นางตายแล้วฟื้น ฟื้นมากับพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นวิญญาณและคุยกับสัตว์ได้ คุยกับผีว่าแปลกแล้ว ยังต้องมาเจอสามีที่ไม่เอาไหนอีก แบบนี้แล้วจะให้นางเป็นภรรยาที่แสนดีได้ยังไง ใครว่านางร้ายก็เชิญเข้ามา...
นางตายแล้วฟื้น ฟื้นมากับพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นวิญญาณและคุยกับสัตว์ได้ คุยกับผีว่าแปลกแล้ว ยังต้องมาเจอสามีที่ไม่เอาไหนอีก แบบนี้แล้วจะให้นางเป็นภรรยาที่แสนดีได้ยังไง ใครว่านางร้ายก็เชิญเข้ามา...
เรือนทางทิศใต้ตอนนี้มืดสนิท มีเพียงเสียงอีการ้องอยู่หน้าเรือนโดยไม่ยอมจากไปไหน ในเวลาที่จันทราปรากฏแสงสว่างอยู่บนฟ้า แต่ในตัวเรือนกลับเงียบเหมือนไม่มีคนอาศัย
สาวใช้ที่เดินเกาะกันกลม หันมองรอบด้านอย่างระแวง อีกไม่นาน ก็จะถึงเรือนด้านหน้าแล้ว แต่ขาพวกนางกลับไม่กล้าขยับเดินต่อไปอีก สาวใช้ที่หวาดกลัวนั้นหันมองซ้ายขวา ได้ยินเหมือนเสียงคนกำลังลับมีด เมื่อเห็นโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ก็รีบวางถาดอาหาร แล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องถูกเปิดออกเสียงดัง เอี๊ยดดด ทำให้คนฟังยิ่งสั่นสะท้านจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง คนในเรือนก้าวเท้าออกมา มองจันทราที่ส่องแสงลงมาในคืนนี้
สตรีนางน้อยที่ว่าหันมองอีกาดำที่อยู่บนต้นไม้
“ตงตงมานี่” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกยังคงเกาะอยู่ที่เดิม จนคนเรียกต้องพูดอีกรอบ “ถ้าเจ้าไม่ลงมา ข้าจะจับกินเป็นนกย่าง อีกอย่างใครใช้ให้เจ้าไปส่งเสียงเรียกสาวตรงนั้น ใช่เวลาที่ไหน”
อีกาดำกระพือปีก หันหน้ามองอีกฝั่ง และไม่ยอมลงไปตามคำสั่ง คนเรียกจึงหันมองรอบกายแล้วหยิบก้อนหินขึ้นปาใส่
“ลงมา เลิกเล่นได้แล้ว ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว ฟงจิวเสร็จหรือยัง”
เสียงลับมีดด้านในเรือนหยุดลง จากนั้นเจ้าของชื่อก็เดินถือมีด เล่มใหญ่ออกมาด้านนอก มือซ้ายชูปลาหนึ่งตัวที่ถืออยู่ให้ดู
“เสร็จแล้วคุณหนู” จากนั้นก็เอาปลาที่ว่าไปวางบนเตาไฟ หันมามองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
“พวกเราโดนตัดอาหารอีกแล้ว” จานอาหารที่เหลือเพียงสองจาน มีแค่ผัดเนื้อเค็มกับผักกาดดอง “ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราได้อดตายแน่ เจ้าค่ะคุณหนู”
คุณหนูนั่งลงแล้วคีบอาหารขึ้นกิน “ก็ดีกว่าไม่มีกิน” นางคีบอาหารใส่จานเจ้ากาดำไปด้วย เจ้ากามองเพียงครู่ก่อนสะบัดหน้าไม่ไยดี
“เอ๊ ถ้าเจ้าเลือกมากก็อดไปเลย” เจ้าอีกาดำดูเหมือนจะลังเล มันหันมามองอย่างทำใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจิกลงไปบนเนื้อเค็มที่ค้างอยู่หลายวัน
