นางตายแล้วฟื้น ฟื้นมากับพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นวิญญาณและคุยกับสัตว์ได้ คุยกับผีว่าแปลกแล้ว ยังต้องมาเจอสามีที่ไม่เอาไหนอีก แบบนี้แล้วจะให้นางเป็นภรรยาที่แสนดีได้ยังไง ใครว่านางร้ายก็เชิญเข้ามา...
นางตายแล้วฟื้น ฟื้นมากับพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นวิญญาณและคุยกับสัตว์ได้ คุยกับผีว่าแปลกแล้ว ยังต้องมาเจอสามีที่ไม่เอาไหนอีก แบบนี้แล้วจะให้นางเป็นภรรยาที่แสนดีได้ยังไง ใครว่านางร้ายก็เชิญเข้ามา...
เรือนทางทิศใต้ตอนนี้มืดสนิท มีเพียงเสียงอีการ้องอยู่หน้าเรือนโดยไม่ยอมจากไปไหน ในเวลาที่จันทราปรากฏแสงสว่างอยู่บนฟ้า แต่ในตัวเรือนกลับเงียบเหมือนไม่มีคนอาศัย
สาวใช้ที่เดินเกาะกันกลม หันมองรอบด้านอย่างระแวง อีกไม่นาน ก็จะถึงเรือนด้านหน้าแล้ว แต่ขาพวกนางกลับไม่กล้าขยับเดินต่อไปอีก สาวใช้ที่หวาดกลัวนั้นหันมองซ้ายขวา ได้ยินเหมือนเสียงคนกำลังลับมีด เมื่อเห็นโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ก็รีบวางถาดอาหาร แล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องถูกเปิดออกเสียงดัง เอี๊ยดดด ทำให้คนฟังยิ่งสั่นสะท้านจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง คนในเรือนก้าวเท้าออกมา มองจันทราที่ส่องแสงลงมาในคืนนี้
สตรีนางน้อยที่ว่าหันมองอีกาดำที่อยู่บนต้นไม้
“ตงตงมานี่” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกยังคงเกาะอยู่ที่เดิม จนคนเรียกต้องพูดอีกรอบ “ถ้าเจ้าไม่ลงมา ข้าจะจับกินเป็นนกย่าง อีกอย่างใครใช้ให้เจ้าไปส่งเสียงเรียกสาวตรงนั้น ใช่เวลาที่ไหน”
อีกาดำกระพือปีก หันหน้ามองอีกฝั่ง และไม่ยอมลงไปตามคำสั่ง คนเรียกจึงหันมองรอบกายแล้วหยิบก้อนหินขึ้นปาใส่
“ลงมา เลิกเล่นได้แล้ว ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว ฟงจิวเสร็จหรือยัง”
เสียงลับมีดด้านในเรือนหยุดลง จากนั้นเจ้าของชื่อก็เดินถือมีด เล่มใหญ่ออกมาด้านนอก มือซ้ายชูปลาหนึ่งตัวที่ถืออยู่ให้ดู
“เสร็จแล้วคุณหนู” จากนั้นก็เอาปลาที่ว่าไปวางบนเตาไฟ หันมามองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
“พวกเราโดนตัดอาหารอีกแล้ว” จานอาหารที่เหลือเพียงสองจาน มีแค่ผัดเนื้อเค็มกับผักกาดดอง “ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราได้อดตายแน่ เจ้าค่ะคุณหนู”
คุณหนูนั่งลงแล้วคีบอาหารขึ้นกิน “ก็ดีกว่าไม่มีกิน” นางคีบอาหารใส่จานเจ้ากาดำไปด้วย เจ้ากามองเพียงครู่ก่อนสะบัดหน้าไม่ไยดี
“เอ๊ ถ้าเจ้าเลือกมากก็อดไปเลย” เจ้าอีกาดำดูเหมือนจะลังเล มันหันมามองอย่างทำใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจิกลงไปบนเนื้อเค็มที่ค้างอยู่หลายวัน
“คุณหนูเจ้าขา กว่านายท่านจะกลับมา พวกเราไม่อดตายกันก่อนหรือเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่รังแกพวกเราเกินไปแล้ว ถึงยังไงคุณหนูก็เป็นบุตรีของฮูหยินเอกนะเจ้าคะ”
หวังซูเหยามองวิญญาณมารดาที่กำลังนั่งถอนใจอยู่ข้าง ๆ นาง แสดงสีหน้าชัดเจนว่ากำลังโมโหตัวเองที่ตายไปเสียก่อน
“ท่านแม่อย่าโทษตัวเองเลย” นางกล่าวเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นได้ยินคงวิ่งหนี แต่เพราะสาวใช้นาง และเจ้าอีกาดำนั้นเห็นภาพนั้นชินตาจึงหันไปทางอื่นแทน
ซูเหยานึกถึงเรื่องตั้งแต่สามเดือนก่อนตอนที่นางตกน้ำ และฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จำได้ว่าตอนนั้นนางมองเห็นมารดาตน จึงร้องเรียก และพูดคุยอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
คนรอบข้างนางต่างคิดว่านางเสียสติ แต่นางรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้บ้า มีสติครบถ้วนดี เพียงแต่นางสามารถมองเห็นคนตายได้ ได้ยินความคิดของคนอื่นได้ อีกทั้งยังสามารถคุยกับ...
