เธอยอมรับว่าเป็นผู้หญิงในคลิปที่อยู่บนเตียงกับบอสหนุ่มเพื่อแลกกับเงินที่บิดาเป็นหนี้ การแต่งงานที่สวยหรูจึงเป็นแค่วิวาห์ขัดดอก
การประชุมใหญ่ประจำปีของบริษัทเอสทีแอลเรียลเอสเต็ท ดีเวลล็อปเม็นท์คอนซัลติ้งจํากัดจบลงในเวลาสองทุ่มผู้เข้าประชุมทยอยออกจากห้องประชุมของบริษัทด้วยความเหนื่อยล้า การประชุมลากยาวมาตั้งแต่บ่ายโมงเพราะเรื่องที่ประชุมวันนี้เป็นเรื่องโปรเจกต์ใหญ่ที่บริษัทของเขาร่วมทุนกับนักลงทุนชาวต่างชาติเพื่อสร้างสร้างบ้านหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 10 หลังซึ่งแต่ละหลังราคาไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทเพื่อขายให้มหาเศรษฐีชาวต่างชาติที่ชอบในประเทศไทย
นอกจากนั้นยังมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดกลางอีก 100 ยูนิต กลางสุขุมวิทซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15 ล้านบาทไปจนถึง 80 ล้านบาท
ภาคินชายหนุ่มวัย 31 ปีถึงมีซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโครงการนี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ผู้บริหารคนอื่นออกจากห้องประชุมไปแล้ว
“มัดหมี่คุณรีบกลับไหม” เขาถามเลขาที่กำลังเก็บของเตรียมจะเลิกงาน
“ไม่ค่ะบอสมีอะไรจะใช้มัดหมี่คะ”
“เปล่าหรอกผมแค่กำลังสงสัยว่าทำไมจู่ๆ คุณยายถึงขึ้นราคาที่ดินจากเดิมที่ตกลงกันไว้แค่สิบล้านแล้วจู่ๆ เปลี่ยนมาเป็น สิบห้าล้าน ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ คุณคิดเหมือนผมไหม"
“มัดหมี่ก็คิดเหมือนบอสเลยค่ะ ที่ดินของคุณยายมันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่และก็ไม่เป็นปัญหาถ้าหากว่าเราจะไม่ได้ที่ดินตรงนั้น เพราะบอสซื้อก็เพราะอยากสร้างศาลาริมน้ำใช่ไหมล่ะคะ” เลขาสาวก็สงสัยเรื่องนี้
“ผมว่าถ้าราคาแบบนี้คงต้องไปคุยกับคุณยายอีกทีเพราะถ้าโครงการของเราเสร็จที่ตรงนั้นจะกลายเป็นที่ตาบอดทันที ผมไม่อยากรังแกคนแก่”
“มัดหมี่สงสัยว่าทำไมจู่ๆ ท่านถึงเปลี่ยนใจหรือว่ามีใครไปพูดอะไรให้ยายขึ้นราคา แต่คนที่บอกก็คงไม่รู้เรื่องโครงการเท่าไหร่เพราะถ้ารู้จริงคงไม่กล้าบอกให้ยายขึ้นราคา”
“นั้นสิ ผมอยากรู้เหมือนกันว่ามีใครเป็นคนไปพูดอีกอย่างครั้งนี้ยายเขาไม่ได้บอกเราโดยตรงๆ แต่บอกผ่านมาทางสุวิจักขณ์อีกที”
“หรือคุณสุวิจักขณ์จะมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้คะ”
“คุณคิดอย่างนั้นเหรอมัดหมี่”
“มัดหมี่ก็ไม่อยากจะใส่ร้ายหรอกนะคะ เพราะคุณสุวิจักขณ์เธอเป็นญาติของบอสแต่พักหลังมานี่มัดหมี่ได้กลิ่นแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“พ่อบอกว่าเจอคุณสุวิจักขณ์ในบ่อน”
“นี่พ่อคุณยังเข้าบ่อนอีกเหรอไหนว่าเลิกเล่นแล้ว”
“เลิกแล้วค่ะ พ่อเคยเล่าให้มัดหมี่ฟังตั้งแต่สองเดือนก่อน”
“ผมนึกว่าพ่อคุณกลับไปเล่นการพนันอีกแล้ว”
“ถ้าพ่อยังไปเล่นการพนันอีกคราวนี้มัดหมี่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วนะคะ แค่มัดหมี่ต้องมาทำงานและรับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวมันก็ลำบากมากพออยู่แล้ว”
"คุณรับผิดชอบหนี้ทั้งหมดคนเดียวเลยเหรอ แล้วแฟนคุณล่ะ ได้ช่วยบ้างไหม"
“บอสหมายถึงพี่ต้นเหรอคะ”
“อือ เขาได้ช่วยเหลือบ้างไหม” เขาเคยเห็นแฟนหนุ่มของเลขามารับอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันบ่อย
“มัดหมี่กับเขาเลิกกันไปแล้วค่ะ”
“ถึงว่าช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นเขามารับคุณเลย” ภาคินแอบยิ้มในใจเพราะเขาไม่ค่อยชอบแฟนของเลขาเท่าไหร่ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบ
"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า หรือคุณไม่ค่อยมีเวลาให้เขา"
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลาหรอกค่ะ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับพ่อ"
"เรื่องที่พ่อคุณเป็นหนี้สองล้านน่ะเหรอ”
“ค่ะ พี่ต้นเขาไม่อยากเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาไม่อยากรับผิดชอบเรื่องนี้”
“มันก็พูดยากนะ คุณคงเสียใจมาก”
“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่มัดหมี่เข้าใจค่ะ เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเลยก็คงกลัวที่จะต้องคบกับคนที่มีหนี้สินแบบมัดหมี่”
“แต่คนเราถ้ารักกันจริงๆ ผมว่าจะต้องช่วยเหลือกันเวลาที่ลำบากนะ”
“โธ่บอสคะเงินสองล้านมันไม่ใช่น้อยๆ เลยต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่มีใครเขาทุ่มเทเพื่อผู้หญิงคนเดียวหรอกค่ะ”
“ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไงแต่สำหรับผมถ้าลองรักใครแล้วเรื่องเงินมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“จริงสิคะพูดถึงเรื่องความรักมัดหมี่เพิ่งนึกขึ้นได้วันนี้คุณว่านโทรมาบอกมัดหมี่ว่าเธอจะไปฉลองงานวันเกิดของเพื่อนแล้วให้บอสตามไปทีหลังค่ะ”
“ที่ไหนล่ะผับXXXค่ะ”
“เขาบอกไหมว่าผมต้องไปถึงกี่โมง”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“เพื่อนคนนี้ชื่ออะไรคุณรู้ไหม”
“น่าจะชื่อเชอร์รี่นะคะ”
“ไม่ใช่แล้วล่ะ”
“ไม่ใช่อะไรคะ”
“ก็คนที่ชื่อเชอร์รี่เพิ่งเกิดไปเดือนที่แล้วผมว่า ว่านคงจะหาข้ออ้างเที่ยวแล้วให้ผมตามไปจ่ายเงินมากกว่า”
“ไหนบอสบอกว่าถ้ารักแล้วเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” หญิงสาวถามกลับอย่างสงสัย
“มันก็จริงแต่จริงนะแต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่จำเป็นจะต้องจ่าย” ที่พูดแบบนี้เพราะเริ่มจะเบื่อผู้หญิงที่ชื่อว่านหรือวาริสานางแบบที่เจอกันเพราะเขาจ้างให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เมื่อหลายเดือนก่อน
“แต่เงินแค่นั้นมันอาจจะน้อยนิด”
“คุณอาจจะเห็นผมมีเงินมากมายรวยล้นฟ้าแต่กว่าผมจะมาถึงวันนี้ได้ผมก็ลำบากมาเหมือนกันเพราะฉะนั้นการใช้เงินของผมทุกบาททุกสตางค์มันต้องคุ้มค่าและมีเหตุผล”
“มัดหมี่ไม่เข้าใจบอสเลยค่ะเมื่อกี้บอสบอกว่ายอมจ่ายเพื่อคนรัก มาตอนนี้บอกว่าการใช้เงินทุกอย่างต้องมีเหตุผล”
“อย่าว่าแต่คุณเลยมัดหมี่ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวผมเหมือนกัน” ภาคินหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง
“บอสมีอะไรจะใช้มัดหมี่อีกไหมคะ”
“ไม่นะ”
“นี่มันก็ดึกแล้วถ้าไม่มีอะไรมัดหมี่ขอตัวกลับเลยนะคะ”
“แล้วจะกลับยังไงดึกแล้วนะรถเมล์น่าจะหมด”
“เรียกแท็กซี่ไปก็ได้ค่ะ”
“คอนโดคุณ ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่งก็แล้วกัน”
“บอสต้องไปหาคุณว่านอีกนะคะ”
“วันนี้เหนื่อยมาก ผมอยากกลับไปพักมากกว่า”
“แต่คอนโดของมัดหมี่ไปคนละทางกับบ้านของบอสนะคะ”
“คืนนี้ผมว่าจะไปค้างที่คอนโดของผมน่ะ” เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงบรรยากาศที่บ้าน ภาคินไม่รู้ว่ามารดาของตนคุยกับใครมาเพราะทุกครั้งที่เจอหน้าก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องแต่งงาน ซึ่งมันไม่เคยมีอยู่ในหัวของชายหนุ่มเลย
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