เมื่อดาราสาวต้องกลายเป็นคุณหนูสามตระกูลเว่ย เรื่องวุ่นวายจึงบังเกิด ไหนต้องหาเงิน ไหนต้องรับมือกับคนขี้อิจฉา ไหนจะมีน้องชายจอมแสบที่ชอบก่อเรื่องให้ ไหนจะมียอดบัณฑิตแห่งต้าซานมาตามเกี้ยว เป็นเว่ยหย่งฮวาไม่ง่ายนัก แต่นางจะฝ่าทุกวิกฤตพร้อมมีชื่อเสียงเลื่องลือ!
"ท่านหญิง?"
อู๋ซือหนิงประหลาดใจที่พบหญิงสาวอยู่หน้าบ้านตนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แต่เป็นความประหลาดใจที่รู้สึกดี
"อู๋ซือหนิง ข้ามีเรื่องอยากวานให้ท่านช่วย" ในหมู่คนที่สนิทตอนนี้นางรู้สึกวางใจเขามากที่สุด อาจจะมากกว่าเซียนซูอิงด้วยซ้ำ
เห็นท่านหญิงทำสีหน้าเคร่งเครียดอู๋ซือหนิงก็ขมวดคิ้วตามแล้วเชิญนางเข้าไปด้านใน เว่ยหย่งฮวาเล่าความคิดบางอย่างให้เขาฟัง ลอบสังเกตสีหน้าของผู้ฟังไปด้วยว่าเขามีท่าทีอย่างไรต่อความคิดของนาง แต่อู๋ซือหนิงไม่ได้มีท่าทีต่อต้านหรือขัดแย้งในใจใด ๆ แสดงออกมาเลย นั่นทำให้นางวางใจที่จะเล่าต่อ
"ท่านคิดว่าเรื่องนี้พอจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่"
"ในเมื่อเป็นคำขอของท่านหญิงข้าย่อมไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ และนี่เป็นผลดีต่อคุณชายเว่ยด้วย" เขาตกปากรับคำ
"เรื่องนี้ขอร้องท่านคนเดียวก็ดูจะหนักมือเกินไป ข้าคิดว่าจะไปขอให้จะสหายอีกคนช่วยด้วยเหมือนกัน"
"ใครหรือ"
"เผิงป๋อเฟิง"
บุรุษตรงหน้าขมวดคิ้วทันที คุณหนูสามไม่รู้มาก่อนว่าสองคนนี้ไม่ถูกกัน แต่เรื่องนี้นางไม่วางใจจะให้เขารับมือคนเดียว ในมุมมองของสตรีผู้หนึ่งแล้วก็เป็นเรื่องที่หนักหนาอยู่ การโยนภาระที่นางต้องการใส่มือบุรุษที่สนิทสนมกันในระดับหนึ่งเพียงคนเดียวดูจะเป็นการเอาแต่ใจมากไปหน่อย
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของนาง อู๋ซือหนิงก็กระแอมไอแล้วปรับสีหน้าเป็นปกติ
"ท่านหญิงเชิญว่าต่อเถอะ"
"ดูเหมือนท่านจะลำบากใจ"
"ท่านหญิงคิดมากเกินไป ข้าสบายดี ทำตามใจท่านหญิงเถิด"
"เห็นชัดอยู่ว่าท่านไม่สบายใจที่จะทำ อย่าพูดเอาใจข้าไปหน่อยเลย แบบนั้นไม่เป็นผลดีกับข้าเลยนะ หากท่านเอาอกเอาใจข้าอยู่แบบนี้หากวันใดทำผิดขึ้นมาใครจะรั้งข้าได้"
"..."
"ซึ้งในน้ำใจที่ใต้เท้าอู๋นึกถึงจิตใจข้า และข้ารู้สึกขอบคุณมาก ๆ แต่ท่านอย่าทำแบบนี้เลย"
บุรุษตรงหน้าทำสีหน้าประหลาดใจอีกครั้งก่อนจะระบายยิ้มออกมา
"ข้าเข้าใจแล้ว ขออภัยท่านหญิงด้วย"
เว่ยหย่งฮวากลับไปที่จุดเริ่มต้นเพื่ออธิบายใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้วก็เดินทางไปหาเผิงป๋อเฟิงเพื่อขอความร่วมมือ
"คุณหนู ทำแบบนี้จะดีหรือเจ้าคะ ข้าไม่สบายใจเลย" หนิงชิงชิงไม่รู้รายละเอียดวิธีการของนางแต่ก็พอรู้ว่าคุณหนูของตนจะทำอะไร ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหนนางก็ไม่สบายใจอยู่ดี
"จะให้เขาคิดได้ก็ต้องใช้วิธีที่รุนแรงแบบนี้เท่านั้น น้องชายข้ายังอยู่ในวัยหลงระเริงได้ง่าย ขนาดตอนนี้เขายังคิดว่าไม่เป็นไรอยู่เลย เช่นนั้นก็ต้องใช้ไม้แข็งกับเขาเสียหน่อยแล้ว"
"แต่ข้าเป็นห่วงคุณหนูนะเจ้าคะ"
"มีอู๋ซือหนิงกับเผิงป๋อเฟิงช่วยหนุนหลังอยู่ ไม่เป็นไรหรอก"
สาวใช้คนสนิทถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความจำยอม ในเมื่อคุณหนูของนางต้องการเช่นนี้ก็มีแต่ต้องให้ความร่วมมือเท่านั้นแล้ว ได้แต่หวังว่าแผนการนี้จะสำเร็จในเร็ววัน นางจะได้หายใจโล่งเสียที
สองนายบ่าวเดินอย่างเชื่องช้าไปตามถนนทางกลับบ้าน บรรยากาศยามเย็นค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวอย่างน่าประหลาด แต่ก็เป็นจังหวะเหมาะให้ลงมือเหลือเกิน หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็ได้แต่เชื่อใจสหายสองคนที่ได้ขอความช่วยเหลือไปเท่านั้น หวังไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นแม้สักนิดเดียว
เว่ยหย่งฮวาไม่มีวรยุทธ์ การสัมผัสถึงอันตรายมีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นที่บอกได้ และสัญชาตญาณระวังภัยของนางที่ไม่เคยได้จับดาบถือกระบี่ก็เบาบางเสียจนวิสัยทัศน์มืดมิดไปแล้วจึงพึ่งรู้ตัว
เสียงร้องของหนิงชิงชิงดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เบาลงตามระยะห่างที่มากขึ้น นางถูกอุ้มขึ้นพาดบ่าและตอนนี้อาจจะโผไปตามหลังคาอยู่ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกจอมยุทธ์ถึงชอบวิ่งข้ามหลังคาบ้านคนอื่น เพราะนางที่โดนแบกมาด้วยไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด เวียนหัวเทียนแทบคลื่นไส้แล้ว
เว่ยอวี่หยุน ถ้าข้ารอดไปได้เจ้าโดนดีแน่!
คาดโทษน้องชายที่ทำให้ต้องเปลืองแรงเสร็จก็ทำใจยอมรับชะตากรรมต่อ นางถูกอุ้มกระเตงไปถึงไหนต่อไหนไม่ทราบเพราะมีถุงกระสอบคลุมลำตัวท่อนบนไว้ อากาศก็น้อยนิดจึงไม่มีเวลาไปสนใจอะไรอื่นนอกจากชีวิตตัวเอง
ไม่นานร่างของนางก็ถูกวางกระแทกลงบนพื้นฟาง พวกมันจับนางมัดมือไพล่หลังไว้ก่อนจะเอาถุงที่คลุมหัวไว้ออก
"พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร!?" คำถามมาตรฐานสำหรับเหยื่อโจรลักพาตัวใช่ไหมล่ะ นางว่าตอนนี้ฝีมือการแสดงของตนก็ยังไม่ตกนะ
"คุณหนูใจเย็น ๆ เดี๋ยวตัวจะมีริ้วรอยเอาได้"
"พะ เจ้าจะทำอะไรจับข้ามาทำไม"
"เก็บเสียงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า ตอนนี้คุณหนูเป็นของพวกข้าแล้วรู้ตัวหรือไม่"
"ไม่รู้!" นางตะคอกกลับ
กฎหมายบ้านเมืองนี้ควรแก้ไขอย่างด่วน พวกโจรนี่มั่นใจมาจากไหนว่านางเป็นของพวกมัน ต่อให้มีสัญญาซื้อขายจากน้องชายของนางจริงแต่เขาไม่มีสิทธิ์มอบชีวิตใครให้คนอื่นนอกจากชีวิตของตัวเอง นอกจากกฎหมายควรปรับปรุงแล้วการศึกษาก็ควรปรับปรุงอย่างด่วนเช่นกัน
วันนี้จะมีอะไรทำให้ข้าโมโหไปมากกว่าน้องชายตัวเองอีก
"รออยู่เฉย ๆ เถอะเดี๋ยวจะมีคนเอาอาหารมาให้ตามเวลา"
พวกมันพูดไว้แค่นั้นแล้วก็ออกไป ปิดประตูขังนางไว้ในโรงนา
เว่ยอวี่หยุนรอดตัวจากการถูกจับหักแขนแล้วก็เดินกลับบ้านสบายใจ แต่พอมาถึงจวนคนในบ้านกลับวุ่นวายไปหมด ใจของเด็กหนุ่มเริ่มไม่ดี
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ"
หนิงชิงชิงเห็นเขาเพิ่งมาถึงก็รีบทำตามที่นัดแนะไว้กับคุณหนู แม้ใจจะกระวนกระวายอยากจะโวยวายก่อนหน้าหนี้แล้วที่พวกมันอาจหาญลักตัวคุณหนูไปต่อหน้าต่อตานาง แต่นางได้แต่อดกลั้นทำตามคำสั่งรอเวลาเหมาะสมเท่านั้น
"คุณชายน้อย คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูถูกลักพาตัว"
"ถะ ถูกลักพาตัว เป็นไปได้อย่างไร!"
