เมียใครที่ว่าร้าย ที่ว่าแน่ คงแพ้เมียพายัพแน่นอน เพราะหล่อนไม่ร้าย แต่หมัดและเท้าหนักมาก แต่ถึงกระนั้น ก็แพ้พายัพอยู่ดี จริงเหรอ... ............... "ฉันสัญญาค่ะว่า จะไม่ยุ่งทำแบบนั้นอีกแล้ว และขอโทษคุณด้วยค่ะ" หล่อนทำตาม "ยกมือไหว้ด้วย แล้วขอโทษใหม่" อังศุมาลีเริ่มหน้าตึง รู้ทันทีว่า เขาแกล้งตน แต่ถึงกระนั้นหล่อนไม่มีทางเลือก ทำตามคำสั่ง "ไหว้สวยๆ ด้วยนะ ถ้าไม่สวย ไม่ถูกใจ ไม่ให้ภาพนี้แน่ๆ" อังศุมาลียิ้มหวานมาก หวานเสียจนคนมองเห็นใจสั่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ส่งให้ดวงหน้าหล่อนมีความงดงาม ชวนมองมาก พายัพรีบยับยั้งความรู้สึกไหลลื่นให้อยู่กับที่ มองดูอังศุมาลียกมือไหว้ กล่าวคำขอโทษ "คราวนี้คืนรูปแม่ฉันได้หรือยังคะ" "ก็เดินมาเอาสิ" พายัพสะบัดรูปไปมา อังศุมาลีก้าวเดินไปหาร่างหนา แขนหล่อนยื่นออกไป หมายจับรูปในมือเขา ทว่าพายัพกลับชักมือหนี นำมือไขว้หลัง "นี่คุณจะผิดสัญญาเหรอ" อังศุมาลีถามเสียงขุ่น "ผิดสัญญาตรงไหนมิทราบ ฉันก็บอกอยู่นี่ว่า เดินมาเอาสิ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ดีๆ นี่นา" พายัพเอาคืนอังศุมาลี ที่ทำกับตนไว้เจ็บแสบ ให้แค่ไหว้กับขอโทษมันดูน้อยไป ให้ร้อนหัวใจเล่นๆ ร่วมด้วย คงสนุกพิลึก "ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามหยิบเอง" ด้วยความโมโห อังศุมาลีก้าวเท้าไปหาร่างหนาใกล้กว่าเดิม ทุบอกเขาเต็มแรง จนคนถูกทำร้ายถึงกับเจ็บ ตกใจไม่คิดว่าหล่อนทำเช่นนี้ ยิ่งตกใจมากขึ้นกับการกระทำต่อมา ที่พายัพไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน "โอ๊ย!" อังศุมาลีเหนี่ยวคอแข็งแรง ขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกหน่อย เข่าสาวกระแทกเหมาะเหม็งตรงกล่องดวงใจพายัพ ที่ร้องโอดครวญจากความจุกเจ็บ ตัวงอ หน้าแดง รูปภาพในมือล่วงหล่นสู่พื้น อังศุมาลีรีบไปหยิบรูปภาพแสนรักทันที "ฉันไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับคุณเมื่อกี้นะ ที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องคุณน่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำไปจนกว่าเราหย่ากัน ฉันหมายถึงแค่วันนี้วันเดียว ให้คุณพักหายใจหายคอ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อ้อ...ขอบคุณนะสำหรับรูปแม่ของฉัน" อังศุมาลีบอกคนจุกแน่นไปทั้งตัว หัวใจเดือดดาลมาก แต่ทำอะไรหล่อนไม่ได้มากไปกว่า เก็บความแค้นไว้ ถูกทำร้ายตรงจุดนี้ เรี่ยวแรงพายัพไม่หลงเหลือ แค่ขยับตัวยังยาก เข่าอังศุมาลีหนักมาก พุ่งใส่เต็มแรง เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนเล่นงานเขาเช่นหล่อนมาก่อน คอยดูเถอะ พายัพเอาคืนเป็นสองเท่าแน่ "ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวแสบ อูยย์"
1
วันนี้เป็นวันวิปโยคของเขาก็ว่าได้ ตอนเช้าแต่งงานกับอีกคน พอตอนเย็นในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส กลับมีเจ้าสาวคนใหม่ หรือใช้คำว่า เจ้าสาวตัวแทนน่าจะเหมาะกว่า
อยากหัวเราะ...แต่หัวเราะไม่ออก
คนอย่างพายัพ เวชาอนุพงษ์ ผู้เพียบพร้อมในทุกด้าน ประสบความสำเร็จมากในเรื่องงาน แต่เรื่องความรักกลับสวนทางกัน ผู้หญิงที่คิดว่าเป็นรักแท้ เป็นภรรยาและแม่ของลูกในอนาคต จากตนไปอย่างไม่มีวันกลับ จากไปโดยไม่มีคำล่ำลา ไม่มีช่วงเวลาๆ ดีดีให้แก่กัน นำพาความทุกข์ ความโศกเศร้าในจิตใจพายัพมากนัก
จนถึงทุกวันนี้ หนึ่งปีสามเดือนยี่สิบวัน พายัพยังไม่เลิกใช้เหล้าย้อมใจ เขาคิดว่ามันคือที่พึ่งชั้นดี ตัวช่วยลืมความเจ็บปวด จากการสูญเสียได้ เมื่อทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล ไม่เป็นผู้เป็นคน ยังดึงตัวเองออกจากหลุมดำไม่ได้ คนในครอบครัวจึงต้องหาทางออก ด้วยการหาเมียให้เขา
เมียที่พายัพไม่ต้องการ...
