เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
@ Treatise Univ.
(ภาคฤดูร้อนก่อนเปิดเทอม)
ตึงงงง!
“ไอ้ห่าเชนแม่งคึกเหี้ยไรชวนพวกกูลงซัมเมอร์วะ เสียเวลาปิดจ๊อบฉิบหาย!”
กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกโยนลงตรงหน้าฉันพร้อมกับเสียงบ่นอุบอิบของไอ้ดิว ส่วนไอ้หมิวกับไอ้พอร์ชก็ลากสังขารเดินตามมาด้วยท่าทางไร้วิญญาณ
“ชวนห่าไร แม่งเผด็จการ!”
“หึ...”
ฉันหลุดขำในลำคอพอได้ยินคำพูดประชดประชัน ก็จริงของพอร์ชมัน..จะเรียกว่าชวนก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะเชนมันเล่นมัดมือชกทุกคนด้วยการลงทะเบียนเรียนซัมเมอร์พร้อมจ่ายค่าเทอมให้พวกเราเสร็จสรรพ
ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่พวกมันนอยด์กันอยู่ตอนนี้ ก็เพราะเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีชื่อลงเรียนซัมเมอร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ไอ้หมิวที่กำลังแพ็คกระเป๋าจะไปชะอำ กับไอ้ดิวที่มีนัดกับสาวๆ ก็ต้อง Cancel กลางคัน หนักกว่านั้นคือไอ้พอร์ชที่ต้องหาไฟล์ทด่วนบินกลับจากฮ่องกงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ จนสภาพมันตอนนี้ แค่ทิ้งตัวลงนั่งก็สลบเป็นตายอยู่ข้างฉันไปแล้วเรียบร้อย
“ขำไรไอ้เฟรย์ มึงรู้เห็นกับมันใช่มั้ยฮะ เก็บเงียบเลยนะไม่บอกกูสักคำเนี่ย!” หมิวมันหันมาชี้หน้าฉันแล้วทำหน้าตาเอือมระอาพร้อมจับผิด ก็นะ...
“แค่เดินผ่านไปถ่ายรูปแถวนั้น โทษมัน อย่าลามมา”
พูดจบฉันก็ชี้เป้าไปที่ตัวปัญหาที่เพิ่งจะเดินเข้ามา แต่เชนมันกลับทิ้งตัวลงนั่งทำหูทวนลมไม่สนใจจนไอ้ดิวถึงกับกุมขมับโอดโอยออกมายกใหญ่
“มึงเดินผ่านไปถ่ายรูปแถวห้องลงทะเบียนแล้วลากยาวไปถึงห้องการเงินเลยเนี่ยนะ ทีหลังช่วยห้ามมันได้มั้ยว้าาา น้องพิ้งค์กูจีบโคตรนาน เปย์ไปก็ไม่ใช่น้อย เสียระบบหมดล๊าววววว อ๊ากกก T^T”
“พอ! งอแงเหี้ยไร ตั้งใจเรียนไป โตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก”
ถึงจะพูดติดตลกออกมาขำๆ แต่แววตาเชนมันก็ดูเหมือนกำลังหนักใจกับอะไรบางอย่างจนเห็นได้ชัด
“สัส! บ่นเป็นพ่อพวกกูเลยนะ ไปเลยมึงสองตัวอ่ะ ซื้อกาแฟมาโด๊ปหน่อยดิ๊”
พอร์ชส่งเสียงอู้อี้ออกมาทั้งที่ยังหลับตาด้วยท่าทางล้าขั้นสุด ดูจากสภาพคงต้องสงเคราะห์มันหน่อยล่ะนะ น่าสงสารซะไม่มี
“อืม ขึ้นก่อนเลยถ้างั้น”
พรึ่บ!
ฉันตกปากรับคำแล้วคว้ากระเป๋าลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ เชนมันก็ลุกเดินตามมาเงียบๆ ผิดวิสัยที่น่าจะร่าเริงพอได้แกล้งไอ้สามคนนั้นแบบนี้
“ไม่ถามนะ”
พอเดินมาได้สักพักฉันก็พูดลอยๆออกไป เพราะรู้ว่าเราต่างเข้าใจในความหมายนั้นดี ปกติฉันไม่ใช่คนที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องของใครเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเชนที่สนิทกว่าเพื่อนคนไหนยิ่งไม่ต้องขยายความอะไรให้ยืดยาว
“ก็ไม่ได้อยากให้รู้ป่ะวะ”
มันตอบกลับมาแล้วนิ่งไป ก่อนจะทิ้งตัวนั่งรอที่โต๊ะ out door หน้าร้านกาแฟด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย อืม หนักอยู่..แต่คงไม่ถึงตาย ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็คงเล่าเองนั่นแหละ
กริ๊ง กริ๊ง~
กรี๊ดดดดดดดดดด
‘รุ่นพี่คะ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ’
‘ได้สิครับ อัพแล้วแท็กมานะ’
แชะ!
