะบอกให้นะ เพราะว่าเธอมันอ้วนแล้วก็ไม่สวยไง พอใจหรือยัง”
“ตะ แต่ว่าเราเป็นคู่หมั้นกันนะคะ ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน”
“เหอะ ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเธอ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ฉันไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบอย่างเธอด้วยแล้ว ไม่มีวันเด็ดขาด หึ เลิกยุ่งกับฉันสักที ออกไปจากชีวิตของฉันซะ”
จบคำพูดของคุณาวุฒิ ไม่สิเขาตะคอกใส่เธอมากกว่า ลลินก็วิ่งออกไปจากบริเวณนั้นทันที คุณาวุฒิได้แต่มองตามไปเงียบ ๆ แล้วยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ
ณ คฤหาสน์บ้านของลลิน หลังจากที่จบวาจาร้ายกาจที่ทิ่มแทงจิตใจของเธอนั้น ลลินก็รีบกลับมาที่บ้านและขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง
“ฮึก ฮือ คนบ้า ฮึก ไม่เห็นต้องว่ากันขนาดนี้เลย รักษาน้ำใจกันหน่อยก็ไม่ได้ ฮือ พี่มาร์ทใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย ฮืออออ”
ลลินเอาแต่ร้องไห้และตกอยู่ในห้วงความคิดของตน ไหนมีคนบอกว่าความรักคือสิ่งสวยงาม ไหนบอกว่าความรักไม่มีถูกไม่มีผิด ไหนบอกว่าความรักมีแต่จะทำให้เรามีความสุขจากการที่ถูกรักและได้รัก แต่ทำไมกับฉัน ความรักถึงได้ทรมานขนาดนี้ ทำไม ฮึก ฉันเกลียดความรัก เกลียด ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก
“ในเมื่อพี่ไล่ฉันออกจากชีวิตพี่ ฉันก็จะไปจากพี่ ลาก่อนคุณาวุฒิ รักแรกของฉัน” หญิงสาวพูดออกมาด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
“คุณพ่อคุณแม่คะ ลินมีเรื่องอยากจะขอนะคะ คือลินขอไปเรียนไฮสคูลและปริญญาที่อเมริกาเลยนะคะ ถือว่าเป็นการไปฝึกภาษาด้วย เพราะปีนี้ลินอยู่ ม.5 ถ้าลินไปเรียนไฮสคูลที่นู่น ลินก็น่าจะได้อยู่เกรด 11 พอดี นะคะ คุณพ่อคุณแม่ให้ลินไปนะคะ” หญิงสาวอ้อนพ่อแม่ด้วยเหตุผล
“ไปทำไมละลูก ลูกยังเด็กอยู่เลยนะ แม่ว่าเรียนที่นี่ก็ดี ส่วนสำเนียงหรือภาษาอังกฤษแม่ว่าลูกไม่ต้องฝึกก็เป๊ะแล้วล่ะจ้ะ อย่าไปเลยนะแม่เป็นห่วง”
คุณหญิงรัตนาพูดขึ้น หญิงสาวได้แต่มองหน้าพ่อของตนด้วยสายตาอ้อนวอน
“ให้ลูกไปเถอะคุณ ลูกจะได้ประสบการณ์เยอะกว่าอยู่ที่นี่ กลับมาจะได้มาบริหารงานเราได้เลยไงล่ะผมว่าดีออก”
คุณไกรศรพ่อของลินพูดขึ้นบ้าง นั่นทำให้ลลินยิ้มออกมาทันที และหันไปอ้อนมารดาต่อ
“นะคะคุณแม่ขาให้ลินไปนะคะ น้า นะคะ น้า” ลลินเกาะแขนแม่ตัวแล้วเอาหัวทุยถูไปที่แขนของมารดาอย่างออดอ้อน พร้อมกะพริบตาให้มารดาของตนอย่างน่ารัก
“เฮ้อ ก็ได้ แม่จะว่าอะไรได้ล่ะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งสองคนพ่อลูกเลยนี่” จบคำพูดของมารดา หญิงสาวก็กระโดดร้องอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อคุณแม่ ลินสัญญาจะตั้งใจเรียนและกลับมาบริหารธุรกิจของเราให้ดีที่สุดค่ะ อิอิ”
หลังจากที่ตกลงกับครอบครัวได้แล้ว ไม่ถึง 1อาทิตย์ลลินก็ต้อง เดินทางไปอเมริกาทันที