"ไม่ทราบว่าเป็นพวกไหนเหมือนกันเจ้าค่ะ อยู่ ๆ ก็มาพาตัวคุณหนูไปเลย ข้าจึงรีบกลับมาขอความช่วยเหลือแต่นายท่าน..."
"ท่านพ่อทำไม"
"นายท่านไม่แจ้งทางการบอกให้เก็บเงียบไว้เจ้าค่ะ"
"อะไรนะ คนหายทั้งคนทำไมทำแบบนี้!?"
"นายท่านเกรงว่าคุณหนูจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเจ้าค่ะ โดนจับตัวไปเช่นนี้ไม่รู้จะโดนทำอะไรบ้าง หรือหากปลอดภัยกลับมาก็ไม่พ้นตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน นายท่านจึงให้ปิดเงียบเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วดำเดินการอย่างลับๆ"
"อะ อ๋อ งั้นก็คงจะไม่เป็นอะไร ท่านพ่อลงมือเองแล้วนี่" เว่ยอวี่หยุนหลบสายตาคนสนิทของพี่สาว ไม่กล้ามองหน้านางตรงๆ และไม่กล้ามองไปทางบิดาด้วย ได้ยินแต่เสียงผู้เป็นพ่อสั่งการแต่จับใจความไม่ได้
เจ้าพวกนั้นทำจริงหรือนี่
"คุณชายน้อยเป็นอะไรไปเจ้าคะ"
"ปะ เปล่า ไม่มีอะไร"
"คุณชายดูไม่ทุกข์ร้อนใจเลยนะเจ้าคะ หรือว่ามีวิธีอะไรดีๆ ในใจ" หนิงชิงชิงจี้ถาม
ต่อให้นี่เป็นเรื่องที่เตรียมการไว้แล้ว แต่นางก็อดไม่พอใจคุณชายน้อยผู้นี้ไม่ได้ หากนางไม่ไปบังเอิญได้ยินเข้า หากคุณหนูไม่ได้ขอร้องคนอื่นไว้ก่อน หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ โดยไม่มีการรับมือ สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้จนใจนางแทบแตกสลายเลยทีเดียว จริงอยู่ว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนอกจากฐานะเจ้านายกับผู้ติดตามรับใช้ แต่นางก็รักคุณหนูของนางมากจนรู้สึกอดที่จะโกรธไม่ได้
ที่คุณหนูเคยย้ำนักหนาว่าให้น้องชายออกห่างจากการพนันก่อนจะถือไว้ที่เหมาะสม นางเข้าใจแล้ว
เรื่องที่เว่ยหย่งฮวาถูกลักพาตัวไปยังคงปิดเงียบนานถึงสามวัน คนที่ทำตัวนิ่งเฉยได้ตลอดเพราะวางใจในผู้เป็นพ่อ ตอนนี้เริ่มนั่งไม่ติดที่ เว่ยอวี่หยุนเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กังวลถึงพี่สาวที่หายตัวไป เขากลับไปที่โรงพนันแต่ก็ไม่พบคนพวกนั้นเลยสักครั้ง ราวกับว่าเถ้าแก่จงใจหลบหน้าเขาอยู่ นอกจากไม่ให้พบแล้วยังโดนไล่ออกมา
เด็กหนุ่มมีสีหน้าหมองคล้ำจากการอดหลับอดนอน
"เป็นห่วงข้า แต่ก็ไม่ยอมบอกท่านพ่อเนี่ยนะ"
เว่ยหย่งฮวาแกะเม็ดบัวกินด้วยความหน่ายใจ ฟังหนิงชิงชิงเล่าให้ฟังแล้วก็รู้ได้เลยว่าน้องชายของนางยังไม่โตพอจะกล้ายืดอกรับ ตอนนี้ไม่ยอมพูดว่ายังกลัวโดนลงโทษอยู่เลย สงสัยว่าสกุลเว่ยจะเลี้ยงน้องชายคนเล็กแบบไข่ในหินเกินไปแล้ว
นางที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวยังใช้ชีวิตทรหดมากกว่าอีก กับพี่หญิงที่เป็นญาตินั้นก็เช่นกัน พี่หญิงของนางยังมีวิชาทวนติดตัวด้วยซ้ำไป ผิดกับเว่ยอวี่หยุนที่ต่อยตีธรรมดายังจะแพ้เขาเลย
"สงสัยถ้ากลับไปได้ข้าต้องเข้มงวดกับเขาหน่อยแล้ว"
"คุณหนู ทำไมยังต้องทนอยู่ในโรงนาแบบนี้อีกเจ้าค่ะ"
"อยู่แบบนี้ก็สบายดี เจ้าไม่ชอบหรือ"
สาเหตุที่คุณหนูสามยังลอยชายอยู่ได้นั้นเพราะนางได้ตกลงกับเจ้าของโรงพนันตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแล้ว ดีอยู่ที่ว่าเขาพูดคุยเข้าใจง่าย ไม่อย่างนั้นนางคงกังวลใจอยู่บ้าง แม้จะนัดแนะกับอู๋ซือหนิงและเผิงป๋อเฟิงด้านความช่วยเหลือเอาไว้แล้วก็ตาม
ย้อนกลับไปสักเล็กน้อยเมื่อสามวันก่อนตอนเย็นหลังจากที่นางถูกพาตัวมา
"คุณหนูช่างมีกรรมหนัก มีน้องชายน้องชายก็ไม่รักเอาเสียเลย"
"เป็นกรรมของข้าจริงๆ" นางพูดเสียงยานคาง จีบปากจีบคอจะน่าหมั่นไส้ ท่าทางไม่เหมือนคนที่หวาดกลัวก็โดนลักพาตัวมาสักนิด
"ได้ยินชื่อเสียงของท่านหญิงมาบ้าง ไม่นึกว่าจะทำให้ประหลาดใจได้ถึงขนาดนี้"
"งั้นก็รู้ไว้เสียตอนนี้เลยว่าจะทำให้ประหลาดใจได้มากกว่านี้อีก"
"น่าสนใจ ท่านหญิงจะแลกเปลี่ยนกับข้าอย่างนั้นหรือ"
"ใครต้องแลกเปลี่ยนกับใครกันแน่ สัญญาของเจ้าของน้องชายข้าไม่มีประโยชน์อะไร เขายังอายุไม่ถึงที่จะทำสัญญาซื้อขายอะไรกับใครได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่เจ้าให้น้องข้าประทับตราเป็นโมฆะไปตั้งนานแล้ว"
"..."
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเถ้าแก่ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
"หลักแหลมยิ่ง เจ้าหนูนั่นยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ"
"ระวังปากหน่อย ถึงเขาจะเป็นน้องชายที่น่าตีของข้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะมาดูหมิ่นเหยียดหยามเขาได้ ยกเว้นว่าข้าจะทำเอง"
"ดี แววตาแน่วแน่ดีมาก เช่นนั้นท่านหญิงจะเสนออะไรให้ข้าล่ะ"
"อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย เจ้าสิต้องเป็นคนยื่นข้อเสนอให้ข้า ตอนนี้ตัวเองเสียเปรียบยังไม่รู้ตัวอีก"
เถ้าแก่โรงพนันสะอึก เริ่มรู้สึกขุ่นเคืองในใจขึ้นมา แต่ท่าทางของสตรีผู้นี้ดูน่าสนใจเกินไปจนเขาอยากรู้ว่ามันจะลงเอยอย่างไร
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง