ณ ไร่สิงขร มีคุณสิงขร หรือ ดำ (40 ปี) เป็นเจ้าของ มีทั้งสวนลำไย ลิ้นจี่ บ่อเลี้ยงปลา ไร่ นา อีกเป็นพันๆ ไร่ เขาแต่งงานกับคุณเด่นนภา หรือ ไก่ มีลูกสาวคนโตชื่อ ข้าวผัด หรือ นางสาวดรุณี (18 ปี) ลูกชายคนเล็ก (15 ปี) ชื่อว่า สีหราชย์ หรือ ข้าวโพด ครอบครัวสิงขรรับเอา ไผท หรือ ไผ่ (36 ปี) เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนรวมสถาบันเดียวกันที่มาขออาศัยพึ่งใบบุญ เพราะไผทรักกันกับดาริน (30 ปี) หรือ เหมย ลูกสาวคนจีนในตลาดเมืองกำแพงเพชร และเขาได้พาเธอออกจากบ้าน เป็นวิวาห์เหาะมาเมื่อ 5 ปี ก่อน เพราะครอบครัวของดารินจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกเจ๊กในตลาดเช่นเดียวกัน แต่เพราะดารินตั้งท้องลูกของไผท ก่อนสิ้นปีนั้นดารินก็ได้คลอดน้อง ผิงผิง หรือเด็กหญิงดาริกา ซึ่งกำลังน่ารักน่าชัง พูดจ้อๆ ร้องเพลงทั้งวัน สวรรค์กลั่นแกล้งคุณพ่อของดารินตามมาเจอ แล้วก็ฉุดเอาลูกสาวของพวกเขากลับไป โดยไม่ฟังเสียงร้องของไผทและเด็กสาวตัวน้อยๆ ดารินร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ และพาเธอไปอยู่ด้วยที่อเมริกาทันทีหลังเสร็จพิธีแต่ง ทำให้ไผทที่เคยเป็นผู้ชายที่รักลูกรักเมียทำแต่งาน เสียใจเอามากๆ เขากลายเป็นนักดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกเวลา ภาระในการเลี้ยงดูเด็กหญิงดาริกา จึงตกเป็นของข้าวผัดไปโดยปริยาย ข้าวผัดพยายามทำดีกับน้าไผทและตั้งใจว่าจะให้เขากลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ น้าไผทคือผู้ชายที่ดรุณีรักและประทับใจ แต่สิ่งที่เธอเดิมพันเอาไว้ คือหัวใจของเธอ และชีวิตที่เหลืออยู่ แต่อุปสรรคไม่ได้มีแค่เรื่องอายุ แต่มีทั้งคุณสิงขรและคุณเด่นนภาที่ไม่อยากเห็นลูกสาวของพวกเขาต้องได้สามีเป็นพ่อหม้ายลูกติด เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป มาติดตามกันค่ะ
“ปล่อย คุณพ่อเหมยไม่ไป คุณพ่อขอร้องอย่าทำกับเหมยแบบนี้ เหมยมีลูกกับพี่ไผ่แล้ว ปล่อยเหมยไปได้ไหมคะ คุณพ่อขอร้องเถิดค่ะ อย่าพรากเราสามคนเลยนะคะ คุณพ่อ...”
ดารินร้องไห้น้ำตานองหน้า ตะกร้าในมือหลุดตกลงไปจากมือทันที เธอยกมือไหว้ผู้ให้กำเนิดปลก ๆ สายตาที่ท่านจ้องมองมายังลูกสาวเลือดในอกนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด ทั้งสองสบสายตากันนิ่ง
ผลัวะ... ผลัวะ... เสียงฟาดฝ่ามือลงบนหน้าของดารินอย่างแรงจนเธอหน้าหันไปตามแรงมือ เลือดออกมาจากมุมปากทั้งสองมุม ทรุดตัวนั่งไปกับพื้นเบื้องล่างแบบไร้เรี่ยวแรง ดารินมีใบหน้าหม่นเศร้าเธอรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด เธอปากคอสั่นขยับปากเรียก “คุณพ่อ...”