“ถ้าอิ่มแล้วก็ไปที่อื่น” อีกาดำหันมองนางแล้วผงกหัว จากนั้นก็บินไปยังต้นไม้ต้นเดิมเพื่อที่จะหลีสาวอีกครั้ง
ซูเหยานึกสถานการณ์ตอนนี้ นางต้องระเห็จมาอยู่ท้ายจวน ถูกลิดรอนอาหารการกิน แล้วยังถูกปล่อยข่าวลือว่า นางเป็นบ้าเสียสติอีก
รู้สึกว่าแม่เลี้ยงนางจะรังแกนางมากไปจริง ๆ แต่การอยู่ท้ายจวน ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ อย่างน้อยนางก็ได้คุยกับมารดาอย่างเปิดเผย
“กว่าท่านพ่อจะกลับจากชายแดนก็คงอีกหลายเดือน ถึงอย่างไร พวกเราก็ต้องอดทน ถึงไม่มีเนื้อให้กินก็ยังมีปลา” นางชี้ไปยังสระบัว เจ้าปลาที่ว่าตอนนี้กำลังกระโดดหนีหายเกือบหมด เหตุเพราะถูกนางจับกินทุกวัน
ฟงจิวถอนใจอีกรอบ “พวกเราจะยอมถูกรังแกเช่นนี้หรือเจ้าคะ” ใบหน้าสาวใช้บูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ พลางมองคุณหนูที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“หรือพวกเราจะออกไปเผชิญชะตากรรมด้านนอก ข้ารับหน้าที่เป็นหมอดูดีหรือไม่”
ฟงจิวส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่เอาเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวเป็นถึงบุตรสาวคนโตของเสนาบดีสกุลหวัง จะให้ออกไปเดินเร่ปราบผีได้เช่นไร”
ซูเหยาได้ยินคำว่าปราบผีก็รู้สึกเข้าทาง “แต่ข้ามองเห็นวิญญาณได้ จะไม่ดีได้เช่นไร อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเสียหน่อย เพียงแต่พูดไม่ได้ และสื่อสารกับพวกเราไม่ได้”
วิญญาณมารดาพยักหน้าเห็นด้วย พอมองบุตรสาวตนที่กินอยู่อย่างลำบากก็ยิ่งเสียใจ ไม่ทันจะทำอะไรต่อก็มีบ่าวรับใช้หิ้วตะกร้าผ้ามากองใหญ่
“ฮูหยินใหญ่บอกให้คุณหนูปักผ้าพวกนี้ให้เสร็จภายในสามวัน”
เพราะว่าทำอะไรนางไม่ได้ แถมเรื่องผีก็ถูกลือไปทั่ว ฮูหยินใหญ่ จึงหาเรื่องเพิ่มจากการทรมานเรื่องข้าวปลาอาหาร ด้วยการมอบงานปักผ้าให้นางอีก
จวนเสนาบดีร่ำรวยเพียงนี้ จะปักผ้าไปขายทำไม ข้ออ้างเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายดูจะมีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่เข้าใจ ซูเหยามองกองผ้านั้นแล้วก็ลุกขึ้น
“คุณหนู ผ้าพวกนี้ทำยังไงเจ้าคะ”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
ทำหรือไม่ทำนางก็ถูกลงโทษอยู่ดี แล้วเหตุใดจะต้องลงแรงให้เมื่อยตัวด้วยเล่า ฟงจิวเห็นแบบนั้นก็ร้อน ๆ หนาว ๆ
และเป็นอย่างที่คิด สามวันถัดมาเมื่อแม่นมหลิว คนของฮูหยินใหญ่มาเห็น
“จับนางออกมาลงโทษ”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ” ฟงจิวรีบมาขวางทาง แต่ก็ถูกบ่าวพวกนั้นขวางเอาไว้ สุดท้ายก็จับคุณหนูออกมาด้านนอกจนได้
ซูเหยาถูกจับกดลงพื้นหมายจะเฆี่ยนให้ตาย ระหว่างที่แม่นมหลิวของฮูหยินใหญ่สั่งการนั้น บ่าวชายที่กำลังยกไม้ขึ้นมาก็พบว่า
“ทำไมไม่ยก”
“มันหนักขอรับ”
“ไม้แค่นั้นจะหนักเท่าไรเชียว” แม่นมหลิวไม่เชื่อก็รีบเข้ามาคว้า หมายจะนำไปฟาดลงหลังซูเหยาเอง แต่กลับยกไม่ได้เช่นกัน
คนกำลังจะถูกเฆี่ยนเงยหน้า ก็เห็นวิญญาณมารดากำลังนั่งทับ ไม้นั้นอยู่ จากนั้นก็มีลมและฝนมืดฟ้ามัวดิน พร้อมกับเสียงร้องของอีกา แม่นมหลิวและบ่าวพวกนั้นก็มองอย่างระวัง พอเห็นเงาสีดำลอยมาก็ร้องลั่นกระท่อม แล้ววิ่งหนีกันกระเจิง
ฟงจิวรีบประคองคุณหนูขึ้นมา และช่วยปัดฝุ่นออก “ทีแบบนี้ละวิ่งเร็วนัก ดูสิว่าต่อไปจะมาหาเรื่องคุณหนูอีกหรือเปล่า”
“เอาน่า ถึงพวกนั้นไม่มาหาเรื่องข้า ก็ยังหาโอกาสแกล้งข้าได้อยู่นั่นแหละ” ซูเหยาคิดว่าอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่นอน
เรือนตะวันออกซึ่งเป็นเรือนของเจียงฮูหยินในตอนนี้ ซูเหมยผู้เป็นบุตรสาวกำลังวุ่นวายกับการเลือกเสื้อผ้าที่จะไปงานวันเกิดสกุลเหยียนพรุ่งนี้
“ท่านแม่ ท่านว่าชุดนี้ดีหรือไม่”
“ดีที่สุด เสื้อผ้าพวกนี้แม่ล้วนเลือกมาเพื่อเจ้าอย่างดี”
สีหน้าซูเหมยดูมีความสุข “ลูกจะต้องทำให้คุณชายรองเฉิงเคอพอใจในตัวลูกให้ได้”
คุณชายรองเฉิงเคอที่บุตรสาวนางพูดถึงนั้น คือคู่หมายของซูเหยาบุตรสาวคนโตของฮูหยินคนก่อน ที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้มีความผิดพลาดอยู่ ตามหลักแล้วซูเหยาต้องหมั้นหมายกับคุณชายจือหยวนมากกว่า แต่เพราะว่านิสัยไม่เอาไหนของอีกฝ่าย เหนียงฮูหยินเลยหมั้นหมายบุตรสาวตนให้กับคุณชายรองเฉิงเคอแทน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็แค่ทวงสิ่งที่เป็นของตนจะผิดอะไร ในเมื่อ ซูเหยาไม่สามารถไปได้ และบุตรสาวตนก็เพียบพร้อมพอที่จะออกหน้า ออกตาได้
พวกนางสองคนไปร่วมงานกันอย่างมีความสุข ซูเหมยได้พบกับคุณชายเฉิงเคอสองต่อสอง ก็เลยได้สนทนากันครู่หนึ่ง
“แล้วซูเหยาเล่า ไม่ได้มาด้วยรึ” เฉิงเคอหันมองรอบ ๆ พยายามมองหาซูเหยา แต่ก็ไม่เห็น
คนเป็นน้องสาวหงุดหงิด แต่ก็รู้ว่าตัวเองสามารถทำให้อีกฝ่ายสนใจได้ จึงทำทีเหมือนเป็นลมให้อีกฝ่ายประคองลงนั่ง
“ขอบพระคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ”
“เจ้าควรพักผ่อน” แต่เฉิงเคอกลับไม่ได้สนใจนางสักนิด จึงทำให้นางไม่พอใจ นึกแค้นใจจนพาลมายังกระท่อมท้ายเรือน
ซูเหยาที่กำลังเอามือผิงไฟเพราะหนาวจัด กำลังรู้สึกดีก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูเหมย น้องสาวคนดีของนาง
อีกฝ่ายเดินเข้ามา หันมองฟืนในเตาแล้วก็เดินไปหยิบกาน้ำชามาสาดลงไป
“คุณหนูรอง” ฟงจิวรีบห้าม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กองไฟสุดท้าย ดับไปแล้ว ความหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่
“ข้าเกลียดท่าน จำเอาไว้ สิ่งใดที่เป็นของท่าน ข้าจะเอามันมาเป็นของข้าให้ได้!”
นี่ซูเหมยไปกินตีนหมีที่ไหนมา มาถึงก็ด่านางไม่หยุดปาก จากนั้นก็ทำลายข้าวของ ซูเหยาไม่ได้ห้าม นางเพียงแต่จดจำการกระทำของน้องสาวคนดีให้ขึ้นใจ
นางเชื่อคำว่าทีใครทีมัน และเชื่อว่าอีกไม่นานนางจะได้ทำแบบนั้น
“ข้าจะให้ท่านแม่งดส่งอาหารพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้อดตายไปเลย”
พูดเสร็จก็กระทืบเท้าจากไป คงเป็นฟงจิวที่ด่าตามหลังไม่หยุด
“ที่พวกเราอยู่ตอนนี้ก็เหมือนตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาขู่”
ถ้าคุณหนูไม่ให้นางแอบเอาเครื่องประดับออกไปขาย พวกนางก็ตายตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่ตอนนี้สิ เงินที่มีแทบไม่เหลือแล้ว แล้วพวกนางจะเอาอะไรกิน
“คุณหนู พวกเราจะทำยังไงดีเจ้าคะ”
นั่นสิ ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไปได้อดตายแน่
“ขอเวลาข้าคิดอีกนิด อาจจะมีทางอื่นอีก”
เสียงอีกาด้านนอกดังขึ้น นางก็เดินออกไปมอง เห็นเจ้าตงตงคาบอะไรในปาก เมื่อมันทิ้งลงมาก็พบว่าเป็นเครื่องประดับ
“เจ้าไปขโมยใครมา”
“ข้าไม่ได้ขโมย เพียงเอาของของเจ้าคืนมา”
อ้า... แสดงว่ามันเข้าไปในห้องสินสมรสมารดานางแน่ นั่นเป็น สิ่งสุดท้ายที่ทำให้นางอยากมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อรักษาสมบัติของมารดา
“ถ้าอย่างนั้นก็เอามามากหน่อย”
“เจ้าเห็นปากข้าหรือไม่ ที่คาบมานี่ก็เกือบบินไม่รอด”
เจ้านกช่างเถียงนี่ “เลี้ยงเสียข้าวสุก ข้าว่าเอาเจ้าไปย่างกินยังได้ประโยชน์มากกว่าอีก”
“กา กา ใจร้าย ใจร้าย”
ตะโกนร้องไปเลย อย่างไรนางก็ไม่สน เพราะถึงเจ้าตงตงจะช่วยนาง แต่ก็ยังแอบมาแย่งอาหารนางกินอยู่ดี นกอะไร ตัวเท่านี้ แต่กินยังกับควายหนึ่งตัว บ้าไปแล้ว!!
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
นางถูกขับไล่ออกจากสกุลสามี คนพวกนั้นให้เหตุผลว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีสอบไม่ผ่าน หากแต่ออกมาได้สามวัน เขากลับแขวนโคมไฟสีแดง รับเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน!!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
แปดปีก่อน วินเซียนเล่อเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยที่ไม่เคยต้องทำงานบ้าน หยิ่งยโสและเอาแต่ใจ; ส่วนซางซือซวี่เป็นหนุ่มจากครอบครัวยากจนที่ถูกคุณหนูเลี้ยงดู ชีวิตลำบากแต่มีความเย็นชาและสง่างาม แปดปีต่อมา วินเซียนเล่อกลับกลายเป็นคุณหนูที่สูญเสียทุกสิ่ง ชีวิตถูกคนอื่นควบคุมและต้องทนทุกข์อย่างโดดเดี่ยว; ในขณะที่ซางซือซวี่กลายเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เมื่อได้พบกันอีกครั้ง เขามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธที่ข้างหูของเธอ พูดด้วยความโกรธว่า "เพราะความเกลียดชังที่มีต่อคุณวินเท่านั้นที่ทำให้มีซางซือซวี่ในวันนี้" เธออดกลั้นน้ำตาและยิ้มอย่างไม่หวั่นไหว "ถ้าเช่นนั้นฉันก็คงเป็นผู้ที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ คุณจะตอบแทนฉันอย่างไรดี ?" ในคืนฝนตกต่อมา เขากลับมาดันเธอที่ประตูห้องน้ำด้วยความโกรธและโมโห "วินเซียนเล่อ คุณห้ามแต่งงานและมีลูกกับคนอื่น! คุณเป็นของฉันคนเดียว!"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P
© 2018-now MeghaBook
บนสุด