ไม่ชอบที่ ที่เพื่อนพี่ทำให้เลย…
"อืออ พอแล้วนะคะหนูง่วง"เสียงแหบพร่าของหญิงสาวร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเอ่ยบอกคนตัวใหญ่ที่กำลังขยับมือคืบคลานไปตามเรือนร่างของเธอ
"คืนก่อนทำไรไม่ได้นอนเหรอครับ"
"ทำรายงานส่งอาจารย์ค่ะ"ตอบเสียงงัวเงีย เปลือกตาปิดสนิท"ห้ามรังแกตอนหนูหลับนะคะ หนูง่วงมาก"เอ่ยบอกก่อนจะกระชับผ้าห่มให้แน่นกว่าเดิม
"โอเค พี่ไม่กวนแล้วครับหนูหลับเลย"
"แล้วไม่มานอนกับหนูเหรอคะ"
"เดี๋ยวเพื่อนพี่มานั่งดื่มที่นี่ พี่นั่งอยู่กับเพื่อนข้างล่างนะครับ"
"ห้ามหนีไปไหนนะคะ"
"ครับผม"พูดจบก็โน้มตัวลงไปหอมแก้มนุ่ม"หนูใส่เสื้อผ้าไหมเดี๋ยวพี่ใส่ให้"เพราะเพิ่งเสร็จกิจบนเตียงไปและเธอก็ไม่ได้ลุกออกจากที่นอนขอเขาหลับก่อนนี่แหละ
"ใส่กางเกงในตัวเดียว"
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงชั้นในสีเนื้อออกมาพร้อมกับหยิบทิชชูเปียกติดมือมาด้วย
ดึงผ้าห่มจากช่วงขาขึ้นไปกองไว้ที่เอว จับเรียวขาขาวแหกออกแล้วใช้ทิชชู่เปียกทำความสะอาดจุดนั้นให้แฟนสาวแม้ก่อนหน้านี้จะใช้ทิชชู่ธรรมดาเช็ดไปแล้วแต่เพราะเธอไม่ยอมลุกไปล้างจึงคิดว่าน่าจะเหนียวกว่าจะตื่น
"เรียบร้อย ตื่นแล้วไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
"ค่ะ..."ตอบเสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ดินแดนจึงดึงผ้าห่มลงมาคลุมให้ ปรับแอร์แล้วก็้เดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
บ้านของเขามีสมาชิกทั้งหมดเพียงสี่คน เขาเจ้าของบ้าน ขนมแฟนสาว คู่สามีภรรยาแม่บ้านคนสวนที่คอยดูแลความสะอาดของบ้านเพียงแค่นั้น
"แหมะ ลงมาเหมือนรู้ว่าพวกกูมา"ทันทีที่เดินลงมาข้างล่างก็พบกับกลุ่มหนู่มๆ สองสามคนที่เดินเข้ามาพอดี เขาไหวไหล่ให้แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมแก้วกับถังน้ำแข็ง
"มีกับแกล้มปะ"เอ่ยถามเพื่อนๆ เคนชี้ไปยังถุงกับแกล้มอย่างแคปหมู ลาบ น้ำตก เขาพยักหน้ารับแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อหยิบจานชามและช้อน
"เมียมึงอ่ะ"
"หลับ"
"ทุ่มกว่าๆ เนี่ยนะ"
"หนักไปหน่อย เพลียมั้ง"ตอบแล้วนั่งลงบนพื้นที่นั่งกันล้อมเป็นวง เทกับแกล้มใส่จานเหลือเพียงบะหมี่เกี๊ยวที่ไม่ได้แกะเพราะเก็บไว้ให้แฟนสาวที่ตื่นมาก็น่าจะหิวเลยสั่งให้เพื่อนซื้อมาให้
"ตั้งแต่เย็นเลยเหรอ?"ภูผาเลิกคิ่วถามซึ่งดินแดนก็พยักหน้ารับ ตวัดสายตามองไปทางพายุที่นั่งอยู่บนโซฟาจนคนถูกมองต้องเดินมานั่งร่วมวงด้วย
"ตั้งแต่บ่าย"แล้วจึงตอบภูผาไป เพื่อนๆ ที่ได้ยินก็ได้แต่มองหน้ากันลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดินแดนเป็นผู้ชายที่มีเซ็กซ์จัดเรื่องนี้ทุกคนในกลุ่มรู้ดี
"หอยน้องช้ำไปหมดแล้วมั้ง ห้าปีนี่มีแบบที่เอาเป็นเวลามั้ยวะ"
"ปกติก็เอาเป็นเวลานะ"
"ตอแหลครับเพื่อน"
"เวลาที่กูอยาก ยังพูดไม่จบครับ"มีเมียไม่เอาเมียมันก็แปลกมั้ย ทำงานส่งเสียให้เรียนขอแค่นอนให้เอาแค่นี้เป็นค่าตอบแทนก็ยังดีนี่นา
"กูล่ะสงสารเมียมึง"พายุว่าพลางส่ายหัวให้ ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่ม
"สงสารหรืออยากแดกเมียกู"
"หึ!"
"พวกมึงนี่เจอกันจ้องจะกัดกันทุกที"เคนส่ายหัวเบาๆ ยกแก้วเหล้าที่ดินแดนชงให้กระดกดื่ม ตักกับแกล้มทานไปพร้อมหาเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ จากเวลาทุ่มครึ่งก็หมุนไปจนสามทุ่มกว่าๆ
"เมามั้ย?"พายุถามสองหนุ่มเพื่อนรักอย่างภูผากับเคนที่นั่งกอดคอกันอยู่ ที่จริงไม่ต้องถามก็เดาได้ว่าเมาไม่เมา หากไม่เมาก็ไม่มีทางที่สองคนนั้นจะมานั่งกอดคอกันแบบนี้หรอก
"มึนๆ ยังไม่มาวว้อยยย~"
"ไม่เมาก็ไม่เมาครับเพื่อน"
"ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนห้องนู้นนะ ห้องประจำพวกมึงอ่ะ"ดินแดนชี้นิ้วไปทางห้องนอนชั้นล่างที่มีไว้ให้เพื่อนขี้เมาโดยเฉพาะ จะพยุงขึ้นชั้นบนก็ขี้เกียจจะให้พวกมันเดินเองก็กลัวจะตกบันไดตายก่อนเลยยกห้องด้านล่างให้พวกมัน มีเตียงที่นอนหมอนผ้าห่มครบครัน
"มึงล่ะเมามั้ย"หันไปถามพายุต่อ
"ไม่ มึนๆ เหมือนกัน"
"ค้างนี่?"
"ห้องมึงได้มั้ย?"คำถามของพายุทำให้ดินแดนกระตุกยิ้มมุมปาก เขาไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ หยัดกายลุกขึ้นเก็บจานกับแกล้มกับขวดและแก้วเหล้าไปไว้ในครัว จากนั้นก็เดินไปปิดประตูบ้าน
‘ผู้หญิงที่คาถาเลือก คือผู้หญิงที่ถูกกลั่นกรองมาแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเธอควรดีใจที่ตัวเองไม่มีจุดบกพร่องและควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี’
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"