ครั้นจะไม่เข้าประตูวิวาห์กับสตรีที่ไม่ปรารถนาก็ไม่ได้ เป็นเพราะญาติผู้ใหญ่ของเขา คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และคุณพ่อคุณแม่ มากันครบทุกองค์ประชุม ชักแม่น้ำร้อยสายมาอ้าง สุดท้ายก็จำยอม
พายัพแทบไม่มีส่วนร่วมเรื่องวันวิวาห์ จะจัดที่ไหน อย่างไร เขาไม่รับรู้ เจ้าสาวหน้าตาเป็นเช่นไร ชื่ออะไร ไม่สนใจ วันไหนที่หล่อนมาบ้าน เขาไม่อยู่ดูหน้า ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ นอนค้างคอนโดจิรายุภัทร์ ซึ่งไม่มีใครค้านหรือบังคับพายัพมากไปกว่านี้ เกรงว่าพายัพจะไม่ยอมเข้าประตูวิวาห์กับเจ้าสาวที่หาไว้ให้
เมื่อถึงวันแต่งงาน พายัพได้พบหน้าเจ้าสาวเป็นครั้งแรก หล่อนน่ารัก แต่ไม่ทำให้หัวใจพายัพสั่นไหว อาจเป็นเพราะพายัพดื่มเหล้าย้อมใจหนักมาก หนักชนิดที่ว่า ลุกไม่ขึ้น จนต้องไปปลุกด้วยการสาดน้ำเย็นบนใบหน้า ให้ผู้ชายในบ้านช่วยกันหิ้วปีกพายัพไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเจ้าบ่าว
งานตอนเช้าแทบล่ม เพราะเจ้าบ่าวยังไม่หายแฮงค์ นั่งไม่ตรง ยืนก็ไม่ได้ โอนไปเอนมา มิหนำซ้ำยังฟุบหน้าหลับระหว่างพิธีรดน้ำสังข์ เจ้าสาวภาวนาให้เจ้าบ่าวทำให้งานล่ม เพื่องานจะได้เดินต่อไม่ได้ ผลตรงกันข้าม แม้เจ้าบ่าวไม่อยู่ในสภาพไม่เป็นผู้เป็นคน มานะชัยกับคุณหญิงพัชรีให้แขกที่มาร่วมงาน ที่มีแต่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย รดน้ำอวยพรเจ้าสาวเจ้าบ่าวต่อไป ละเว้นเรื่องการจดทะเบียนสมรส อยู่ช่วงต่อจากนี้ ต้องยกเลิกเพราะเจ้าบ่าวหลับ ช่วยกันหิ้วปีกขึ้นไปนอนบนห้อง
“คุณย่ายังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ให้ผมจดทะเบียนสมรสอีกหรือครับ ผมคิดว่าจะจบไปตั้งแต่ผมเมาหลับซะอีก” พายัพพูดกับคนเป็นย่า เมื่อพัชรีนำเอกสารมาให้ตนเซ็นในห้อง ก่อนเริ่มพิธีฉลองมงคลสมรสในตอนเย็น ซึ่งเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง “แล้วมันจำเป็นมากหรือครับ ไอ้ทะเบียนสมรสเนี่ย ผมว่า แค่ผมยอมแต่งงานก็น่าจะพอแล้วนะครับ”
เมื่อสร่างเมาด้วยน้ำเย็นจัด พายัพก็อยากเมาต่อ เพื่อให้หลับยาวยันเช้า งานตอนเย็นจะได้ล่ม เพราะเอกสารตรงหน้า ทำให้อารมณ์เขาแปรปรวน อยากฉีกมันทิ้งเหลือเกิน
“สำหรับแกอาจไม่จำเป็น แต่สำหรับฉัน จำเป็นมาก เซ็นซะ ถ้าไม่เซ็นฉันจะยกมรดกในส่วนของแกให้เมียแกทั้งหมด”
พายัพมองหน้าพัชรี เขาไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก ที่เอะอะก็จะยกสมบัติให้เจ้าสาว ที่เขาจำได้แต่หน้า ทว่าชื่อกลับจำไม่ได้ เท่ากับว่า พายัพถูกบีบบังคับจากญาติอันเคารพรัก เขาไม่สนใจสมบัติเหล่านี้ก็ได้ เพราะในส่วนของตนก็มีอยู่มาก ใช่แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ยังมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต ทว่าที่ยอมเนื่องจาก ไม่อยากให้ใครมาชุบมือเปิบง่ายๆ อีกทั้งยังคิดว่า จดได้ก็หย่าได้ เขาจะทำทุกวิถีทางให้เจ้าสาว อยู่กับตนไม่ได้
“ก็แค่นี้แหละ” พัชรียิ้มพอใจ เมื่อเห็นหลานชายเซ็นชื่อลงไปในเอกสารสำคัญ “แล้วก็กรุณาอย่าเมาหัวราน้ำอีกนะ ฉันเสียเงินไปเยอะในงานเย็นนี้ แต่เสียเงินไม่ว่า ฉันไม่อยากเสียหน้ามากกว่า เชิญแขกมาเป็นร้อยเลย”
“คุณย่ากลัวผมเมา แล้วจัดงานตอนเย็นทำไมครับ แค่งานตอนเช้ากับทะเบียนสมรสก็น่าจะพอ จัดงานใหญ่งานโตให้สิ้นเปลืองทำไมก็ไม่รู้” คนเป็นหลานบ่น
“เพราะฉันอยากทำ มีอะไรไหม” พัชรีกวนกลับหลานชาย “ถ้าเห็นว่าฉันเป็นย่า ก็อย่าดื่ม งานจบแกจะดื่มหนัก ดื่มเหมือนหมายังไง ฉันจะไม่ว่าแกเลย เข้าใจไหม” คำตอบของพายัพคือความเงียบ “ฉันถามว่า แกเข้าใจที่ฉันสั่งไหม ก็ตอบมาสิ”
อารมณ์คนถามเริ่มไม่ดีบ้าง พายัพมองหน้าหญิงสูงวัย พรางถอนหายใจ
“ผมจะพยายามครับ” เขาตอบกึ่งรับกึ่งสู้
“พยายามให้มันมากๆ ด้วย ไม่อย่างนั้น เห็นดีกันแน่” พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง พายัพลุกเดินไปยังตู้เย็นภายในห้อง หยิบเบียร์ออกมาหนึ่งกระป๋อง เปิดมันออกแล้วดื่มทีเดียวหมดกระป๋อง
มาถึงงานช่วงเย็น พายัพที่สติครบถ้วน เบียร์แค่กระป๋องเดียว ทำอะไรเขาไม่ได้ ถึงกับอึ้งเมื่อเจ้าสาวถูกเปลี่ยนตัว เป็นอีกคน ที่สำคัญชื่อจริงของหล่อน คล้ายชื่อคนรักเก่าของเขามาก
อังศุมาลินหรือหลิน คือชื่อคนรักที่จากโลกนี้ไป
อังศุมาลีหรือมาลี คือชื่อของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
พายัพถึงกับนิ่งงัน มองหน้าเจ้าสาวที่ความสวยเข้าขั้นเทพ สวยแบบร้องตะโกน ตะโกนออกมาดังๆ ด้วย หล่อนสวยกว่าเจ้าสาวช่วงเช้าของตนเสียอีก ความที่ไม่ปรารถนาแต่งงาน เจ้าสาวก็ไม่ใช่คนที่เขารัก พายัพมองหล่อนในแง่ร้ายว่า ความสวยเกิดจากการทำศัลยกรรม ไม่ใช่สวยตามธรรมชาติเหมือนอังศุมาลิน ไหนจะเครื่องสำอางที่แต่งแต้มอีก พอล้างหน้ามา คงจะคนละภาพจำแน่นอน
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป