บุญคุณครั้งแรก แลกด้วยพรหมจรรย์ บุญคุณครั้งที่สอง แลกด้วยหัวใจ
บุญคุณครั้งแรก แลกด้วยพรหมจรรย์ บุญคุณครั้งที่สอง แลกด้วยหัวใจ
เรื่อง...หัวใจเมียน้อย
คำโปรย...บุญคุณครั้งแรก แลกด้วยพรหมจรรย์ บุญคุณครั้งที่สอง แลกด้วยหัวใจ
แนะนำตัวละคร
คาลอส เกลนดาลอร์ท (คุณคาร์) อายุ 39 ปี
เขาเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ จำพวกธุรกิจอหังสาริมทรัพย์ เขาหล่อ รวย ผู้มีใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีฟ้าอ่อน รูปร่างสูงใหญ่ อายุ 39 ปี
ละอองดาว (แป้งฝุ่น) อายุ 24 ปี
นักเรียนทุนฝึกงานปีสุดท้าย เธอเป็นเด็กกำพร้า เธอเรียนเก่งจึงสอบชิงทุนเรียนแพทย์ได้สำเร็จ เธอสวย ตัวเล็ก ผิวขาว นิสัย อ่อนหวาน เจ้าน้ำตา อ่อนแอ ขี้อ้อน น่าทะนุถนอม
@@@@@@
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวรักโรแมนติก มีดราม่าช่วงแรกๆ พระเอกอบอุ่นใจดี
ตอนที่ 1 เกิดเหตุ
รถเบนซ์ตัวท๊อปรุ่นใหม่ล่าสุดคันสีดำเงาวับ แล่นมาตามท้องถนนเวลาดึกสงัด ท่ามกลางฝนตกปรอยๆ รถจึงแล่นไปไม่ค่อยไวนัก เพราะคนขับเน้นความปลอดภัยของผู้เป็นเจ้านายที่สุด แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เหมือนมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้นด้านหน้า เมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้ แสงไฟสาดส่อง แต่ก็ยังมองไม่ค่อยชัดอยู่ดี เพราะสายฝนเริ่มเทลงมาหนักขึ้นอีก แต่ก็พอจะรู้ว่าด้านหน้ากำลังเกิดเรื่อง
“ข้างหน้ามีอะไรน่ะเจส” เสียงเข้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่กำลังทำหน้าที่ขับรถ
คาลอสมีลูกน้องคนสนิทสองคน ชื่อเจสกับดราฟ ทั้งสองมีความสำคัญพอๆกัน ไปไหนไปด้วยกัน ทั้งสองจะผลัดกันทำหน้าที่ขับรถให้เจ้านายนั่ง
“เหมือนจะมีเรื่องครับนาย” ดราฟที่นั่งอยู่ด้านหน้า ข้างคนขับเอ่ยขึ้น ดราฟกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้ามาแต่ไกล ภาพที่เห็น มีผู้ชายห้าคนกำลังรุมล้อมผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งแทบจะมองผู้หญิงไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ เพราะผู้ชายที่กำลังรุมล้อมอยู่นั้นบดบังผู้หญิงจนมิด แต่เสียงร้องที่ดังออกมานั้น ทำให้คนที่อยู่ในรถรู้แล้วว่าเหตุการณ์ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น
“หุบปากถ้ามึงยังไม่อยากตาย ก็ไปกับพวกกูดีๆ” ชายหนึ่งในห้าคนเอ่ยขึ้นเสียงดัง ข่มขวัญผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นถนน เสื้อผ้าเปียกปอน สภาพดูไม่ได้
“ไม่! ไอ้บ้า อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูกลัวแล้ว ขอร้องล่ะ” เสียงสั่นๆยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากผู้ชายห้าคนตรงหน้า
“อีนี่ มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ยอมเป็นของพวกกูซะดีๆ แล้วพรุ่งนี้มึงก็จะได้เป็นอิสระ” หนึ่งในห้าคน นั่งลงข้างหน้าเธอ เอ่ยขึ้นเสียงเข้มหน้าตาดุดัน สกปรกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สิ่งที่หญิงสาวเห็นภาพตรงหน้าเธอทั้งหวาดกลัวทั้งขยะแขยง
“ปัก!! ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เท้าเล็กๆของเธอถีบเข้าที่แผงอกของผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่มีทางยอมเป็นของพวกมันแน่ ถึงตายเธอก็ยอม
“ช่วยด้วยค่า...ช่วยด้วย...” เมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้ขึ้น เสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้นท่ามกลางสายฝน ทั้งเสียงฝนที่กำลังตกอยู่ กับเสียงผู้หญิงที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ดังปนๆกันไป แต่คนที่ได้ยินเพราะลดกระจกรถลง ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันแน่น เพราะเขาเกลียดเรื่องแบบนี้เป็นที่สุด นั่นจึงทำให้เขาต้องสั่งให้รถจอดกะทันหัน
“จอด...” เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องมาจากทางด้านหลัง เจสเหยียบเบรค เมื่อมีคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายดังขึ้น
“ไอ้ดราฟมึงลงไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น” เพราะภาพที่เห็นเหมือนผู้หญิงกำลังจะถูกทำร้าย และนั่นเป็นสิ่งที่คาลอสรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ แถมผู้ชายยังมีกันถึงห้าคน ส่วนผู้หญิงคนเดียว แต่ก็ยังมองไม่ชัดอยู่ดี เพราะชายพวกนั้นรุมเธอจนมิด
ดราฟเปิดประตูรถลงไปตามที่เจ้านายสั่งทันที พร้อมกับอาวุธคู่กายที่พกติดมือเอาลงไปด้วย
“เจส มึงรออยู่ในนี้” พูดจบผู้เป็นนายก็เปิดประตูรถลงไปด้วยทันที เมื่อเขาเห็นภาพแบบนี้ คาลอสไม่สามารถทนดูได้จริงๆ
“แต่ นายครับ” เจสยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงประตูรถก็ปิดดังปัง เจสแค่กำลังจะบอกว่าเขาจะลงไปให้เอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว คนที่ก้าวเท้าลงไปเดินฉับๆอย่างไว
“นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกมึงกำลังทำอะไรกัน” เสียงภาษาไทยเอ่ยขึ้นแปร่งหู ภาพที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กสภาพเปียกปอน ต่อสู้อยู่สุดกำลัง เธอทั้งร้องทั้งสู้อย่างไม่กลัวตาย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เห็นแล้วทำให้คาลอสยิ่งทนมองไม่ได้
“ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย พวกมันจะข่มขืนหนู” เมื่อเห็นสภาพหญิงสาวตรงหน้ายังคงยื้อยุดฉุดกระชากในสภาพดูไม่ได้
“หุบปาก เพี๊ยะ!!” แรงตบด้วยฝ่ามือของผู้ชาย ทำให้หญิงสาวถึงกลับหน้าหันไปอีกทาง
“อย่ามาแส่หาเรื่องดีกว่า ถ้าไม่อยากตายจะไปไหนก็ไป” หนึ่งในห้าคนเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามีผู้เข้ามาขัดขวาง
“พวกมึงสิอยากตายหรือไง ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!” เสียงกร้าวเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กถูกทำร้าย
“ปั้ง!!”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เป็นกระบอกที่อยู่ในมือของดราฟที่ยิ่งขู่ขึ้นฟ้า พลันเท้าหนักๆของคาลอสถีบเข้าที่ด้านหลังของผู้ชายคนใดคนหนึ่งในห้าคน หวังจะช่วยหญิงสาวผู้นั้นออกมาก่อน ทั้งหมดเกิดการต่อสู้กัน ดีที่เจสลงมาช่วยอีกแรง คาลอสรีบเข้าไปดูหญิงสาวที่ตอนนี้เธอได้สลบไปแล้ว
“นายพาผู้หญิงขึ้นรถเลยครับ ทางนี้พวกผมจะจัดการเอง”
“ฝากด้วยแล้วกัน เธอ...เธอ...โธ่โว้ย” เสียงสถบดังขึ้นเมื่อหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าหมดสติไปแล้ว ที่มุมปากของเธอมีเลือดสดๆไหลออกมา ท่ามกลางสายฝนเนื้อตัวเปียกปอน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย คาลอสรีบอุ้มหญิงสาวตัวเล็กขึ้นรถ ในขณะที่เจสกับดราฟกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง ปกป้องผู้เป็นเจ้านายด้วยชีวิต
เสียงปืนยิงขู่ดังขึ้นเป็นระยะ เพราะดราฟไม่อยากทำร้ายใครถ้าไม่จำเป็น อีกอย่างทางฝ่ายโน้น ถึงจะมีกันถึงห้าคนแต่พวกมันก็ไม่ได้มีอาวุธ
“ปั้ง!! โอ้ย!!”
“ไอ้เข้มถูกยิง!”
“ถอยโว้ย ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” หลังจากที่ต่อสู้กันอยู่สักครู่ ทางโน้นถูกยิงไปหนึ่งนัด พวกมันจึงยอมถอย ที่จริงดราฟไม่อยากยิงโดนเลยด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องการจะยิ่งขู่เท่านั้น แต่กระสูนเจ้ากรรมมันดันทำหน้าที่ของมันเอง แต่ก็ไม่ได้จะกลัวกฎหมายแต่อย่างใด เพราะกล้องหน้ารถได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
“นายครับจะให้พาเธอไปโรงพยาบาลก่อนไหมครับ” เจสเอ่ยขึ้นถามคนเป็นเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลังกับผู้หญิงตัวเล็กที่ได้ช่วยไว้
“กลับบ้าน” สำหรับคาลอสที่สั่งให้ลูกน้องขับรถกลับบ้านนั้น เขาคิดว่าถ้าไปโรงพยาบาล หญิงสาวคนนี้ก็จะต้องถูกสอบประวัติ ซึ่งเขาไม่รู้จักเธอเลย แล้วตอนนี้เธอก็สลบอยู่ แต่ถ้าเธอฟื้นคุณหมอก็ต้องสอบถามหาความจริงอีกอยู่ดี แล้วเรื่องก็คงต้องถึงตำรวจ เขาไม่รู้ว่าเธอหวาดกลัวหรือเสียขวัญขนาดไหน เขาก็เลยพาเธอกลับบ้านก่อนดีกว่า
ทั้งสองที่ได้ยินคำตอบของผู้เป็นเจ้านาย ถึงกลับงงในคำตอบ เพราะแทนที่จะตอบว่าให้พาไปโรงพยาบาล แต่เจ้านายกลับสั่งให้กลับบ้านซะอย่างนั้น สายตาของลูกน้องทั้งสองมองกันแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เจสทำหน้าที่ขับรถเหมือนเดิม ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาจอดที่คฤหาสน์หลังงาม
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
หยางซูมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย
กาย กันต์ธีร์ พิสิฐกุลวัตรดิลก ฉายาราชาแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนุ่มหล่อแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ ปี 4 เขาหล่อ เขาเฟียร์ส เขาเฟี้ยว เขาซ่าส์ แต่โคตรทะลึ่ง และสุดแสนจะทะเล้น จีบหญิงไม่เก่ง แต่ผมเยเก่งนะครับที่สำคัญผมโสดสนิท!!แต่อยู่ดีๆดันมาเสียหัวใจให้กับยัยตัวร้ายแบบเธอ!!!อลิส อังสุมาลิน "รักนะไอ้ต้าวลิส" อลิส อังสุมาลิน ฐิศานันตกุล นิเทศศาสตร์ ปี 2 เธอสวย เธอเซ็กซี่ เจ้าแม่แห่ง Sex appeal ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอตบ!!หลงรักกายหนุ่มหล่อแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆก็มาจูบปากเธอ แถมเล่นเกินเบอร์เรียกเธอว่าเมีย!! น่ารักเบอร์นี้อลิสยินดีตกหลุมรักจ้ะพี่จ๋า ชาตินี้ไม่ได้พี่กายเป็นผัว อลิสจะโสดคอยดู!!ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก🥰มารยาหญิงร้อยเก้าเล่มเกวียนงัดมาให้หมด ☺️☺️ "รักนะน้อนพี่กาย"
เมื่อความสัมพันธ์ลับๆ จบลง เพราะเขาต้องไปแต่งงานมีครอบครัว หล่อนจึงต้องหอบใจช้ำๆ และอีกชีวิตหนึ่งในครรภ์เดินจากไปอย่างไม่มีทางเลือก “ทำไมโลกมันกลมแบบนี้คะคุณภูมิ... ทำไมเราต้องเจอกันอีกด้วยคะ... ฮือออ” มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ ร่างกายสั่นเทิ้มน่าเวทนา การได้พบเจอกับภูมิระพีอีกครั้ง มันยิ่งทำให้แผลใจหัวใจขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น นี่หล่อนจะทำยังไงดี... จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ยังไง แล้วไหนจะยังลูกชายอีก หากภูมิระพีรู้ว่าหล่อนมีลูกของเขาติดท้องมา เขาอาจจะทำยังไง จะแย่งลูกไปจากหล่อนไหม
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด