งานก็รุ่งรักก็พุ่ง นั่นคือนิยามในขณะนี้ของเบญจา แต่จู่ๆ เธอก็มีคู่หมั้นโผล่มาแถมงานแต่งงานทางผู้ใหญ่ก็ตระเตรียมไว้หมดแล้ว นั่นทำให้เธอตัดสินใจบินไปหาเดวิสคู่หมั้นถึงสหรัฐอเมริกาเพื่อขอถอนหมั้นให้เด็ดขาด แต่การไปครั้งนั้นกลับเปิดโลกและเปิดใจทำให้รู้จักเดวิส ความรักที่ไม่ต้องการ งานหมั้นหมายที่อยากเท อะไรๆ แถมยังถูกคนรักที่คบหาสวมเขา พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก รับวัยเบญจเพศของแท้ เบญจาจะฝ่าด่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ไหม
งานรุ่งรักเริด
นั่นคือกราฟชีวิตของเบญจาในเวลานี้ ทุกอย่างพุ่งถึงขีดสุดก็ว่าได้ คิวงานรีวิวสินค้าหรือพรีเซ็นเตอร์ยาวเป็นหางว่าวส่วนเรื่องหัวใจก็สีชมพูมาได้หลายเดือนแล้ว
เบญจาไม่ใช่ดารานักร้องหรือนางแบบแต่เธอเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่กำลังเป็นกระแส หยิบจับอะไรก็รุ่งและดวงพุ่งสุดๆ ไลฟ์สดแต่ละครั้งยอดคนดูก็หลักหมื่นปลายๆ ถึงแสนก็มี ของขวัญของสนับสนุนจากแฟนคลับก็ไม่เคยขาดสาย
ถ้าให้สังเกตุทุกอย่างดีขึ้นตั้งแต่เธอเปิดตัวแฟนหนุ่มก็คงไม่ผิด นั่นจึงอดคิดไม่ได้ว่าอังกูรคือคนที่เข้ามาเพื่อเกื้อหนุนเธอ ชายหนุ่มเป็นถึงทายาทโรงแรมชื่อดังแถมรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลา เบญจาและอังกูรเจอกันครั้งแรกตอนที่หญิงสาวไปทำงานที่โรงแรมของครอบครัวเขา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เจอกันบ่อยขึ้นก่อนจะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคู่รักอย่างในปัจจุบัน
“ขอบคุณนะคะที่มารับ”
“ด้วยความยินดีครับ” เสียงทุ้มของอังกูรเอ่ยบอก ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญคนรักสาวไปยังรถที่เวลานี้จอดติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับก้าวเข้าไปเปิดประตูให้เธออีกด้วย ก่อนจะรีบอ้อมไปยังฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งทันทีเช่นกัน
“วันนี้เราจะไปกินข้าวที่ไหนกันดีคะ” น้ำเสียงสดใสของเบญจาเอ่ยถาม โดยเฉพาะรอยยิ้มของเธอที่มักจะทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหวได้ทุกครั้ง
“ไม่บอกครับ”
“เพราะคุณ ฉันถึงติดการถูกเซอร์ไพรส์” เบญจาอมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าให้แฟนหนุ่ม เมื่อก่อนไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธออาจเพราะไม่เคยเปิดโอกาสให้ก็เป็นได้เพราะคิดว่าถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่ก็ไม่อยากเสียเวลา กระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเจอเขา
อังกูรอมยิ้มเช่นกันก่อนจะขับรถออกไปจากหน้าบ้านของเบญจา โดยหารู้ไม่ว่าขณะนั้นมีสายตาคู่หนึ่งมองพวกเขาทั้งคู่อยู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความหวงและอิจฉาจนไม่อาจปกปิดไว้ได้
สถานที่ดินเนอร์ของเบญจาและอังกูรใจค่ำคืนนี้คือรูฟท็อปสุดฮอตฮิตของคู่รักที่อยู่ใจกลางเมืองโดยตั้งอยู่บนชั้น 60โรงแรมชื่อดัง เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ยื่นช่อดอกไม้สวยๆ ให้เธอตามด้วยการพาไปยังโต๊ะที่ดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เบญจายิ้มแก้มแทบจะแตก ดัชนีความสุขของเธอพุ่งสูงจนหัวใจจะวาย
บรรรยากาศดินเนอร์ในค่ำคืนนั้นก็เต็มไปด้วยความโรแมนติก อังกูรเป็นคนเงียบเรียกได้ว่าพูดไม่เก่งก็ว่าได้ผิดซึ่งนิสัยตรงนี้ตรงข้ามกับเบญจาที่เธอนั้นพูดเก่งและสดใสเสมอ ถึงแม้ชายหนุ่มจะพูดไม่เก่งแต่เรื่องเทคแคร์ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน เบญจาใช้เวลากับอังกูรอย่างคุ้มค่ากระทั่งชายหนุ่มกลับมาส่งที่บ้าน
“ขับรถดีๆ นะคะ”
“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับแต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิมเพราะอยากเห็นว่าเบญจาเข้าบ้านแล้วจริงๆ ขณะที่เจ้าบ้านสาวเองก็กำลังผลักประตูรั้วเพื่อก้าวเข้าไปทว่าจู่ๆ ก็หยุดราวกับลังเลอะไรบางอย่าง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาหาอังกูรพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นสูงแล้วหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่
เพราะอายเกินจะสบตาอีกฝ่ายได้ทันทีที่หอมแก้มเขาเสร็จเบญจาก็รีบเดินจ้ำเข้าบ้านไปทันที อังกูรยืนยิ้มกว้างก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ ความรักมันดีแบบนี้สินะ จากนั้นจึงขับรถออกไปจากบริเวณหน้าบ้านของเบญจา
ไม่ถึงนาทีหลังจากอังกูรกลับออกไปเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งยิ้มกับตัวเองอยู่ในห้องนั่งเล่นก็สะดุ้ง เพราะได้ยินเสียงออดดังขึ้นหรือว่าอังกูรยังไม่กลับแล้วจะขอเข้ามาในบ้าน ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะปฏิเสธเขาว่ายังไงถึงจะไม่เสียมารยาท เพราะขืนยอมให้เขาเข้ามาอะไรๆ เหมือนในซีรีส์เกาหลีอาจเกิดขึ้นเช่นจูบแรกหรือเรื่องแบบนั้น
เบญจานั่งคิดเพ้ออยู่คนเดียวก่อนจะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าใบเล็กดังขึ้น เธอควานหาแล้วรีบดูว่าใครโทรมาเวลานี้ พอเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอก็ถึงกับเป่าลมออกปากแล้วกดรับสาย
“ว่าไง”
“เปิดประตูให้หน่อยสิ” แสงจันทร์เอ่ยบอกนั่นทำให้เบญจาประหลาดใจที่รู้ว่าคนกดออดคือเพื่อนสนิท
“อ้าว! เอยเองเหรอ”
“อื้อ ฉันเอง นึกว่าใคร”
“คุณหนึ่ง”
“คุณหนึ่งจะมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้ ออกมาเปิดประตูเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะเป็นไข้เลือดออก” พูดไปแสงจันทร์ก็ขยับตัวไปด้วยตลอดเพราะถูกยุงเล่นงานอย่างหนัก
“อืม” เบญจารับคำแล้ววางสายจากนั้นก็รีบออกไปเปิดประตูให้เพื่อนสนิทอย่างแสงจันทร์ ก่อนจะยื่นมือไปช่วยหิ้วของในมือ “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อบ่ายนี่แหละ ว่าแต่แต่งตัวสวยแบบนี้ไปไหนมา”
“ดินเนอร์กับคุณหนึ่ง”
“เหรอ คราวนี้เขาพาเธอไปที่ไหนมา” น้ำเสียงของแสงจันทร์แฝงความอิจฉาอยู่ลึกๆ นั่นเพราะเธอเองก็อยากเจอผู้ชายสุดเพอร์เฟคแบบนี้บ้าง ขนาดทำงานเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินดังทว่ากลับยังไม่เจอเนื้อคู่
“รูฟท็อปที่อยู่บนชั้น 60 ของโรงแรม…”
“โหว ที่นั่นมันสุดยอดเลยนะ หลิวนี่โชคดีจังได้รักกับคุณหนึ่ง” แสงจันทร์อยากเป็นเบญจาเสียเอง เพราะตอนนี้ไม่ว่าเพื่อนจะทำอะไรก็รุ่งทุกอย่าง
“เอานะ คนสวยๆ จิตใจดีๆ แบบเอยเดี๋ยวก็เจอคนดีๆ แล้วนี่ซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ” เบญจาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากทำให้เพื่อนสนิทคิดมากกับเรื่องพวกนี้ นั่นเพราะยิ่งวิ่งตามหาสิ่งที่ต้องการก็ยิ่งห่างไกล
“หิว ก็เลยไปเหมายำร้านโปรดเธอมา แต่หลิวคงอิ่มจนกินอะไรไม่ลงแล้วมั้ง งั้นฉันกลับบ้านก่อนแล้วกัน”
“กินลงๆ ฉันกำลังอยากกินยำอยู่พอดี เดี๋ยวช่วยเทใส่จานนะ” เจ้าบ้านสาวออกตัวเพราะไม่อยากให้เพื่อนน้อยใจ พร้อมกับรีบรั้งตัวแสงจันทร์ไว้ ตั้งแต่คบหากับอังกูรเธอก็แทบไม่มีเวลาให้เพื่อนคนนี้เลย หลักๆ คืองานต้องมาก่อนตามด้วยแฟนแล้วถึงเป็นเพื่อน
บวกกับแสงจันทร์ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสด้วยแล้วเวลาจึงไม่ค่อยตรงกันเท่าที่ควร แต่หลังจากนี้เธอจะพยายามแบ่งเวลาให้ดีจะได้ไม่กระทบความรู้สึกใจใคร
“อร่อยเนอะ” เบญจายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รสชาติอาหารที่จัดจ้านทำให้เธอหายเลี่ยนจากอาหารที่ไปกินกับอังกูรได้มากทีเดียว
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."