“คุณหนูเจ้าขา กว่านายท่านจะกลับมา พวกเราไม่อดตายกันก่อนหรือเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่รังแกพวกเราเกินไปแล้ว ถึงยังไงคุณหนูก็เป็นบุตรีของฮูหยินเอกนะเจ้าคะ”
หวังซูเหยามองวิญญาณมารดาที่กำลังนั่งถอนใจอยู่ข้าง ๆ นาง แสดงสีหน้าชัดเจนว่ากำลังโมโหตัวเองที่ตายไปเสียก่อน
“ท่านแม่อย่าโทษตัวเองเลย” นางกล่าวเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นได้ยินคงวิ่งหนี แต่เพราะสาวใช้นาง และเจ้าอีกาดำนั้นเห็นภาพนั้นชินตาจึงหันไปทางอื่นแทน
ซูเหยานึกถึงเรื่องตั้งแต่สามเดือนก่อนตอนที่นางตกน้ำ และฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จำได้ว่าตอนนั้นนางมองเห็นมารดาตน จึงร้องเรียก และพูดคุยอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
คนรอบข้างนางต่างคิดว่านางเสียสติ แต่นางรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้บ้า มีสติครบถ้วนดี เพียงแต่นางสามารถมองเห็นคนตายได้ ได้ยินความคิดของคนอื่นได้ อีกทั้งยังสามารถคุยกับ...
“ถ้าอิ่มแล้วก็ไปที่อื่น” อีกาดำหันมองนางแล้วผงกหัว จากนั้นก็บินไปยังต้นไม้ต้นเดิมเพื่อที่จะหลีสาวอีกครั้ง
ซูเหยานึกสถานการณ์ตอนนี้ นางต้องระเห็จมาอยู่ท้ายจวน ถูกลิดรอนอาหารการกิน แล้วยังถูกปล่อยข่าวลือว่า นางเป็นบ้าเสียสติอีก
รู้สึกว่าแม่เลี้ยงนางจะรังแกนางมากไปจริง ๆ แต่การอยู่ท้ายจวน ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ อย่างน้อยนางก็ได้คุยกับมารดาอย่างเปิดเผย
“กว่าท่านพ่อจะกลับจากชายแดนก็คงอีกหลายเดือน ถึงอย่างไร พวกเราก็ต้องอดทน ถึงไม่มีเนื้อให้กินก็ยังมีปลา” นางชี้ไปยังสระบัว เจ้าปลาที่ว่าตอนนี้กำลังกระโดดหนีหายเกือบหมด เหตุเพราะถูกนางจับกินทุกวัน
ฟงจิวถอนใจอีกรอบ “พวกเราจะยอมถูกรังแกเช่นนี้หรือเจ้าคะ” ใบหน้าสาวใช้บูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ พลางมองคุณหนูที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“หรือพวกเราจะออกไปเผชิญชะตากรรมด้านนอก ข้ารับหน้าที่เป็นหมอดูดีหรือไม่”
ฟงจิวส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่เอาเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวเป็นถึงบุตรสาวคนโตของเสนาบดีสกุลหวัง จะให้ออกไปเดินเร่ปราบผีได้เช่นไร”
ซูเหยาได้ยินคำว่าปราบผีก็รู้สึกเข้าทาง “แต่ข้ามองเห็นวิญญาณได้ จะไม่ดีได้เช่นไร อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเสียหน่อย เพียงแต่พูดไม่ได้ และสื่อสารกับพวกเราไม่ได้”
วิญญาณมารดาพยักหน้าเห็นด้วย พอมองบุตรสาวตนที่กินอยู่อย่างลำบากก็ยิ่งเสียใจ ไม่ทันจะทำอะไรต่อก็มีบ่าวรับใช้หิ้วตะกร้าผ้ามากองใหญ่
“ฮูหยินใหญ่บอกให้คุณหนูปักผ้าพวกนี้ให้เสร็จภายในสามวัน”
เพราะว่าทำอะไรนางไม่ได้ แถมเรื่องผีก็ถูกลือไปทั่ว ฮูหยินใหญ่ จึงหาเรื่องเพิ่มจากการทรมานเรื่องข้าวปลาอาหาร ด้วยการมอบงานปักผ้าให้นางอีก
จวนเสนาบดีร่ำรวยเพียงนี้ จะปักผ้าไปขายทำไม ข้ออ้างเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายดูจะมีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่เข้าใจ ซูเหยามองกองผ้านั้นแล้วก็ลุกขึ้น
“คุณหนู ผ้าพวกนี้ทำยังไงเจ้าคะ”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
ทำหรือไม่ทำนางก็ถูกลงโทษอยู่ดี แล้วเหตุใดจะต้องลงแรงให้เมื่อยตัวด้วยเล่า ฟงจิวเห็นแบบนั้นก็ร้อน ๆ หนาว ๆ
และเป็นอย่างที่คิด สามวันถัดมาเมื่อแม่นมหลิว คนของฮูหยินใหญ่มาเห็น
“จับนางออกมาลงโทษ”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ” ฟงจิวรีบมาขวางทาง แต่ก็ถูกบ่าวพวกนั้นขวางเอาไว้ สุดท้ายก็จับคุณหนูออกมาด้านนอกจนได้
ซูเหยาถูกจับกดลงพื้นหมายจะเฆี่ยนให้ตาย ระหว่างที่แม่นมหลิวของฮูหยินใหญ่สั่งการนั้น บ่าวชายที่กำลังยกไม้ขึ้นมาก็พบว่า
“ทำไมไม่ยก”
“มันหนักขอรับ”
“ไม้แค่นั้นจะหนักเท่าไรเชียว” แม่นมหลิวไม่เชื่อก็รีบเข้ามาคว้า หมายจะนำไปฟาดลงหลังซูเหยาเอง แต่กลับยกไม่ได้เช่นกัน
คนกำลังจะถูกเฆี่ยนเงยหน้า ก็เห็นวิญญาณมารดากำลังนั่งทับ ไม้นั้นอยู่ จากนั้นก็มีลมและฝนมืดฟ้ามัวดิน พร้อมกับเสียงร้องของอีกา แม่นมหลิวและบ่าวพวกนั้นก็มองอย่างระวัง พอเห็นเงาสีดำลอยมาก็ร้องลั่นกระท่อม แล้ววิ่งหนีกันกระเจิง
ฟงจิวรีบประคองคุณหนูขึ้นมา และช่วยปัดฝุ่นออก “ทีแบบนี้ละวิ่งเร็วนัก ดูสิว่าต่อไปจะมาหาเรื่องคุณหนูอีกหรือเปล่า”
“เอาน่า ถึงพวกนั้นไม่มาหาเรื่องข้า ก็ยังหาโอกาสแกล้งข้าได้อยู่นั่นแหละ” ซูเหยาคิดว่าอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่นอน
เรือนตะวันออกซึ่งเป็นเรือนของเจียงฮูหยินในตอนนี้ ซูเหมยผู้เป็นบุตรสาวกำลังวุ่นวายกับการเลือกเสื้อผ้าที่จะไปงานวันเกิดสกุลเหยียนพรุ่งนี้
“ท่านแม่ ท่านว่าชุดนี้ดีหรือไม่”
“ดีที่สุด เสื้อผ้าพวกนี้แม่ล้วนเลือกมาเพื่อเจ้าอย่างดี”
สีหน้าซูเหมยดูมีความสุข “ลูกจะต้องทำให้คุณชายรองเฉิงเคอพอใจในตัวลูกให้ได้”
คุณชายรองเฉิงเคอที่บุตรสาวนางพูดถึงนั้น คือคู่หมายของซูเหยาบุตรสาวคนโตของฮูหยินคนก่อน ที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้มีความผิดพลาดอยู่ ตามหลักแล้วซูเหยาต้องหมั้นหมายกับคุณชายจือหยวนมากกว่า แต่เพราะว่านิสัยไม่เอาไหนของอีกฝ่าย เหนียงฮูหยินเลยหมั้นหมายบุตรสาวตนให้กับคุณชายรองเฉิงเคอแทน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็แค่ทวงสิ่งที่เป็นของตนจะผิดอะไร ในเมื่อ ซูเหยาไม่สามารถไปได้ และบุตรสาวตนก็เพียบพร้อมพอที่จะออกหน้า ออกตาได้
พวกนางสองคนไปร่วมงานกันอย่างมีความสุข ซูเหมยได้พบกับคุณชายเฉิงเคอสองต่อสอง ก็เลยได้สนทนากันครู่หนึ่ง
“แล้วซูเหยาเล่า ไม่ได้มาด้วยรึ” เฉิงเคอหันมองรอบ ๆ พยายามมองหาซูเหยา แต่ก็ไม่เห็น
คนเป็นน้องสาวหงุดหงิด แต่ก็รู้ว่าตัวเองสามารถทำให้อีกฝ่ายสนใจได้ จึงทำทีเหมือนเป็นลมให้อีกฝ่ายประคองลงนั่ง
“ขอบพระคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ”
“เจ้าควรพักผ่อน” แต่เฉิงเคอกลับไม่ได้สนใจนางสักนิด จึงทำให้นางไม่พอใจ นึกแค้นใจจนพาลมายังกระท่อมท้ายเรือน
ซูเหยาที่กำลังเอามือผิงไฟเพราะหนาวจัด กำลังรู้สึกดีก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูเหมย น้องสาวคนดีของนาง
อีกฝ่ายเดินเข้ามา หันมองฟืนในเตาแล้วก็เดินไปหยิบกาน้ำชามาสาดลงไป
“คุณหนูรอง” ฟงจิวรีบห้าม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กองไฟสุดท้าย ดับไปแล้ว ความหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่
“ข้าเกลียดท่าน จำเอาไว้ สิ่งใดที่เป็นของท่าน ข้าจะเอามันมาเป็นของข้าให้ได้!”
นี่ซูเหมยไปกินตีนหมีที่ไหนมา มาถึงก็ด่านางไม่หยุดปาก จากนั้นก็ทำลายข้าวของ ซูเหยาไม่ได้ห้าม นางเพียงแต่จดจำการกระทำของน้องสาวคนดีให้ขึ้นใจ
นางเชื่อคำว่าทีใครทีมัน และเชื่อว่าอีกไม่นานนางจะได้ทำแบบนั้น
“ข้าจะให้ท่านแม่งดส่งอาหารพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้อดตายไปเลย”
พูดเสร็จก็กระทืบเท้าจากไป คงเป็นฟงจิวที่ด่าตามหลังไม่หยุด
“ที่พวกเราอยู่ตอนนี้ก็เหมือนตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาขู่”
ถ้าคุณหนูไม่ให้นางแอบเอาเครื่องประดับออกไปขาย พวกนางก็ตายตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่ตอนนี้สิ เงินที่มีแทบไม่เหลือแล้ว แล้วพวกนางจะเอาอะไรกิน
“คุณหนู พวกเราจะทำยังไงดีเจ้าคะ”
นั่นสิ ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไปได้อดตายแน่
“ขอเวลาข้าคิดอีกนิด อาจจะมีทางอื่นอีก”
เสียงอีกาด้านนอกดังขึ้น นางก็เดินออกไปมอง เห็นเจ้าตงตงคาบอะไรในปาก เมื่อมันทิ้งลงมาก็พบว่าเป็นเครื่องประดับ
“เจ้าไปขโมยใครมา”
“ข้าไม่ได้ขโมย เพียงเอาของของเจ้าคืนมา”
อ้า... แสดงว่ามันเข้าไปในห้องสินสมรสมารดานางแน่ นั่นเป็น สิ่งสุดท้ายที่ทำให้นางอยากมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อรักษาสมบัติของมารดา
“ถ้าอย่างนั้นก็เอามามากหน่อย”
“เจ้าเห็นปากข้าหรือไม่ ที่คาบมานี่ก็เกือบบินไม่รอด”
เจ้านกช่างเถียงนี่ “เลี้ยงเสียข้าวสุก ข้าว่าเอาเจ้าไปย่างกินยังได้ประโยชน์มากกว่าอีก”
“กา กา ใจร้าย ใจร้าย”
ตะโกนร้องไปเลย อย่างไรนางก็ไม่สน เพราะถึงเจ้าตงตงจะช่วยนาง แต่ก็ยังแอบมาแย่งอาหารนางกินอยู่ดี นกอะไร ตัวเท่านี้ แต่กินยังกับควายหนึ่งตัว บ้าไปแล้ว!!
ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
นางถูกขับไล่ออกจากสกุลสามี คนพวกนั้นให้เหตุผลว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีสอบไม่ผ่าน หากแต่ออกมาได้สามวัน เขากลับแขวนโคมไฟสีแดง รับเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน!!
ความเจ็บช้ำกว่าการ “หย่า” ยังมีอะไรอีก นอกจากถูกคนที่รักหลอกไป “ฆ่า” ให้ตายทั้งเป็น **************** โง่แล้วยังทำเหมือนเดิม เขาเรียกว่าโง่ไร้สติ โง่แล้วกลายเป็นความแค้น เขาถึงเรียกว่าฉลาด มาดูกันว่าการกลับมาของเธอในครั้งนี้ จะทำให้เขาจดจำเธอในรูปแบบไหน ภรรยาที่ดี หรือ ภรรยาที่ตอบแทนอย่างสาสม!! ************************* รมินตามองไปยังรูปภาพแต่งงานบนฝาผนัง ภาพที่มีรอยยิ้มและ แววตาความรักนั้น เหตุใดวันนี้ถึงได้เศร้านักก็ไม่เข้าใจ เธอนั่งรอเขาราวครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงรถที่ขับมาอย่างรวดเร็ว และเสียงเบรกกะทันหันทำให้เธอเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกมอง เมื่อเห็นว่าเป็นธาวินผู้เป็นสามีเธอก็รีบลงจากชั้นสอง “ทำไมขับรถเร็วขนาดนั้นคะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง” “นี่คุณแช่งผมให้ตายเหรอ” คิ้วรมินตาขมวด “ตาไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ตาเป็นห่วงคุณต่างหาก” “คุณห่วงชีวิตคุณเองจะดีกว่า ว่าคืนนี้คุณจะนอนไหน” แววตาคนเป็นภรรยาไม่แน่ใจว่าได้ยินผิดหรือเปล่า จึงถามเขาย้ำอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะคะ ตาไม่เข้าใจ” “โธ่เว้ย ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ ผมกำลังขอหย่ากับคุณยังไงเล่า” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผากเธอ จนเธอที่ตั้งสติไม่ได้เซถอยหลังจนล้มลง “รีบเซ็นใบหย่าแล้วออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณหมายความว่ายังไง” “ก็หมายความว่าบ้านหลังนี้ หุ้นที่บริษัท โรงแรม ล้วนเป็นของผมหมดแล้ว ดังนั้นคุณก็หมดความหมาย รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับคุณ” “คุณ คุณทำกับตาแบบนี้ได้ยังไงกัน”
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
“ฉันไม่ชอบเธอ! อย่าเข้ามายุ่งกับฉันอีก” “ชะเอมก็ไม่เคยคิดที่จะชอบคนอย่างพี่เหมือนกัน แต่ที่ทำก็เพราะ..”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY