/0/20140/coverbig.jpg?v=6c5f5bb9daf184c74b453954791969c3)
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“โอ๊ย เจ็บ ๆ ๆ นี่เรายังไม่ตายหรอกหรือ แต่ถ้าตายแล้วก็คงไม่เจ็บสิ แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน ไอ้หลังคาผุ ๆ พัง ๆ นี่มันอะไรกัน”
เว่ยจื้อโหยวได้แต่พูดออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเธอกำลังนอนหลับอยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะพาเธอไปเข้าร่วมทีมหน่วยลับหรอกหรือ แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ แล้วที่นี่มันที่ไหนหลังคาผุ ๆ นี่มันจะพังลงมาทับเธอหรือไม่
แล้วทำไมข้างนอกนั่นเสียงดังอะไรกัน ยายป้าปากตลาดที่ไหนมาด่าทอทะเลาะกันเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านแบบนี้ ไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเอาเสียเลย เว่ยจื้อโหย่วที่ยังปวดหัวและนอนซมด้วยพิษไข้ได้แต่คิดในใจ เมื่อไหร่คนพวกนั้นจะเลิกด่าทอกันเสียที
ด้านนอกบ้านนางเซียนซื่อกำลังก่นด่าบ้านรองด้วยถ้อยคำหยาบคาย นางก่นด่าลูกชายและลูกสะใภ้รวมถึงหลานสาวว่าเป็นพวกอกตัญญู เป็นหมาป่าตาขาวและเป็นพวกเนรคุณ
สาเหตุที่นางเซียนซื่อยืนก่นด่าบ้านรองอยู่เพราะลูกชายขัดขืนไม่ยอมให้นางขายเว่ยจื้อโหยวให้กับเศรษฐีเฒ่า ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่พอใจและบีบคั้นบ้านรองทุกวิถีทาง อ้างความจำเป็นในการใช้เงินก็แล้วอ้างถึงความกตัญญูที่พึงมีต่อบุพการีก็แล้ว แต่ลูกชายของนางอย่างเว่ยเจี้ยนป๋อก็หาได้ยินยอมไม่
แต่ไหนแต่ไรมาลูกชายคนนี้ของนางหัวอ่อนและยอมลงให้นางมาตลอด นางเองไม่ได้มีใจรักใคร่บุตรชายคนนี้นักด้วยหมอดูได้ทำนายทายทักเอาไว้แล้วว่าหลานชายของนางจะนำความรุ่งเรืองมาสู่ตระกูล ในตอนนั้นนางมีหลานชายเพียงคนเดียวคือบุตรชายของบุตรชายคนโต
ด้วยความเชื่อที่แสนจะงมงายของหมอดูปลอม ๆ ที่ทำมาหากินกับความเชื่อของชาวบ้าน หลังจากนั้นมานางก็ทุ่มเททุกอย่างให้กับครอบครัวของบุตรชายคนโตอย่างเว่ยอี้หานและมีสะใภ้ใหญ่อย่างนางเหอซื่อคอยยุแยงเป่าหูแม่สามีอยู่ทุกวัน
นางเหอซื่อมีชื่อเดิมว่าเหอเหมี่ยวแต่งงานกับเว่ยอี้หานมีลูกชาย 2 คน และมีลูกสาว 1 คน ลูกสาวนั้นอายุไล่เลี่ยกับเว่ยจื้อโหย่วคือ 17หนาว ส่วนลูกชายคนโตตอนนี้เรียนอยู่ที่สำนึกศึกษาในเมืองอายุ 14 หนาว ลูกชายอีกคนอายุ 7 หนาว
สะใภ้ใหญ่เป็นญาติทางฝั่งแม่ของนางเซียนซื่อ เมื่อแต่งเข้าบ้านเว่ยจึงทำให้ลูกสะใภ้และแม่สามีที่มีศักดิ์เป็นเครือญาติกันนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เว่ยเจี้ยนป๋อแต่งงานกับนางเหลียนซื่อหรือชื่อเดิมคือเหลียนเหมยชิง สำหรับสะใภ้รองผู้เฒ่าเว่ยเป็นคนสู่ขอให้มาตบแต่งกับเว่ยเจี้ยนป๋อในตอนที่ผู้เฒ่าเว่ยมีชีวิตอยู่ หลังจากเว่ยเจี้ยนป๋อแต่งงานได้สามปี ผู้เฒ่าเว่ยก็ป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เว่ยเจี้ยนป๋อและนางเหลียนซื่อมีลูกทั้งหมด 3 คน โดยมีเว่ยจื้อโหยวเป็นลูกสาวคนโต อายุ 17 หนาว น้องชาย อายุ 14 และ 7 หนาว
เว่ยจื้อโหยวที่ตอนนี้ปวดหัวมาก ตอนนี้จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกในตอนที่เธอกำลังพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็ง ๆ นี่ กลับมีเรื่องราวต่าง ๆ เข้ามาในหัวของเธอจนเธอหมดสติไปอีกครั้ง
ส่วนคนด้านนอกนั้นยังถกเถียงกันและย่าใจร้ายก็ยังไม่หยุดด่า และยังมีลูกสะใภ้เป็นลูกคู่ เว่ยเจี้ยนป๋อมองหน้าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยสายตาผิดหวังระคนเสียใจ
ส่วนพี่ชายอย่างเว่ยอี้หานนั้นยืนมองน้องชายและครอบครัวด้วยสายตาเกลียดชัง เขามีความเชื่อไม่ต่างจากผู้เป็นแม่ หากว่าบุตรชายของเขาสอบได้เป็นขุนนางขึ้นมาเขาไม่ต้องการนับญาติกับน้องชายผู้นี้
“น้องรอง ข้าว่าเจ้ายอมยกลูกสาวของเจ้าแต่งเข้าบ้านเศรษฐีเถอะ นางจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดี เจ้าเองก็จะได้ชื่อว่าเป็นพ่อตาของเศรษฐีเชียวนะ” อี้หาน
“หากพี่ใหญ่ว่าการไปเป็นอนุของชายแก่คราวปู่มันดีนักหนาเหตุใดท่านไม่ให้ลูกสาวของท่านตบแต่งเข้าไปเสียล่ะขอรับ” เจี้ยนป๋อ
“นี่เจ้า.. เจ้ากล้าพูดจายอกย้อนข้าเช่นนั้นหรือ เดี๋ยวนี้เจ้าช่างกล้าหาญเสียจริง” อี้หานชี้หน้าด่าน้องชาย
“เจ้าลูกอกตัญญู ข้าอุ้มท้องเจ้ามาเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ เจ้ากลับเนรคุณ ตอนนี้ข้าแค่ขอให้เจ้ายกนางตัวไร้ค่าลูกสาวของเจ้าแต่งเข้าบ้านเศรษฐีเพื่อช่วยเหลือครอบครัวเจ้ากลับไม่ยินยอม ข้าน่าจะเอาขี้เถ้าอุดปากเจ้าให้ตายเสียแต่ยังเด็ก ข้าไม่น่าเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ขนาดนี้ ข้าไม่น่าเลี้ยงเจ้ามาเพื่อให้มาเนรคุณข้าเอง ลูกอกตัญญู” นางเซียนซื่อชี้หน้าด่าลูกชาย
“ก็แค่ลูกสาวไร้ค่าของเจ้า จะเทียบอันใดกับลูกสาวของข้าได้กัน อย่าเอาลูกสาวของเจ้ามาเทียบกับหนิงอันลูกสาวข้า” สะใภ้ใหญ่
“ข้ายังยืนยันคำเดิม ข้าไม่มีวันส่งลูกสาวของข้าให้บ้านเศรษฐีเฒ่า ลูกสาวของข้าข้าจะหาสามีให้นางเอง ในเมื่อทั้งหมดเป็นปัญหาของพวกท่านที่รับปาก พวกท่านก็หาทางแก้ปัญหากันเอาเองเถิด ตลอดเวลาที่ข้าต้องอดทนให้พวกท่านรังแกลูกเมียข้ามันก็เกินพอแล้ว ข้าสู้อุตส่าห์ทำตามคำขอร้องของท่านพ่อที่สั่งเสียเอาไว้ให้พี่น้องรักและสามัคคีกันแต่พวกท่านไม่เคยจะใส่ใจ เอาแต่รังแก กดขี่ข่มเหงบ้านรองของข้า อาหารการกินบ้านรองก็ได้ส่วนแบ่งมาน้อยนิดทั้ง ๆ ที่งานในไร่ครอบครัวของข้าก็ทำมากที่สุด เงินก็เป็นข้าหามามากที่สุด แต่เงินเหล่านั้นไม่เคยตกถึงครอบครัวของข้า ตลอดเวลา 20 กว่าปีมานี้ ข้าถือว่าข้าได้กตัญญูต่อท่านแล้ว ท่านแม่ หากเป็นเช่นนี้ข้าขอแยกบ้านขอรับ” เจี้ยนป๋อพูดออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ
“แยกบ้าน เจ้ากล้าแยกบ้านหรือ อกตัญญู อกตัญญูแล้ว” นางเซียนซื่อทุบขาร้องโวยวายตีอกชกลม
“ท่านแม่ ในเมื่อน้องรองอยากแยกบ้านก็ให้แยกไปเถอะขอรับ แต่ข้าจะไม่แบ่งอะไรให้ทั้งนั้น อยากแยกบ้านเองก็ออกไปแต่ตัวเถอะ” อี้หาน
“ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ อีกหน่อยลูกใหญ่ก็จะเป็นขุนนางแล้ว ข้าไม่อยากให้มีปลิงมาเกาะคอยดูดเลือดเจ้าค่ะ” สะใภ้ใหญ่
“ได้ ในเมื่อเจ้าอยากแยกบ้านนักก็ออกไปแต่ตัวก็แล้วกัน เจ้าใหญ่ ไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาจัดการให้เรียบร้อย” นางเซียนซื่อ
หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าหมู่บ้านได้มาทำการแยกบ้านโดยมีเอกสารการแยกบ้านและตัดขาดสามฉบับ ฉบับแรกมอบให้กับนางเซียนซื่อ ฉบับที่สองมอบให้กับเจี้ยนกั๋ว และฉบับสุดท้ายหัวหน้าหมู่บ้านจะนำไปยื่นกับทางการถือเป็นการเสร็จสิ้นการแยกบ้าน
“พวกเจ้ารีบไสหัวออกไปจากบ้านของข้าและอย่าได้หยิบฉวยอะไรของข้าออกไปเด็กขาด สะใภ้ใหญ่คอยจับตาดูเอาไว้” นางเซียนซื่อ
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“พวกเราไปเก็บของกันเถอะ อย่าเสียเวลาอีกเลย” เจี้ยนป๋อ
“เจ้าค่ะท่านพี่”
“ขอรับท่านพ่อ”
ครอบครัวของเจี้ยนป๋อเก็บข้าวของที่มีอยู่น้อยนิดใส่ห่อผ้าจากนั้นนางเหลียนซื่อก็ไปช่วยลูกสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่เก็บของ เจี้ยนป๋ออุ้มลูกสาวที่นอนหมดสติอยู่ขึ้นวางใส่รถเข็นอย่างเบามือ คนพวกนี้นับว่ามีจิตใจเหี้ยมโหดเพียงแค่ลูกสาวของเขาไม่ยินยอมไปเป็นอนุของตาเฒ่าบ้ากามผู้นั้น
เขาไม่คิดเลยว่าย่าแท้ ๆ จะทุบตีลูกสาวเขาปางตาย หากเขากลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น ลูกสาวที่น่ารักแสนดีของเขาคงได้หมดลมหายใจไปแล้ว เพราะเหตุนี้ความอดทนที่เขามีถึงได้ขาดลง เขาทำใจอยู่ร่วมบ้านกับคนพวกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว หากเขาไม่สามารถปกป้องลูกได้เขาก็ไม่สมควรจะเป็นพ่อใคร
“ท่านพ่อพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนหรือขอรับ” เว่ยหย่งคัง
“พวกเราจะกลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านแม่เจ้า กับท่านตาท่านยายของพวกเจ้า” เจี้ยนป๋อ
“ขอรับท่านพ่อ เช่นนั้นเราไปกันเถอะ จะได้รีบพาพี่ใหญ่ไปรักษา” เว่ยหย่งหมิง
ในตอนที่ครอบครัวของเจี้ยนป๋อกำลังเดินออกจากบ้านเว่ยมา อี้หานได้พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า
“อย่าคิดว่าแยกบ้านแล้วลูกสาวของเจ้าจะหนีพ้น คอยดูลูกสาวของเจ้าเอาไว้ให้ดี ท่านเศรษฐีไม่มีวันรามือ”
เจี้ยนป๋อเข็นรถที่มีร่างของลูกสาวนอนไม่ได้สติอยู่พาลูกเมียเดินออกจากหมู่บ้านลี่เจียงที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดไปด้วยใจที่แตกสลาย เขาผิดหวังกับมารดาผู้ให้กำเนิดและพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง
ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสงสารเว่ยเจี้ยนป๋อและครอบครัวแต่พวกเขาเป็นคนนอกไม่สามารถจะเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่นได้ อีกอย่างแม่สามีกับลูกสะใภ้บ้านนี้นั้นล้วนร้ายกาจ เห็นแก่ตัวและปากร้ายจนไม่มีใครอยากจะข้องแวะด้วย
ใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามเดินเท้าจากหมู่บ้านลี่เจียงมาถึงหมู่บ้านต้าหลี่ที่เป็นบ้านเดิมของนางเหลียนซื่อ เมื่อมาถึงก็พบกับพี่สะใภ้ที่กำลังกวาดลานบ้านอยู่พอดี
นางซ่งซื่อหรือซ่งจินเหม่ยเห็นน้องสาวสามีพร้อมด้วยน้องเขยและหลาน ๆ เดินเข้ามาในบ้านและน้องเขยยังได้เข็นรถเข็นที่มีร่างของหลานสาวคนโตที่นอนหมดสติมาด้วย
ด้วยความตกใจนางจึงถามออกมาด้วยความร้อนรน
"น้องสาวน้องเขยเหตุใดจื้อโหย่วถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้น"
“พี่สะใภ้เข้าบ้านกันก่อนเจ้าค่ะ ค่อยไปคุยกันในบ้านนะเจ้าคะ” นางเหลียนซื่อ
“เช่นนั้นก็เข้าบ้านกันเถอะ น้องเขยเจ้าอุ้มจื้อโหยวเข้าไปพักข้างในก่อน” นางซ่งซื่อ
“เอะอะอะไรกัน เสียงดังไปถึงหลังบ้าน” แม่เฒ่าเหลียน
“ท่านแม่ น้องสาวกับน้องเขยมาเจ้าค่ะ หลานสาวเกิดเรื่องแล้ว” นางซ่งซื่อตอบแม่สามี
“อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกับหลานข้า นี่มันเรื่องอันใดกัน” แม่เฒ่าเหลียน
“ท่านแม่ใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะเล่าให้ท่านแม่ฟังเอง และต่อจากนี้ไปข้าและท่านพี่จะขอกลับมาอยู่ที่นี่ได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านพี่ตัดขาดจากบ้านเว่ยแล้ว พวกเราจะขออาศัยอยู่กับท่านแม่สักระยะ จากนั้นพวกเราจะหาทางขยับขยายออกไปอยู่กันเองเจ้าค่ะ” นางเหลียนซื่อเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา
“เอาเถอะ ๆ ที่ทางของบ้านเรายังมีพอที่จะให้พวกเจ้าปลูกบ้าน ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก เจ้าบอกมาให้แม่ฟังสิมันเกิดอันใดขึ้น”
หลังจากที่ได้ฟังลูกสาวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแม่เฒ่าเหลียนก็อยากจะไปจัดการกับยายแก่สารเลวบ้านเว่ยจริง ๆ โชคดีที่ลูกเขยของนางตัดขาดออกมาได้ นางไม่เชื่อหรอกว่าคนขยันอย่างเจี้ยนป๋อจะไม่สามารถหาเลี้ยงลูกเมียได้ ถึงตอนแรกจะลำบากไปบ้างเท่านั้น
แต่ปัญหาเรื่องหลานสาวนั้นหากว่าไม่หาทางออกที่ดีไม่พ้นว่าจะโดนอำนาจเงินของตาเฒ่าบ้ากามคนนั้นรังแกเอาได้ มีทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรอดพ้นจากน้ำมือของตาเฒ่าบ้ากามนั้นได้คือให้หลานสาวแต่งออกไป
หากผู้ใดล่วงละเมิดภรรยาผู้อื่นถือว่ามีความผิดร้ายแรง แม้ว่าคนผู้นั้นจะมีเงินมีอำนาจมากก็ไม่สามารถที่จะล่วงละเมิดภรรยาของผู้อื่นได้ โทษของผู้ที่ทำความผิดคือต้องไปใช้แรงงานขุดคูเมืองและโดนยึดทรัพย์
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เอ๋ สาวโรงงานที่มีคำถามอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า คนเราตายแล้วไปไหน แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเธอได้เลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรักอย่างชลดา ที่มาด่วนจากไปเมื่อ 5ปีที่แล้ว หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ของเธอเองที่เพิ่งจะเสียไปเมื่อ 3เดือนก่อน แล้วตอนนี้ สำหรับเอ๋ ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว นอกจากเพื่อนสนิท ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว เช่น พร อยู่มาวันหนึ่งเอ๋ได้ฝันถึงชลดา เพื่อนรักอีกคนที่จากไปแล้ว ในฝัน ชลดา บอกกับเธอว่า หลังจากที่ตายไปแล้วชลดาก็ไปมีสามีและมีลูก เธอยังพูดกับชลดาว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง ตายแล้วไหนจะไปมีสามีมีลูกได้เล่า และในฝัน ชลดาบอกว่านี่เป็นคำตอบสำหรับตัวเธอว่าตายแล้วไปไหน ส่วนคนอื่นเธอไม่รู้จริงๆ ว่าตายแล้วไปไหน แต่ตัวชลดาเองบอกกับ เอ๋ ว่าตายแล้วไปมีสามีและมีลูก เช้าวันต่อมา เอ๋ก็ไปทำงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ เอนก แฟนหนุ่มของเธอ จะเกิดอะไรขึ้นกับเอ๋ และเอ๋จะได้คำตอบเป็นของตัวเองหรือไม่ เราไปร่วมลุ้นหาคำตอบไปด้วยกันค่ะ
ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป
เนี่ยหลิง ตายแบบ งงๆ และได้ไปเกิดใหม่แบบ งงๆ ในโลกลมปราณของผู้ฝึกตนและพร อีก สอง ข้อ พร้อมธนู และลูกธนูหนึ่งชุด แหวนมิติเก็บของหนึ่งวง อย่าถามหา เหตุผล ว่าทำไม เนี่ยหลิงก็ไม่รู้เช่นกัน หวังว่า มันจะดี
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"