ที่อเมริกาจากเด็กตัวอ้วนก็เริ่มโตเป็นสาวสะพรั่ง มีทั้งความสวย ความเซ็กซี่ มีคนชอบเธอมากมาย แต่เธอหาได้สนใจใครไม่เพราะเธอยังเข็ดกับความรัก แต่เธอไม่ได้มีแค่ความสวยเท่านั้น เธอยังมีความโหดที่เป็นความลับที่ไม่เคยมีใครรู้อีกด้วย เนื่องด้วยความสวยความเซ็กซี่ที่มีอยู่มากนั้นทำให้เธอได้ขึ้นปกนิตยสารของอเมริกาแทบทุกฉบับ
ด้านคุณาวุฒิหลังจากวันนั้นวันที่เขาปฏิเสธเธอและไล่ให้เธออกจากชีวิต เขาก็ไม่เห็นลลินอีกเลย เขารู้จากแม่เขาว่าลลินไปต่อที่เมืองนอกแต่ไม่รู้ที่ไหน รัฐไหน
จนวันหนึ่งขณะที่คุณาวุฒิกำลังอ่านนิตยสารอยู่นั้น เขาก็รู้สึกสะดุดกับรูป ๆ หนึ่ง ใช่ เขาจำได้ นั่น เธอ ลลินคู่หมั้นของเขาเอง เธอสวยมากแถมยังเซ็กซี่ สเปกที่เขาชอบได้พอดี ยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบเธอขึ้นไปอีกและเผลอยิ้มกับความรู้สึกของตนเอง แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มเมื่อในนิตยสาร มีข้อความเขียนไว้ว่า
“เอาละค่ะทุกค๊นนนนน สาวสวยสุดเซ็กซี่ ขวัญใจหนุ่ม ๆ ทั้งอเมริกา ที่ไม่เคยมีข่าวว่าคบกับใครเลย ล่าสุดหญิงสาวนามว่าลินควงหนุ่มปีเตอร์ที่เจ้าตัวบอกเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ คนนี้ ไปเที่ยวค่ะ แหม ๆ เป็นไงละจ๊ะทุกคน ผู้ชายทั้งอเมริกานี่เสียดายเป็นแถบ ๆ ค่ะ ทุกคนคงจะสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่าสรุปแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นอย่างไร ล่าสุดเจ้าตัวน้องลินเองก็ออกมาย้ำนะคะว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันจริง ๆ คราวนี้ก็แล้วแต่คนอ่านล่ะนะคะว่าจะคิดยังไง แต่เจ๊เจนคนนี้คิดว่า สนิทกันขนาดนี้คงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาละมั้งคะ โหะ ๆ ๆ ๆ”
พรึบ!!!
เสียงปานิตยสารฝีมือคุณาวุฒิก็ดังขึ้น ใช่เขารู้สึกโกรธมาก ๆ ของของเขา เขาคิดเพียงแค่นี้
“บัดซบ บัดซบที่สุดเลย”
ชายหนุ่มได้แต่นั่งหายใจแรง ๆ ด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
“หึ ของของฉัน ต่อให้ฉันเคยทิ้งมันไปแล้ว แต่ยังไงความจริงเธอก็คือของของฉัน ลลิน”
หลังแก้ปัญหาไอมารจนผืนดินกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่เว่ยซือหงต้องไปผจญภัยจริง ๆ เสียที สมบัติวิเศษ สมุนไพรล้ำค่า ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในดินแดนลับ นางจะกวาดให้เรียบ!
โปรย... ชะตาพลิกผันให้เจ๊ใหญ่หงทายาทมาเฟียยุค2000 ต้องไปเกิดใหม่ที่มิติใกล้ล่มสลาย ซึ่งทุกอย่างถูกวัดด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งพลังปราณ พลังธาตุ ทั้งนางยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเมื่อลืมตาตื่นความทรงจำกลับเลือนราง นางกลายเป็นก้อนแป้งน้อยโดยสมบูรณ์! ผักก็ต้องปลูก มารก็ต้องกำจัด ความทรงจำยังเลือนรางอีก สวรรค์ท่านกลั่นแกล้งข้าหรือไร?
คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด... เมื่อเรื่องราวความรักของม่านไหมโรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่ถูกก้องเกียรติสร้างขึ้นมา ชวนให้หลงมัวเมากับฉากหน้าอันแสนหวานยากจะถอนตัว กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าเธอถูกหนามแหลมคมของดอกกุหลาบที่ชื่นชอบคอยทิ่มแทงให้เธอเจ็บแล้ว ราวกับโลกทั้งโลกแหลกสลาย ความไว้ใจที่มีมาพังทลายลง! คนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ในรักอย่างเธอต้องมานั่งเสียใจนอนร้องไห้ ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอจะเลือกอะไรระหว่างอดทนยอมรับชะตากรรมความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อและให้อภัยเขาในที่สุด หรือ! เดินหน้าเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่หวังดีกับเธอตลอดมา เป็นกำลังใจให้ม่านไหมด้วยนะคะ ............................................... ตัวอย่างบางส่วนในนิยายค่ะ “ทำแบบนี้ทำไม” คำถามแผ่วเบาที่ออกจากปากของม่านไหม ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ก้องเกียรติตวัดสายตาดุร้ายมองเธอ เขาไม่ตอบเลือกที่จะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบมาแต่งตัว “ทำไมไม่ตอบ ทำแบบนี้ทำไม!” เสียงของม่านไหมดังขึ้น หญิงสาวไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มหันหลังให้ เธอเดินเข้าไปแล้วกระชากให้เขามามองหน้าเธอทันที “ตอบสิ ทำแบบนี้ทำไม ม่านทำอะไรผิดเหรอ พี่ถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้!” ม่านไหมโวยวาย สองมือของเธอทุบลงบนอกของเขา
เพราะว่ารักจึงยอม เพราะรักถึงรอ รอที่จะได้ยินคำว่ารัก รอวันที่เธอชัดเจน... .......... ตัวอย่าง “หยุดร้องก่อนได้ไหมฉาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่เขานั่งทนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวมาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบจะสองชั่วโมงได้ “ฉายไม่ได้อยากร้อง แต่ว่ามันหยุดไม่ได้ ฮึก! แล้วพี่สงจะให้ฉายทำยังไง” หญิงสาวตอบกลับพลางสะอื้นไห้ .......... “นานแล้วนะครับฉาย พี่ทรมาน” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นข้างหู “พี่สง!” “พี่รักฉายมากฉายก็รู้ แล้วตอนนี้มันก็นานมาก ๆ แล้วที่เราไม่ได้รักกัน ฉายไม่สงสารพี่เหรอครับ” เขายังคงหว่านล้อมเธอด้วยคำพูดจนจันทร์ฉายเริ่มลังเล ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมพูดต่อ “รักของพี่มีให้ฉายแค่คนเดียว ทั้งหัวใจพี่ก็มีแค่ฉาย จะทำอะไรก็นึกถึงแต่ฉาย แบบนี้... พี่ควรได้รางวัลหรือยังครับ” พูดแล้วก็เป่าลมร้อนเข้าหูเธอจนคนตัวเล็กย่นคอหนี “ตะ แต่ว่าฉายท้องอยู่นะคะ” “เลยช่วงอันตรายมาแล้วครับ หมอก็อนุญาตฉายก็รู้ พี่สัญญาว่าจะระวัง” “แต่ว่า” “ให้พี่ทักทายลูก ต่อแขนต่อขาให้ลูกนะครับคนดี พี่สัญญาว่าจะทำเบา ๆ นะครับ นะ” สงกรานต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะระดมจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว “คะ ครั้งเดียวนะคะ” “ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตสงกรานต์ก็ไม่คิดเกรงใจอีกเขาตะโบมจูบจันทร์ฉายด้วยความคิดถึงและความรักทั้งหมดที่มี ลิ้นหนาพัวพันกับลิ้นเล็กดึงดูดความหอมหวานของกันและกัน ก่อนจะประคองเธอนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอด้วยความชำนิชำนาญ
ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกนอกสมรสเธอไม่เคยปริปาก โดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยพร่ำบ่น เห็นว่าเธอไม่มีปากเสียงแล้วจะเอาอะไรที่เป็นของเธอไปก็ได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถึงเวลาที่เธอจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดีละ เตือนแล้วนะ... .......... ตัวอย่าง 1 “ดี! งั้นมาดูกัน ว่าระหว่างฉันกับเธอใครกันแน่ที่พูดความจริง แต่เธอคงไม่ถือใช่ไหมพริมา ถ้าต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างฉันน่ะ” กล่าวถามก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเรียบเฉยของน้องสาว อิงอรฉีกยิ้มเยาะเย้ยพลางมองพริมาด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน มือบางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับไปยังประตู ทว่าก่อนที่มือจะทันได้จับลูกบิด น้ำเสียงเย็น ๆ ของน้องสาวที่ดังขึ้นด้านหลังกลับหยุดเธอไว้ “ก็เอาสิคะ ถ้าพี่อิงมั่นใจว่าจะแย่งเขาไปจากฉันได้ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันเป็นคนหวงของ ยิ่งรักมากก็หวงมาก และฉันคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนที่แล้วมาแน่ อะไรที่เป็นของฉันใครหน้าไหนก็เอามันไปจากฉันไม่ได้ โดยเฉพาะคนหน้าด้านอย่างพี่อิง อย่าได้หวังเลยค่ะ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่แน่ ก็เชิญ แล้วจะได้รู้ ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด เตือนแล้วนะ” “เหอะ” อิงอรอารมณ์เสียเพราะคำพูดของพริมา แต่ไม่ใช่ในคำเตือน เธอหันกลับมามองหน้าน้องสาวแล้วส่งสายตาฟาดฟันกัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินออกจากห้องไป .......... ตัวอย่าง 2 “เสียดายจัง ยังไม่ทันได้มองหุ่นเขาเลย พี่พีก็เอามือมาปิดตาพริมซะก่อน เสียดายจริงๆ” “เสียดายทำไม! อยากดูก็มาดูหุ่นพี่นี่ พี่หุ่นดีกว่ามันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเขียว พริมายู่หน้าตอบ “มันไม่เหมือนกันนี่คะ ของพี่พีพริมได้ดูทุกวัน แต่ของคนอื่นพริมแค่อยากมองเฉย ๆ” เธอยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ทั้งยังไม่วายเจื้อยแจ้วไปถึงบรรดาหุ่นไอดอลชายหรือศิลปินที่เธอชื่นชอบจนรพีพัฒน์ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความหึงหวง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว ………. ตัวอย่าง “ขอโทษนะครับที่ทำร้ายเขมแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิด และเขมคงไม่ให้อภัยพี่ง่าย ๆ แต่พี่อยากบอกให้เขมรู้ ว่าพี่รู้สึกผิด และเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไป” “...” “พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขมนะ พี่แค่โกรธและโมโหมากไปหน่อย” เขมิกายกยิ้มพลางหัวเราะหยันในลำคอ รู้สึกโกรธคนตรงหน้าจนไม่อยากมองหน้าต้องมองเขาด้วยหางตาแทน “ไม่ได้ตั้งใจ... นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ ถ้าคุณตั้งใจขึ้นมามันจะขนาดไหน” “เขมคือพี่” “ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปนอกจากเรื่องงาน ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เข้าใจตรงกันนะคะ” นี่เขาทำอะไรลงไป... ถ้าเขาลดอคติลง ฟังเธอสักนิด วันนี้เขาคงไม่ต้องทำร้ายเธอจนทำให้เธอหวาดกลัวเขาแบบนั้น ไม่ต้องเห็นสายตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ... หากว่าเขาขอโอกาสกับเธออีกสักครั้ง เธอจะยินยอมมอบมันให้เขาหรือเปล่า?..
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
หลังจากแต่งงานได้สองปี เซี่ยหนิงซีนอนจมกองเลือดเมื่อเธอคลอดบุตรยาก แต่เธอลืมไปว่าวันนี้เป็นงานแต่งงานของเขากับคนอื่น ฮั่วหนานเซียวพูดว่า "คลอดเด็กออกมา เราไปหย่ากัน" สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ แต่ทารกที่เพิ่งเกิดใหม่กลับต้องไปเรียกคนอื่นเป็นแม่ เซี่ยหนิงซียอมตายบนห้องผ่าตัดเสียดีกว่า แต่ปรากฏว่ามีทารกในครรภ์สองคนอยู่ในท้องของเธอ! เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง เขาก็ตกหลุมรักเธอ แต่เธอก็จะแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว และมีลูกสองคน ฮั่วหนานเซียวเป็นบ้าขึ้นมาและวิ่งไปในงานแต่งงานของเธอ... "ฮั่วหนานเซียว ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ฉันจะเอาชีวิตคุณให้ได้ " เซี่ยหนิงซีทำลายคนรักของเธอด้วยมือของเธอเอง แต่เธอไม่รู้ว่าตอนที่เขารู้ว่าเธอเสียชีวิตนั้น ฮั่วหนานเซียวไม่เปิดใจให้ใครอีกตั้งแต่คืนนั้น เขารอมาตั้งพันกว่าวันด้วยความทุกข์ใจเพียงเพื่อพบเธออีกครั้ง...
สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากการหย่าร้าง เธอไปหมั้นกับศัตรูของเขา ไปมีความรักกับชายหนุ่มน้อย เล่นงานมือที่สาม แก้แค้นอดีตสามี ตัวตนที่แท้จริงของเธอค่อยๆ ถูกเปิดเผย นักเปียโนอันดับหนึ่งของโลก? ดีไซเนอร์ Elan ที่หาตัวยาก? นักลงทุนลึกลับ? หลังจากการหย่าร้างหลี้จิงถิงถึงค้นพบว่าอดีตภรรยาของเขามีความลับมากมายอย่างนี้ เขาอยากตามตื้ออดีตภรรยาของเขากลับมาคบกัน แต่ยังเป็นไปได้ไหมล่ะ มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อปริศนาแห่งประสบการณ์ชีวิตของเธอถูกเปิดเผยจริงๆ หัวใจของเขาแตกสลายอย่างสิ้นเชิง...
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด