.. "ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบของชีวิต การแต่งงานต่างหากล่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด" .. . . . # "หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้ แล้วการแก้ไขเรื่องราวในอดีต จะทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไหม"
‘ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบ
การแต่งงานต่างหากละ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด’
‘หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้
แล้วแก้ไขเรื่องราวในอดีต
จะทำให้อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไหม’
.
.
.
.
“กราบเรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะครับ วันนี้เป็นวันมงคลสมรสระหว่าง นางสาว โสธิยา กับ นาย จิรณัฐ หรือคุณหยกและคุณนิล กระผมซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ้าบ่าว อยากจะกล่าวคำอวยพรกับพวกเขาสักนิด” สายตาของผู้ที่ยืนอยู่บนเวที ของเขามองไปยังเจ้าบ่าวที่ประสานมือกับเจ้าสาวไว้แน่นด้านล่างของเวที
“ผมขอแสดงความยินดีกับเจ้าสาวและเพื่อนของผม ที่เป็นฝั่ง เป็นฝากะเพื่อนเขาได้เสียที” พิธีกรของงาน หันหน้ามาทางเจ้าบ่าวอีกครั้ง “ไอ้นิลกูขอให้มึงมีความสุขกับน้องหยก มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง จบงานแล้วรีบทำหลานให้กูนะเว้ย” สายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายกล่าวทีเล่นทีจริง แต่สามารถเรียกเสียงเฮฮาจากแขกได้เป็นอย่างดี
แต่ชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าบ่าว กล่าวออกมาเบา ๆ ด้วยคำว่า ‘เชี่ย’ จนเพื่อนของเขาหยักคิ้วกลับสองถึงสามครั้ง ก่อนจะกล่าวใส่ไมค์
“เอาละครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมากล่าวขอบคุณกับแขกครับ” พูดจบ เขาก็ผายมือให้เจ้าของงานขึ้นมาด้านบน
เมื่อทั้งสองได้สาวเท้าขึ้นมาบนเวที เป็นจิรณัฐที่เป็นฝ่ายรับไมค์มาจากเพื่อนชายหรือพิธีกร ก่อนที่จะปลีกตัวเองยืนข้าง ๆ เวที
“อะ เอ่อคือ...ผมอยากจะกล่าวขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมงานของผมในคืนนี้ ขอบคุณญาติพี่น้องของผมที่มางานให้เกียรติผมและภรรยา ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ยอมสละงานสละเวลาเพื่อมางานแต่งของเพื่อนที่ไม่เอาไหน และผมขอขอบพระคุณ ผู้มีพระคุณของผมและเจ้าสาวที่ยอมรับในตัวผู้ชายคนนี้” จิรณัฐยกมือไหว้กล่าวขอบคุณแขกที่มาในงาน รวมไปถึงบิดาและมารดาของเขากับของโสธิยา ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านข้าง
หลังจากที่จิรณัฐกล่าวจบเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มไปทั่วห้องโถงก่อนจะยื่นไมค์ให้กับเจ้าสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“หยกขอขอบพระคุณทุกท่านเช่นกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นแม่งานที่จัดหาสถานที่ จัดหาชุดงานแต่งที่เหมาะสมกับพวกเราทั้งสอง รวมไปถึงการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง และหยกขอขอบพระคุณแขกในงานทุกท่านนะคะ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของหยก เพื่อน ๆ ที่ยอมมางานแต่งของหยก ถึงแม้ว่าบางท่านไม่สะดวกมาก็ตาม และหยกขอขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่ของพี่นิล และคุณพ่อคุณแม่ของหยก ที่ให้พวกเราได้อยู่กันฉันสามีภรรยา” ในระหว่างที่เธอกล่าว ก็ได้พนมมือขึ้นมาพร้อมกับขอบคุณทุก ๆ คนที่มาในงานของพวกเขา
เมื่อหญิงสาวกล่าวจบก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาอีกครั้งจากแขกที่มาร่วมงาน พิธีกรอย่างธราธิปที่อยู่ข้างเวที ก็ได้สาวเท้าเข้ามา โสธิยาจึงได้ยื่นไมค์ให้เขา
“เจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้กล่าวไปแล้ว เรามาฟังฝ่ายญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองกันบ้างนะครับ ผมขอเรียนเชิญคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวมาอวยพรบนเวทีสักหน่อยนะครับ” เมื่อพิธีกรกล่าวจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเขาที่ผายมือให้ผู้ใหญ่ทั้งสองขึ้นมายังบนเวที
ผู้ใหญ่ทั้งสี่ก็ได้สาวเท้าขึ้นมาทีละคู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า ก่อนที่บิดาของฝ่ายเจ้าบ่าวได้ยื่นมือไปรับไมค์ด้วย ในขณะที่มือของเขาประสานมือภรรยาของตนที่อยู่ข้าง ๆ
“พ่อกับแม่ก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุข หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุขขอให้ลูกทั้งสองอยู่เคียงข้างกันไปจน แก่เฒ่าเหมือนอย่างพ่อและแม่” บิดากล่าวจบ เสียงโห่ร้องของญาติพี่น้อง พร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะยื่นไมค์ให้กับอีกฝ่าย
“แม่กับพ่อดีใจที่ลูกของแม่ได้มีครอบครัว มีคู่ชีวิตที่ดี ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ในวันที่ลูกลำบาก หากเมื่อไหร่ที่ลูกทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งกัน แม่อยากให้นึกถึงวันที่เรามีความสุข มีเรื่องอะไรโกรธเคืองกันก็หันหน้าปรับความเข้าใจให้เร็ว และเป็นสามีภรรยาที่มีความสุขให้ชาวบ้านเขาอิจฉา แล้วรีบมีหลานให้แม่ไว ๆ นะ” มารดาของโสธิยาแอบกระซิบเบา ๆ เรียกเสียงหัวเราะและเสียงโห่จากแขกในงานได้ดี
“เอาละครับ เมื่อได้ยินเหล่าคุณพ่อและคุณแม่กล่าวเช่นนี้ ผมขอเรียนเชิญพวกท่านให้ไปพักผ่อนทานอาหารด้านล่างกันต่อนะครับ” ว่าแล้วธราธิปก็ได้ผายมือไปยังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ให้เชิญไปที่โต๊ะตามเดิม “มีสาว ๆ คนไหนที่ยังโสด ยังไม่มีแฟน หรือสาว ๆ ที่มีแฟนแล้วเชิญมายืนรอหน้าเวทีนะครับ ตอนนี้ถึงช่วงที่เจ้าสาวจะต้องโยนช่อดอกไม้แล้วครับ” เขายังคงกล่าวต่อไป ก่อนจะผายมือให้เจ้าสาวอย่างโสธิยาให้มาด้านหน้าเวที ในมือที่ถือดอกไม้ช่อใหญ่พร้อมกับหันหลังให้แขกที่มาในงาน
“ผมจะเริ่มนับถอยหลังแล้วนะครับ” เขาบอกหญิงสาวที่มาออกันหน้าเวทีอยู่หลายสิบคน มีทั้งสาวใหญ่ สาวแก่ แล้วสาวจริง ๆ มาร่วมสนุกกันขำ ๆ
“สาม” ธราธิปเริ่มนับถอยหลัง ในขณะที่โสธิยาค่อย ๆ ขยับแขนแกว่งไปมา
“สอง” เสียงนับถอยหลังยังคงดังอยู่เป็นระยะ
“หนึ่ง” เมื่อสิ้นเสียงพิธีกร โสธิยาจึงได้โยนช่อดอกไม้จนสุดแขน เสียงเชียร์จากแขกในงาน พร้อมกับเสียงกรีดร้องวี๊ดว๊ายของสาว ๆ หน้าเวที แค่เพียงชั่วครู่ก็พบว่าช่อดอกไม้ช่อนั้นไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่มาร่วมงาน ซึ่งเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าว พร้อมกับโยกช่อดอกไม้ในมือว่าเธอเป็นคนได้มันไป
“แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้ช่อดอกไม้นะครับ หากคุณสาว ๆ ยัง ไม่มีแฟน ผมสามารถเป็นคู่ให้ควงได้นะครับ” ใบหน้ายิ้มแย้มของพิธีกร พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากเพื่อน ๆ ที่นั่งมองพวกเขา
++ คำโปรย ++ เมื่อเธอท้องกับเขา แต่แม่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมรับแถมยังให้ชายคนรักของตนต้องไปแต่งงานของคนอื่นน้องแฝดที่คลอดก่อนกำหนดด้วยสภาวะจิตใจของผู้เป็นแม่จะเป็นอย่างไร +++ เนื้อหาบางส่วน +++ "พะ แพรว... อ๊ายยย" ธิดาเสียหลัก จึงเรียกสายตาของทุกคน พร้อมกับแพรวที่เข้ามาหาร่างของเธอ "กะ แกละ เลือด..." น้ำเสียงสั่นเครือ มองไปบนพื้น ซึ่งเริ่มมีสีแดง ค่อย ๆ ไหลเจิ่งนอง ใบหน้าของธิดาเริ่มไม่สู้ดี เมื่อเพื่อนสาวของตนบอกว่ามีเลือด จึงทำให้ธิดาก้มไปมองด้านล่าง และก็เป็นอย่างที่เห็น "ธะ ธิดา" นันยศลืมไปเลยว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน ร่มที่กางแดดบังลมให้กับขวัญเนตร ก็ร่วงหล่นตกพื้น ก่อนจะรีบปีนข้ามรั้ว ปรี่เข้ามาชอนร่างของธิดามาอยู่ในวงแขน "ฉันจะพาธิดาไปโรงพยาบาล ส่วนเธอค่อยตามไป เตรียมของทุกอย่างของธิดาให้พร้อม และอย่าลืมบอกแม่ด้วย" เขากล่าวเสร็จสรรพ ก่อนจะสาวเท้าไปด้านหน้า เช่นเดียวกับที่แพรววิ่งไปเปิดประตูรั้ว "อุ่น!" ตะโกนลั่น ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน แววตาเบิกโพลง ไม่ชอบใจที่เขาทำอะไรออกนอกหน้า "ถ้ายังเป็นคน ก็หลีกไปซะ ผมจะไม่ยอมให้ลูกในท้องเป็นอะไรเด็ดขาด" น้ำเสียงเข้มของนันยศ ทำให้ขวัญเนตรต้องสะดุ้ง เพราะตั้งแต่ทั้งสองเป็นสามีภรรยา เขาก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหล่อนเลยสักครั้ง
กุมภัณฑ์ เป็นชายหนุ่มที่เกิดในราศี กุมภ์ และเขาเป็นผู้ที่อยู่ในดินแดนของยมโลก เนื่องด้วยได้คำสั่งจากเบื้องบนให้ไปดูแล โมราห์ เป็นเด็กสาวที่อยู่ในการปกครองของ กุมภัณฑ์ แต่มันจะเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่านะ ทำไมถึงต้องส่งชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่วัน ๆ คลุกคลีสาวงามที่ดินแดนมีแต่กระทะทองแดง ต้นหงิ้ว และเสียงร้องโหยหวยจากพวกวิญญาณที่ทำชั่ว ทว่าเขาจะอดใจได้หรือไม่ ที่ไม่ได้ปลดปล่อยความเป็นชาย
++ คำโปรย ++ ใครจะไปคิดล่ะว่านางจะเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ได้ชมก่อนนอน จึงทำให้นางได้ไปพบกับท่านแม่ทัพในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งมีจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นฮองเต้ในสมัยนั้น แถมท่านแม่ทัพผู้นี้เพิ่งจะโดนหักอกมามาด ๆ อีกด้วย *** เนื้อหาบางส่วน *** “เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ในเรือนของซูเม่ย ดังขึ้นมาจากด้านนอก พลางรีบปรี่เข้ามาหานายของตน ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าสาวใช้ของตนมาก่อน “เจ้าจะเอะอะโวยวายอันใดกัน ข้ากำลังนั่งปักผ้าให้สามี” ซูเม่ยที่กำลังจดจ่อกับผ้าขาวบาง ที่มีไม้ขนาดสี่เหลี่ยมทับผ้าผืนนั้นเอาไว้ พร้อมกับลายผ้าที่มีรอยร่างเส้นไว้บาง ๆ ให้เป็นลายปัก “กะ… เกิดเรื่องใหญ่ที่เรือนภรรยาเอกของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” สาวใช้คนดังกล่าวมีใบหน้าที่ตื่นตระหนก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ “เกิดเรื่องอันใดของเจ้ากัน ข้ากำลังอารมณ์ดี ๆ เจ้ากลับหาเรื่องมาให้ข้าอารมณ์ขุ่นมัว” คิ้วขมวดเป็นปมของซูเม่ยบ่งบอกว่านางไม่สบอารมณ์จริง ๆ เพราะหลังจากที่ท่านแม่ทัพมาให้ความสุขกับนางถึงในอ่างอาบน้ำ นางจึงปักผ้าให้สามีของตนเป็นการตอบแทน ที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมนางเสียทีเดียว
เมื่อ 'รมิตา' ต้องมาเป็นเลขาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ เพราะ 'ชัชนนท์' เป็นบอสของเธอ ที่เอาแต่จะหาเรื่องแกล้งเธอตลอดเวลา แต่ทว่ามีอะไรฝั่งใจชัชนนท์กันนะ ถึงได้แกล้งนางเอกของเรา แต่มันมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น
*** เนื้อหาบางส่วน *** ปลายนิ้วหยาบแตะลงบนกางเกงชั้นในของขวัญจิราอย่างเบา ๆ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วถูขึ้นลงไปมาระหว่างร่องสาวของเธอ ในขณะที่หญิงสาวนั่งจนตัวเกร็ง เพราะเธอไม่เคยรู้สึกยินดีและเต็มใจขนาดนี้มาก่อน “อ๊า! อ๊ะ! อ๊ายยย” คิรากรถูปลายนิ้วขึ้นลงตามจังหวะจากช้าไปเร็ว จนทำให้หญิงสาวหลุดครางเสียงดังออกมาด้วยความเสียว “พี่ขอนะขวัญ” เขากระซิบบอกหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งหลับตาพริ้มพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากของตนเพื่อกลั้นความเสียวนั้นเอาไว้ ขวัญจิราพยักหน้าตอบเขาแทน เพียงแค่นั้นเขาก็จับกางเกงชั้นในของเธอหลุดออกจากขาขาว ๆ ของเธออย่างเบามือ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"