ชายฉกรรจ์ที่เดินอ้อมมา ตามมาด้วยผ้าชุบน้ำที่ผสมยาสลบโปะลงไปที่จมูกและปากของหญิงสาว สติเธอดับวูบลงไปในทันที
ร่างกายของเธอถูกอุ้มพาไปยังรถตู้ที่ติดฟิล์มมืดสนิทที่จอดอยู่ใกล้ ๆ
“เหมย... เหมย... เหมย...” ไผทร้องเรียกชื่อเมียของตัวเอง ในอ้อมแขนของเขามีเด็กหญิงวัยสามขวบย่างสี่ขวบ ร้องไห้จ้าเมื่อเห็นคุณแม่ของเธอถูกใครก็ไม่รู้ คนที่ไม่รู้จักกำลังลากขึ้นรถไป
“จัดการมัน... เอาให้หมอบ” เจ้าสัวสินชัยออกคำสั่ง สายตาที่จ้องมาที่ชายหนุ่มกับเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแบบชิงชังนักหนา
“คุณพ่อครับ...”
ผลัวะ... ผลัวะ... ผลัวะ... ตุบ... ตุบ... ตุบ... กลุ่มชายฉกรรจ์กรูลงมาจากอีกรถตู้อีกหนึ่งคัน พวกเขาประเคนทั้งเข่าทั้งศอก ทั้งหมัดรัวเข้าใส่ไผทอย่างแรง เขาล้มลงไปไม่เป็นท่า กลิ้งตัวหลบบาทาเหล่านั้น ยกมือและแขนเพื่อปกป้องตัวเอง เด็กหญิงหลุดจากอ้อมแขนของพ่อ ตกลงไปกับพื้นถนน เด็กหญิงผิงผิงแผดเสียงร้องไห้จ้าดังลั่น ตอนนี้ฝุ่นคลุ้งไปหมด
“อย่าทำอะไรลูกของผม หนีไปผิงผิง วิ่งหนีไปลูก...” เขาส่งสายตามาบอกลูกสาวตัวน้อย ๆ ที่เป็นเด็กหญิงหัวไวฉลาดเป็นกรด เธอรีบลุกขึ้น วิ่งไปหลบอยู่ข้างถังขยะสายตาก็จับจ้องมองตรงมาที่คุณพ่อของเธอที่ถูกรุมทำร้าย เหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ไม่ปรานีรุมกระทืบเขาจนหมดสติ
“อ๊าก... อุ๊บ...” ร่างเขาถูกเตะคลุกฝุ่นอยู่ตรงนั้น
ข้าวผัดกับข้าวโพดเดินลงมาจากรถสองแถว วันนี้คุณพ่อบอกเอาไว้แล้วว่าไม่มารับ ให้เธอกลับกับอาไผ่ อาไผ่จะมารออยู่ที่ตลาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นนะ... ข้าวโพด” เธอชี้ให้น้องชายดูกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังรุมทำร้ายใครสักคนหนึ่งอยู่
“เจ๊... จะไปไหน” ข้าวโพดฉุดมือของเธอเอาไว้ เพราะรู้นิสัยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านของดรุณีดี
“จะไปดูน่ะสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เธอหันหน้ามาบอกน้องชาย
“จะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงเข้าไปหรอก... ไม่เอาอย่าไป...” น้องชายยื้อยุดฉุดพี่สาวเอาไว้ แต่เธอก็สะบัดหลุด
“ข้าวโพดหรือแกไม่อยากเห็น ฮึ... มาเร็ว ๆ” เธอเป็นฝ่ายฉุดข้อมือของน้องชายให้เดินตรงเข้าไปใกล้ ๆ คนพวกนั้น
“เฮ้ย... อาไผ่” ข้าวโพดร้องลั่น ตัวสั่นชาเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ถูกทำร้าย
ข้าวผัดตะลึงงัน สมองสั่งการในทันที