‘กล้องนี้ด้วยค่ะรุ่นพี่’
‘จ้ะ ได้จ้ะ มาพี่กดให้น้า’
แชะ!
‘อร๊ายยยย เค้าจับโทรศัพท์กูอ่ะมึงงง’
‘กรี๊ดดดด รุ่นพี่คะ จับเครื่องนี้ด้วยค่ะ’
‘ครับ ได้สิ’
‘กรี๊ดดดดด ขอบคุณนะคะ’
‘ชู่ววว ไม่ต้องกรี๊ดพี่ไม่ได้จี๊ดขนาดนั้น’
เฮ่อออออ!
ทันทีที่ผลักประตูเข้ามาในร้าน ก็เหมือนฉันก้าวข้ามพรมแดนความสงบสู่ความวุ่นวาย เสียงกรี๊ดและเสียงโหวกเหวกดังก้องไปทั่วจนร้านที่เคยเงียบสงบกลายเป็นหนวกหูจนน่าหงุดหงิด
แต่ถามว่าแปลกใจมั้ยก็ไม่ ถ้าให้เดาว่าคนที่มีอิทธิพลต่อเสียงหวีดจนแสบแก้วหูพวกนี้เป็นใคร คำตอบง่ายๆ ก็ Nightshade ไง แต่ถ้าให้เจาะจงว่าคนกลางวงล้อมนั่นคือใคร... จำเป็นต้องใส่ใจมั้ย? มาซื้อกาแฟรึเปล่า
พรึ่บบบ!
ฉันเดินฝ่าวงล้อมความวุ่นวายนั้นเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์แบบเซ็งๆ ท่ามกลางสีหน้าไม่พอใจของเหล่าแฟนคลับ Nightshade ที่เสี้ยวนาทีพอฉันเดินปาดหน้าก็ส่งสายตาจิกกัดกันกะเอาตาย -.-
กลับมาที่คำถามเดิมต้องสนมั้ย? ก็ไม่อยู่ดีไง เพราะถ้าให้เดินอ้อมวงล้อมแปดร้อยเอเคอร์มาที่หน้าเคาน์เตอร์คงเหนื่อยตาย ถามจริง..เรียนโรงเรียนหญิงล้วน หรือย้ายมาจากดาวไหน ไม่เคยเจอผู้ชายกันรึไง
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ ^_^”
“เอา..เอสเพรสโซ่โทนิค เมลโล่มอคค่า โคล่าเพรสโซ่ ฮันนี่บอมบ์ แล้วก็...”
“...แฟร์รี่เบอร์รี่”
ขวับ!
“ฮู่ววว อย่าได้ทักเชียว”
ฉันถอนหายใจแล้วพูดขัดออกไปพอเห็นว่าคนที่พูดแทรกขึ้นมาเป็นใคร จริงๆ หมอนี่นี่แหละเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ฉันไม่ตื่นเต้นกับการเจอ Nightshade ตัวเป็นๆ เท่าไหร่ แถมยังเป็นคนแนะนำแฟร์รี่เบอร์รี่ให้ จนฉันติดงอมแงมจนถึงทุกวันนี้ไง
“ไอ้เชนไปไหน?”
“บอกว่าไม่คุยเว้ย”
ฉันสวนกลับไปแล้วเมินใส่ ไม่ใช่เพราะกลัวโดนแฟนคลับ Nightshade มาถล่มหรืออะไร แค่..ไม่รู้ต้องใช้คำไหน รำคาญที่รู้จักคนดังได้มั้ย? รู้สึกชีวิตมันจะวุ่นวายถ้าออกตัวว่าเคยซี้จนตบหัวกันได้
“หึ...แน่ใจ?”
แล้วร่างสูงที่ยืนข้างกันก็หลุดขำในลำคอเหมือนสะใจ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากและเลิกคิ้วออกมายกใหญ่
“ไสหัวไปเลยไป”
ฉันกัดฟันพูดแล้วกลอกตาใส่ คิดว่าหมอนี่สำนึกมั้ยให้ทาย? ถึงจะยอมเดินห่างออกไป แต่ท่าทางที่ดูสะใจไม่น้อยมันบอกชัดว่าไอ้บ้านั่นกวนประสาทขนาดไหน แล้วไอ้แจ๊คเก็ตสีดำนั่น จะใส่ทุกวันไม่ซักเลยรึไง -_-?
กรี๊ดดดดด
‘รุ่นพี่คะ รุ่นพี่ยิ้มหน่อยน้าาา มองกล้องนี้หน่อยค่า~’
‘อร๊ายยย วันนี้รุ่นพี่เข้า Ztudio มั้ยคะ ออกมาข้างนอกบ้างสิคะ >_<”
‘เสาร์นี้รุ่นพี่ว่างมั้ยค้าาา~’
เออ เอาเข้าไป..ทั้งไอ้บ้านั่น ทั้งความเบียดเสียดหน้าเคาน์เตอร์ที่น่าอึดอัดจะตาย วันนี้มันจะมีใครทำอะไรถูกใจฉันบ้างมั้ยเนี่ย =_=?
ฉันยืนอุดอู้อยู่ข้างเคาน์เตอร์อย่างข่มใจ ไม่ใช่ไม่มีที่นั่งแต่มันไม่รู้จะนั่งยังไง เพราะไอ้วงล้อมตรงหน้านี่มันทั้งใหญ่และวุ่นวายจนโต๊ะกับเก้าอี้กระจัดกระจายมั่วไปหมด
“เอสเพรสโซ่โทนิค เมลโล่มอคค่า โคล่าเพรสโซ่ ฮันนี่บอมบ์ แฟร์รี่เบอร์รี่ได้แล้วค่าาา~”
“ช็อกโกแลตซิกเนเจอร์ได้แล้วค่าาา~”
เสียงตะโกนของพนักงานสองคนที่ดังแข่งกับเสียงกรี๊ดในร้านทำให้ฉันละสายตาจากความชุลมุนของใครต่อใครที่กำลังรุมคนกลางวงล้อมนั่นจนน่าจะขาดอากาศตายหันกลับมารับแก้วกาแฟที่สั่งไว้จนเต็มมือ
แต่แค่หมุนตัวก้าวขาออกจากเคาน์เตอร์มาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีแรงปะทะมหาศาลจากคนที่พยายามจะแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมนั้นแล้วโดนผลักจนเซถอยออกมากระแทกกับฉัน ลำพังแก้วกาแฟในมือฉันน่ะไม่เป็นไร แต่แก้วช็อกโกแลตของลูกค้าอีกคนที่โดนกระแทกเหมือนกันดันเสียหลักพุ่งเข้ามาคว่ำใส่จนฉันเปียกโชกในพริบตา
พลั่กกก! ซ่าาาา!
“จิ๊!”
แล้วความอดทนของฉันก็หมดลงทันที เพราะเกลียดที่สุดคือความสกปรกเลอะเทอะแบบนี้ และหนวกหูจนกำมือแน่นเลยล่ะตอนนี้ไอ้ภาพความวุ่นวายและอะไรที่มันขัดตาเพราะคนทำสำนึกไม่ได้เนี่ย
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
“โอ๊ย / ว๊าย / อร๊าย”
ฉันวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินฝ่าวงล้อมที่น่าอึดอัดเข้าไปจนถึงกลางวงจนเจอแผ่นหลังของร่างสูงในยูนิฟอร์มมหาลัย ก่อนจะคว้าแขนหมอนั่นอย่างแรงให้หมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากัน แล้วเอื้อมมือไปกระชากเนคไทดึงคอเสื้อหมอนั่นลงมาพร้อมกับตะคอกออกไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไปหว่านเสน่ห์ที่อื่นไม่ได้รึไง?!!”
“......”
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมร้านทั้งร้านทันที เช่นเดียวกับที่คนหันมาก็ดูจะทำหน้างงๆ และดูอึ้งไป
“ขะ..ขอโทษครับ”
สายตาของคนตัวสูงก็ก้มลงสำรวจเสื้อสูทที่เปียกโชกของฉัน ก่อนจะมองย้อนไปข้างหลังจนน่าจะพอประเมินสถานการณ์ได้
“เจ็บตรงไหนมั้ย เอาของผมไปใส่ก่อนก็ได้”
หมับ! พรึ่บบบ!
“อุ่ย...”
ฉันปัดออกทันทีที่มือหนาถูกเลื่อนมาโดนตัว ก่อนที่หมอนั่นจะชะงักไปแล้วยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้แต่ก็แอบอมยิ้มทำตาปริบๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
จิ๊!
“อ้อ...”
ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาทะเล้นนั่นแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอออกไป แล้วร่างสูงก็เหมือนจะนึกได้ รีบกุลีกุจอถอดเสื้อสูทของตัวเองออกและยื่นมันมาให้ ฉันเลยสะบัดเนคไทหมอนี่ที่อยู่ในมือออกไป พร้อมถอดสูทที่โคตรจะเลอะของตัวเองปาใส่หมอนี่เต็มแรง
พรึ่บบบ!
“ไปซักมาคืนด้วย!”
“คะ..ครับ รับทราบครับ ^^”
พรึ่บบบ!
พูดจบฉันก็คว้าสูทตัวใหญ่ที่ถูกเสนอให้มาคลุมร่างตัวเองไว้ เพราะช็อกโกแลตมันซึมเข้ามาข้างในจนเกือบจะเห็นชั้นในอยู่ละ ก่อนจะหมุนตัวเดินฝ่าสีหน้าที่อึ้งทึ่งกันยกใหญ่ของคนรอบข้าง แต่ก็ถูกคว้าแขนไว้ด้วยมือใหญ่ที่แค่ออกแรงกระชากเบาๆ ก็รั้งตัวฉันไว้โดยไม่ต้องพยายามอะไร
หมับ! พรึ่บ!
ฉันสะบัดมือหนานั่นออกอีกครั้ง ไอ้หมอนั่นก็ทำตาปริบๆ แล้วส่งยิ้มกว้างหว่านเสน่ห์มาให้
“เอ่อ..ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ^^”
ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนหน้าหมอนั่น กับน้ำเสียงที่ดูร่าเริงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแบบนั้นฉันยิ่งหัวร้อนตัวสั่น ไอ้ท่าทางทีเล่นทีจริงที่ทำอยู่ คือหมอนี่สำนึกผิดสุดในชีวิตแล้วรึไง!
พรึ่บบบบ!!!
‘เฮ้ยยย O[]O’
ฉันกระชากเนคไทหมอนี่ แล้วดึงคอเสื้อลงมาอย่างแรงอีกครั้ง จนเหล่าแฟนคลับตาโตเดือดร้อนกันพัลวัน ก่อนจะกัดฟันพูดออกไปสั้นๆ
“น่ารำคาญ!!!”
พลั่กกกก!
พูดจบฉันก็ผลักร่างสูงเทอะทะนั่นออก แล้วเดินมาคว้าแก้วกาแฟเปิดประตูร้านออกมาอย่างไม่พอใจ
“ผอมลงรึไง เสื้อตัวใหญ่ขึ้นเยอะ”
เชนมันเข้ามารับแก้วกาแฟในมือฉันไป แล้วเอ่ยปากพูดบางอย่างที่ไม่เข้าหูชวนให้อารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมขึ้นมาใหม่
“อยากใส่ตาย” ฉันตอบกลับไปแล้วมองสภาพตัวเองที่โคตรเละจนอยากกลับไปอาบน้ำใหม่ -.-
“คาบเดียวเอง ทนไป”
พูดจบเชนมันส่งสายตาเป็นเชิงให้ติดกระดุมเสื้อสูทปิดส่วนที่เปียกโชกไว้
“พูดง่าย ไม่ลองโดนเองดูบ้าง”
ฉันบ่นๆ ออกไป แล้วเอื้อมมือมาติดกระดุมพร้อมกับจ้องหน้าเชนอย่างรู้อยู่แล้วว่ามันจะพูดอะไร แล้วก็ใช่อย่างที่คิดจนได้
“หมดฤดูจำศีลแล้วรึไง ถึงออกมาอาละวาดได้ ฮ่ะๆ”
แล้วเชนมันก็เดินขำนำไป ส่วนฉันก็ปรายตามองคนในร้านที่ก็กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้าซ้ำๆ อยู่ได้
เหอะ! ไม่ได้อยากรู้จักแต่ก็ดันจำได้
ประธานชมรมวารสาร...
ทายาทเจ้าของมหาลัย...
เลโอ Nightshade!
————————————————
รฐนนท์ ธีระธาดา (เลโอ)
Journal Club’s PRESIDENT
KING OF IE
กำลังศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ (ปี 2)
ทายาทเจ้าของมหาลัย Treatise Univ.
บุคลิก : เฟรนด์ลี่ น่ารัก คึกคัก รักทุกคน
โหมดธรรมดาใจดีขี้อ้อน connection เหลือล้น
โหมดทำงานจริงจังจนเปลี่ยนเป็นคนละคน (สมาชิกชมรมรู้ดี -_-)
งานอดิเรก : ไม่มี
ของสะสม : ไม่มี
สเปคสาวในฝัน : ไม่มี เอ้ย จริงๆ ก็มี แต่ไม่บอกหรอก
ปล.ไม่ต้องกรี๊ดพี่มาทุกวันนนน รวั๊กนะะะ
————————————————
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
ก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาพาฉันมาเจอกับอะไร... ทำไมอยู่ๆชีวิตฉันถึงต้องมาข้องเกี่ยวกับพวกคนรวยที่เป็นถึงทายาทมหาวิทยาลัยชื่อดังสองแห่งอย่าง Destinesia และ Vania ที่กำลังมีเรื่องบาดหมางจนแทบจะฆ่ากัน มิหนำซ้ำตัวฉันเองและใครบางคนในความทรงจำที่ฉันกำลังตามหา ก็ดันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาที่ว่า ปัญหา...ที่ต้องแลกด้วยชีวิต ความสูญเสีย...ที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองก็มีส่วนในเรื่องนี้
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"