“ตำรวจขาทางนี้ค่ะ ตำรวจมา ตำรวจมา ตำรวจมา” เสียงป้าคนหนึ่งในตลาดตะโกนขึ้น ไม่มีใครกล้ามาช่วยไผ่สักคน ต่างพากันหลบหน้าหนีไป มีเพียงป้าคนนั้นที่วิ่งมาหาเด็กหญิงตัวน้อยที่แผดเสียงร้องไห้น้ำตาท่วม ตัวสั่นเป็นลูกนกลูกการ้องหาพ่อไม่ขาดปาก นางรีบอุ้มเอาเด็กหญิงผิงผิงขึ้นเอว ก็หันตัววิ่งหลบหายเข้าไปในตลาด
เจ้าสัวสินชัยเดินเข้ามาหาไผท ก่อนจะถ่มน้ำลายรดไปบนใบหน้าที่เปื้อนเลือดของชายหนุ่ม แล้วยกเท้าขึ้นไปขยี้ซ้ำบนใบหน้าของเขาด้วยแววตาเหี้ยมโหด
“ฉันไว้ชีวิตแกนะ ไอ้ไผ่... กูมาเอาลูกของกูคืน แล้วมึงจะได้รู้รสชาติว่าการถูกช่วงชิงกล่องดวงตาดวงใจมันเป็นอย่างไร ถุย... ไอ้สวะเอ๊ย”เจ้าสัวสินชัยถุยน้ำลายรดลงไปบนหน้าของไผทอีกครั้ง
“กลับ” ท่านพูดจบก็เดินนำขึ้นรถไป
“ตำรวจช่วยด้วยค่ะ คนถูกทำร้าย ตำรวจ... ตำรวจ... ตำรวจ...” ข้าวผัดร้องเรียกตำรวจดังลั่น เธอทิ้งกระเป๋าในมือลงพื้น วิ่งตรงเข้าไปหาร่างของอาไผ่ เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังทยอยกันขึ้นรถไป
ข้าวโพดตามมาฉุดพี่สาวเอาไว้ ก่อนจะยึดกอดเอวเธอเอาไว้ทั้งตัว
“พวกมันจะไปแล้วพี่” ข้าวโพดให้สติ เพราะลำพังเธอกับเขาคงช่วยอะไรอาไผ่ไม่ได้
“อาไผ่...” เธอเรียกชื่อเขาเสียงเบา น้ำตารินไหล มองร่างของเขาตาไม่กะพริบ
พอพวกนั้นขึ้นรถกันหมดและขับออกไปอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องก็ถลาเข้าไปหาร่างของไผทในทันที
“มันเกิดอะไรขึ้น” ข้าวโพดหันไปรอบ ๆ ผู้คนที่มาเดินตลาดเริ่มมามุงดูกันมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านเริ่มจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียงดังเซ็งแซ่จับใจความอะไรไม่ได้เลย
ข้าวผัดเข้าไปประคองร่างที่โชกเลือดของอาไผ่เอาไว้ทั้งตัวเธอร้องไห้โฮ ๆ
เด็กหญิงตัวน้อยพอยืนลงเท้าแตะพื้นได้ก็วิ่งเข้ากลับมาหาคุณพ่อของเธอ ข้าวโพดโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยที่ร้องไห้ไม่หยุด ชี้ไม้ชี้มือมาทางคุณพ่อที่นอนคลุกฝุ่นบนเนื้อตัวเสื้อผ้าของคุณพ่อมีแต่เลือด เด็กหญิงยอมนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในอ้อมกอดของพี่ข้าวโพด ตอนนี้ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พ่อจ๋า พ่อจ๋า.... T_T” เด็กหญิงร้องเรียกพ่อของเธอที่หมดสติอยู่ตรงนั้นอย่างน่าเวทนา
“เรียกรถพยาบาลให้หนูด้วยค่ะ ช่วยอาหนูด้วย อาไผ่... อาไผ่...” ข้าวผัดยกฝ่ามือคอยซับเลือดที่ไหลออกมาตามศีรษะไม่ยอมหยุด
กามเทพแสนกลช่างล้อเล่นกับความรักของสามคู่หนุ่มสาว ให้เกิดความรักที่มีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ปะปนกันไป พรหมลิขิต หรือว่า เนื้อคู่ ใครนะที่จะมีด้ายสีแดงผูกกันไว้ หากสองเราเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันจริงหรือ หลิน สาวน้อยจากเชียงรายผิวขาวเนียนสวย สะอาดสะอ้าน ปากนิด จมูกหน่อย ยิ้มเก่ง ขยันทำงาน และตั้งใจเรียน ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง จะมาเสียเอาตอนสุดท้าย กับชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย หลินจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพี่พีค นายพีระ หรือว่า พี่พีค ซีอีโอหนุ่ม เจ้าของโรงแรมใหญ่กลางกรุง หน้าตาดีหล่อเหลา ฐานะร่ำรวย ร่างกายกำยำ หุ่นกระชากใจ เป็นที่หมายปองของสาว และเขาได้ชื่อเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ ถ้าเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน เขาจะให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ความสัมพันธ์นั้นที่มันเกิดขึ้น คือ ความผิดพลาด หรือความตั้งใจกันแน่ ในเมื่อตัวเธอรักเขาเข้าไปแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นของหลิน เธอจะทางสมหวังในความรักหรือเปล่า พีคจงใจนอนกับหลิน หญิงสาวที่แสนจะธรรมดา ที่ทำไมดึงดูดใจเขายิ่งนัก เขาคิดยังไง มันเป็นแค่ความใคร่ หรือความต้องการของผู้ชายกันแน่ หรือ เขาแค่อยากชนะผู้หญิง ที่วิ่งหนีเขาก็เท่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน สิ่งที่เขาทำ มันจะเปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาล ในเรื่องยังมีอีกหลายคู่ ความรักของแพรวาและกฤษ รักแรกของกันและกัน รวมถึงความรักของพ่อหนุ่มเนื้อหอมเจ้าเสน่ห์อย่างอย่างนายภุชงค์ มาติดตามกันค่ะว่า ผู้หญิงแบบไหนจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของพ่อหนุ่มคนนี้ และเธอคนนั้นจะเป็นคนหยุดเขาได้หรือไม่ ขนมผิงกับติ๊ดชึ่ง ทอมกับผู้ชายเนิร์ด พี่คีตากับหญิง รุ่นพี่ที่รักจริงหวังฟัน และคู่เกย์น่ารัก กุ้งเต้นกับตุ๊กตุ่น คู่วายในเรื่อง --------- เขาทำดีกับเธออย่างนี้คนเดียว หรือว่ากับผู้หญิงทุกคนนะ คิดถึงเรื่องแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนาวเข้าไปในใจ ‘พี่พีคคงเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของใหม่ เขาคงยังไม่เบื่อ แล้วถ้าเขาเบื่อเราล่ะ ไม่... ฉันจะไม่รอให้เขามาบอกลา หรือทิ้งฉันก่อนแน่ ๆ’ หลินรีบเก็บโต๊ะอาหาร เธอหยิบกระเป๋าถือ รีบเดินออกจากห้องไปทันที ++++++ สปอย “เอ่อ...ก็รู้แล้วลงจากตัวเขาได้ยัง” เธอผลักอกเขาเบา ๆ “ไปอาบน้ำด้วยกันนะ เดี๋ยวเขาอาบให้มี่เอง” เขาชักชวนเธอ เพราะรู้สึกตรงกลางร่างงามฉ่ำแฉะไปหมดแล้ว “มี่รู้ไหมเขามีความสุขที่สุดเลย” บอกเธอด้วยน้ำเสียงดีใจปนปลื้มสุด ๆ “อือ...” เธอยิ้มกลับส่งสายตาหวานให้ “แต่เดี๋ยวเขามีเรื่องจะถาม” ลีโอเอ่ยมาน้ำเสียงจริงจัง จ้องหน้าโดยใช้นิ้วมือของเขายึดใบหน้าเธอให้ตรึงอยู่กับที่ “เรื่องอะไร...” “ทำไมมี่ใส่ถุงยางอนามัยคล่องจัง เขายังไม่ค่อยเป็นเลย” เขาถามน้ำเสียงจับผิด เธอส่ายหน้าหน้าแดงไม่ยอมตอบ “บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นเขาจะเอาตัวเองต่อ” พูดพลางขยับอัดแท่งลงร่องแน่น “บ้าเหรอลีโอเดี๋ยวถุงแตก” เธอร้องห้ามบิดตัวหลบปลายจมูกที่ซุกไซ้ลงมา “ไหนบอกมาก่อนเร็ว ๆ” เขาหยัดร่างใช้สองมือคร่อมหน้าเธอไม่ให้ขยับ “แหม...อยู่หอ ไอ้พวกเด็กหอมันไม่มีอะไรทำกัน ก็เลยซื้อมาลองหัดใส่ดูเผื่อได้ใช้” เธอตอบคำถามทำหน้าอาย ๆ “ผู้หญิงสมัยนี้มันจริง ๆ เลย” เขาพูดขึ้นก่อนจะก้มลงจุ๊บไปที่ปากที่กำลังจะเถียง “แต่ก็ได้ใช้เห็นไหม” “ครับที่รัก มีมี่ของลีโอเก่งไปทุกเรื่อง แต่เรื่องบนเตียงเราค่อยมาเรียนรู้พร้อมกันนะ พรุ่งนี้เขาจะหาท่าใหม่ ๆ มาบ้าง ตัวเองจะได้ไม่เบื่อ” พูดส่งเสียงทะเล้นปนทะลึ่ง “บ้า...ลีโอเนี่ย...” ว่าพลางทุบหน้าอกเขาอีกครั้ง “ไปอาบน้ำดีกว่า ดึกแล้วนะพรุ่งนี้ขอบตาเขาจะช้ำ” เธอรีบบอกเขา เพราะเลยเวลานอนมามากโขแล้ว “เขาว่าอย่างอื่นอาจจะช้ำมากกว่าขอบตาอีกนะ” พูดจบก็แกล้งกระแทกลำตัวเบา ๆ “ไอ้ลีโอ ไอ้ลามก...” “มี่เรียกเขาว่า ไอ้...ใช่ไหม ต้องลงโทษสถานเดียว” ลีโอกอดรัดมีมี่แน่น ซุกไซ้จมูกและปลายลิ้นไปทั่ว กว่าสองคนจะได้อาบน้ำนอนก็ใกล้รุ่งเต็มที...ฟ้าเหลืองเลยงานนี้
ด้วยคำว่า “เงิน” คำเดียว และฐานะที่ด้อยกว่า ที่ทำให้คนอย่างบุรินทร์ เขาตัดสินพวกเธอว่า เป็นพวกสิบแปดมงกุฎที่กำลังเข้ามาปอกลอกบูรณี พี่สาวของตัวเอง เขาไม่คิดว่า อติคุณ ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่อายุแก่กว่าเป็นสิบปีได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงแก่กว่าคนนั้น เธอมีเงิน และอรุณวนา เธอผู้เป็นพี่สาวของพี่เขยที่เขาคิดว่าเป็นตัวแสบ เธอจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของน้องชาย เพื่อพิสูจน์ว่าความรักแท้นั่นมีอยู่จริง แต่สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ต่อเล่ห์ร้ายของตัวเอง ก็คือตัวเขาเอง และเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะให้อภัยและยอมรักว่าเธอรักเขา และพร้อมที่จะใช้ชีวิตไปกับผู้ชายคนนี้ที่ตั้งแง่รังแกและรังเกียจเธอตั้งแต่ต้นหรือไม่
ปอป่านถูกอาเฟื่องรัตน์เรียกตัวกลับเมืองไทย แต่ในวันที่จัดงานต้อนรับเธอ คุณอากลับประกาศนี่คืองานหมั้น พร้อมกับ นายธราเทพ หญิงสาวทั้งน้อยใจและตัดพ้อว่าทำไมคุณอาทำแบบนี้ เฟื่องรัตน์ป่วยเป็นเนื้องอกที่สมองและเธอคิดว่าคงไม่มีเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว เธอจึงตัดสินใจเลือก ธราเทพ เพื่อนและพี่จ๋าในวัยเด็กของปอป่านให้เขาเป็นสามีเฉพาะกิจของหลานสาว ธราเทพบอกกับเฟื่องรัตน์ว่าเขารักปอป่าน และเป็นผู้พิทักษ์ของเธอ ด้วยทรัพย์สินที่มากเกินไป กับคุณอาชัยนันท์ลูกนอกสมรสของคุณปู่และลูกของเขาคงสร้างปัญหาให้กับปอป่านบ้าง เธอตั้งป้อมกับเขา แต่ธราเทพจะเอาชนะหัวใจของหญิงสาวได้หรือไม่
เธอเป็นแค่เหยื่อของแม่เลี้ยงขี้อิจฉา และวางแผนกำจัดเธอให้ออกไปจากชีวิต แล้ววันหนึ่งยายแม่เลี้ยงก็ทำสำเร็จ เมื่อเธอถูกมอมยาและนำตัวไปขายซ่อง เขาเป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย แต่เธอกลับคิดว่า เขาคือคนที่คิดทำลายและทำร้ายเธอ เขาเพียงเห็นเธอในครั้งแรก หัวใจของเขาก็เต้นแรง และยิ่งใกล้ชิดเธอมากเท่าใด เขาก็ประจักษ์แก่ใจว่า เขาอยากจะเป็นคนดูแลและคุ้มครองเธอไปตลอดชีวิต ต้องกราบขออภัยหากชื่อกับนามสกุลไปพ้องกับใคร และชื่อสถานที่ต่าง ๆ เป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาเท่านั้นค่ะ คุณธิดาขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อุดหนุนผลงานของคุณธิดามาโดยตลอด เป็นกำลังใจที่มากล้นจนไม่อาจละจากงานเขียน คุณธิดาพยายามปั่นผลงานใหม่ ๆ ออกมาสู่สายตาของทุกท่านแบบตั้งใจ หวังว่าคงจะสนุกกับเรื่อง กรงรักร้อนภรรยาคนเถื่อนนะคะ เป็นอีกเรื่องที่อยากให้คุณได้อ่านค่ะ คำโปรย “คุณมันเป็นคนร้ายใช่ไหม คุณกล้าดียังไงถึงทำกับฉันแบบนี้” มยุรดามุ่งเข้ามาทำร้ายเขา และทุบตีอินทนิลยกใหญ่ “ไปกันใหญ่แล้วคุณ ผมเป็นคนช่วยคุณนะ” เขาหวากใส่หน้าของเธอเช่นกัน อินทนิลพยายามปกป้องตัวเอง เขารวบมือและแขนของเธอเอาไว้ แล้วกอดรัดร่างที่มุ่งจะทำร้ายเขาให้สงบนิ่งลง “หลักฐานอยู่ทนโท่ว่าคุณเป็นผู้ร้ายลักพาตัว คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอยังลั่นปากพูดในสิ่งที่อยากพูด รู้ทั้งรู้ว่าเสียเปรียบ และเธออยู่ในฐานะที่ไม่สามารถสู้เขาได้ด้วยซ้ำไป “จะเล่ายังไงดีนะ” อินทนิลพูดคุยกับเธอตลอดตอนที่เธอไม่ได้สติ ตอนนี้ร่างเล็ก ๆ และนุ่มนิ่มของมยุรดาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอนั่งอยู่บนตักของร่างใหญ่ ลำแขนของเขาพาดกอดรัดรวบหน้าอกหน้าใจ ปลายคางแหลม ๆ ของเขาจรดวางอยู่ที่ต้นคอของเธอ ในหัวใจของมยุรดาเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่เคยมีชายใดได้เข้ามาใกล้เธอแบบนี้ นอกจากคุณพ่อเท่านั้น อินทนิลขยับตัวให้ตัวเองนั่งดี ๆ และไม่มีทีท่าจะปล่อยหญิงสาว “อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว ฉันขอร้องล่ะ” เธอพูดกับเขาอย่างแผ่วเบา รับรู้ได้ถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่เป่ารดอยู่ข้างแก้ม เขาถอนหายใจดังเฮือก เหมือนที่คุณหมอสุชาดาบอกว่า ระวังจะโดนผู้หญิงคนนี้เข้าใจผิด แล้วตอนนี้เธอก็กำลังเข้าใจเขาผิดอยู่จริง ๆ “อย่าทำอะไรฉันนะ” น้ำเสียงสั่นเครือ อินทนิลรู้สึกสงสารเธอจับใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าบอกเธออย่างไร เพื่อลบล้างในสิ่งที่เธอคิด
หัวใจเจ้าสาวจอมเกเร อีวาน บันตี ดารุจ พี่ชายต่างมารดาที่รักน้องสาวมาก เขาแค่อยากช่วยให้งานแต่งงานของน้องสาวไร้อุปสรรค ไม่ให้มีอะไรมาขัดขวาง เขาจึงตัดสินใจทำเรื่องบ้าบอลงไป อีวานจับเอาดาวประดับ ลูกสาวเจ้าปัญหาของคุณเภาเจ้าบ่าวของน้องสาวไปกักขัง หลังจากนั้นก็มีเรื่องอลหม่านและอลเวงเกิดขึ้นมากมายให้นักอ่านได้ติดตามลุ้นไปกับนักเขียนค่ะ เรามาลุ้นไปด้วยกันว่า เรื่องของอีวานกับดาวประดับจะลงเอยอย่างไร สุดท้ายแล้วนิยายของคุณธิดาแทบทุกเรื่องจะเป็นนิยายโรมานซ์ มี NC ให้พอเลือดสูบซีด อย่างไรฝากให้ทุกท่านติดตามผลงานของคุณธิดาไปตลอด ให้สนุกไปกับการอ่านนะคะ และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกายและสุขาภพใจแข็งแรง มีเงินใช้กันทั่วหน้าค่ะ
ผู้เป็นย่าเป็นคนที่มีเซนส์ ท่านรู้อะไรล่วงหน้าเสมอ แทบจะไม่เคยพลาด และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เนื้อคู่ที่แท้จริงของหลานชายกำลังจะมา ทำให้ท่านดี๊ด๊ามากกว่าทุกคน เฝ้ารอคอยอย่างใจจดจ่อ แล้วหญิงปริศนาก็โผล่มา มาทำให้หัวใจของเขาต้องปั่นป่วน และปลุกความเป็นชายให้ลุกโชน แต่ไปดูว่า แท้จริงแล้วใครเป็นคนทำให้พระเอกของเราแข็ง อุบ... (ไม่เอา ไม่เล่าสิ ปิดปากตัวเองให้สนิทเลย) ไปติดตามกันได้เลยค่ะ ฝากเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ ++++ บนหนทางแห่งชีวิตรัก เวลาไม่ใช่ตัวกำหนดความมั่นคง แต่เป็นหัวใจรักที่ภักดีต่อกันต่างหาก อดีตที่เคยเลวร้ายของทั้งมณียาและอาคเนย์ คงทำให้เขาและเธอได้นำมาเป็นบทเรียนของชีวิต ที่จะครองคู่สุขสมใจกันไปตลอดจนหมดลมหายใจ แล้วตายจากกัน โดยที่ทั้งคู่จะไม่หวั่นแม้อุปสรรคใด ๆ ที่จะเกิดมาในวันข้างหน้า ขอเพียงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในตอนนี้ให้มีความสุขมากที่สุดก็พอ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย