ความรัก ความทรงจำ จะอยู่ตลอดไป
ความรัก ความทรงจำ จะอยู่ตลอดไป
บ้านทรงไทยยกสูงในพื้นที่บริ เวณหลายสิบไร่ ภายในบ้านมีร่วมสิบห้องและหนึ่งในห้องนั้น ได้มีชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายกายและใจ จนจวบได้เวลายามเช้าตรู่ที่เขาต้องตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นและเขาก็พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบได้เจอ เขารีบลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบบริเวณห้อง ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่ไม่ใช้ปูน ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นเป็นไม้รอบห้องส่วนพื้นก็ไม่ต่างกัน ชาหนุ่มผู้นั้นรีบลุกยืนขึ้นและลงจากเตียง แต่เขากับต้องไปเหยียบเนื้อนุ่มๆ จนสร้างความตื่นตระหนกตกใจเขารีบกระโดดขึ้นตียงทันที
“โอ๊ย ลูกพี่ มาเหยียบกันทำไม”ไก่หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่ออเขารู้สึกเจ็บที่อก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เหยียบที่หน้าอกของเขา
“นายเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”มิคกี้มีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่เขาพบเจอและได้เห็นมันช่างแตกต่างจากห้องของเขาสิ้นเชิง
“ลูกพี่ กินยาผิดสำแดงอะไรอีกล่ะ”ไก่เกาศีรษะแก๊กๆด้วยความมึนงง
“นายจับเรามาเรียกค่าไถ่ใช่ไหม”มิคกี้มองหน้าไก่ที่กำลังมีสีหน้ามึนงง
“เรียกค่าไถ่อะไรล่ะลูกพี่ ที่นี่มันบ้านของลูกพี่ บ้านกำนันบุญมี”
“ใครกันกำนันบุญมี”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย
“ก็พ่อของลูกพี่ไง”
“ไม่ใช่ พ่อเราเป็นรัฐมนตรี นายอย่ามามั่วพูดไปเรื่อย มาลดตำแหน่งพ่อของเรา”
“ลูกพี่นี่เป็นอะไรเนี่ย ตื่นมาก็สติสตังไม่เต็มซะนี่”
“นายนั่นแหละไม่เต็ม”
“อย่าพูดมากเลยลูกพี่ รีบอาบน้ำแต่งตัวและออกไปกินข้าวได้แล้ว”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเรา ถ้าเราหิวเดี๋ยวจะไปกินเอง แต่ที่นี่มันที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“โอ๊ย ผมไม่คุยกับลูกพี่แล้ว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำดีกว่า”ไก่ลุกขึ้นยืนและกำลังเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน นายเป็นใคร”
“ก็ลูกพี่ผมไง จำไม่ได้อีกเหรอ”
“ชื่อไร”
“ชื่อไก่”
“เหรอ เราไม่เคยมีลูกน้อง ที่มีที่บ้านก็แก่ๆทั้งนั้น”
“อ้าว อยากได้แก่ๆเหรอ เดี๋ยวผมจะให้พ่อมาเป็นลูกน้องเอาไหม”
“ไม่เอา นายนั่นแหละอยู่ก่อน”
“อะไรอีกล่ะลูกพี่ มีอะไรก็พูดมา”
“ที่นี่บ้านกำนันบุญมี แล้วเรามาอยู่นี่ได้อย่างไรกัน”
“อ้าว ก็ลูกพี่เป็นลูกชายกำนันบุญมี จะไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
“จริงเหรอ”มิคกี้รู้สึกมึนงง และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้เห็นในช่วงเวลานี้ที่แปลกออกไป
“ป่ะโธ่ ลูกพี่เป็นอะไรไปเนี่ย บอกแล้วว่าอย่าหนีกำนันไปเที่ยวงานวัด โดนตัวอะไรเข้าสิงล่ะเนี่ย”
“งานวัดอะไรไม่เคยไป เราไปเล่นฟุตบอลมา”
“ฟุตบงฟุตบอลอะไรไม่เคยเห็นเล่น มีแต่เมื่อคืนช่วงหัวค่ำ ขึ้นไปต่อยมวยแล้วโดนน็อค สลบล้มฟุบคาเวที”ไก่แอบหัวเราะนิดๆ
“นายนั่นแหละบ้า เราไม่เคยชกมวยเลย”
“ไม่เคยก็ไม่เคย ผมไปก่อนนะเดี๋ยวมาหา ไปอาบซะหน่อย เมื่อคืนกว่าจะพาลูกพี่มาได้เล่นเอาผมเหนื่อยเลยนะ”ไก่รีบเดินออกจากห้องนอนในทันที
“เดี๋ยวก่อน”มิคกี้เรียกไก่ไม่ทัน เพราะไก่รีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มิคกี้นั่งลงบนเตียงแล้วครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างหน้าประหลาดใจยิ่งนัก มิคกี้จำได้ลางๆว่ากำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนอยู่ และในช่วงเวลานั้นที่เขาไล่เลี้ยงฟุตบอลมาถึงหน้าประตู พอได้จังหวะเหมาะเขาเตะลูกฟุตบอลเพื่อหวังทำประตู แต่ดันพลาดโดนคานประตู ลูกฟุตบอลกระเด็นมาโดนที่ศีรษะของเขา จนล้มลงฟุบกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ ณ ที่แห่งนี้
มิคกี้ก้มหน้าก้มตาด้วยความสับสน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน มิคกี้นั่งนิ่งๆอยู่พักหนึ่ง เขาก็คิดถึงคำพูดของไก่ที่บอกให้อาบน้ำและไปกินข้าว มิคกี้จึงทำตามสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อน สิ่งแรกที่เขาต้องหาคือผ้าเช็ดตัวเพื่อมาผลัดเสื้อผ้า แต่ก็หาไม่เจอเขาวนหาจนรอบห้อง เจอแต่ผ้าขาวม้าลายแดงขาว มิคกี้หยิบขึ้นมาดูซึ่งมันบางมาก แต่เขาไม่มีทางเลือก จึงนุ่งผ้าขาวม้าเพื่อถอดกางเกงออก หลังจากนั้นเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้อง
พอมิคกี้เข้ามาภายในห้องน้ำเขามองหาฝักบัว แต่ก็ไม่พบได้แต่เห็นโอ่งน้ำลายมังกรที่มีขันสีเขียววางอยู่บนฝาอลูมินเนียม มิคกี้จึงเปิดหยิบขันออกเปิดฝาโอ่งวางไว้ หลังจากนั้นมองซ้ายมองขวามองบน เพราะเขากลัวคนมาแอบดูเมื่อคิดว่าปลอดภัย มิคกี้จึงถอดผ้าขาวม้าพาดไว้ หลังจากนั้นตักน้ำในโอ่งราดตัวร่วมสิบขัน
เมื่อตัวเปียกซุ่มมิคกี้หาครีบอาบน้ำแต่ไม่เจอ เห็นมีสบู่ตรานกแก้วมิคกี้จึงจำเป็นต้องหยิบมาใช้ถูตัว มิคกี้อดคิดไม่ได้ว่ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน ข้าวของเครื่องใช้ทำไมไม่คุ้นเคย เหมือนอย่างที่เขาเคยดูในหนังละครไม่ผิดเพี้ยน มิคกี้ทนอาบน้ำที่แสนจะเย็นจนขนลุก เขาจึงรีบอาบรีบออกมาจากห้องน้ำ และเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีแต่ชุดที่ไม่ใช่แนวของเขาเลย มิคกี้ถึงกับกุมขมับด้วยความมึนงง เพราะในชีวิตของมิคกี้มีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม
มิคกี้ไม่รู้จะใส่ชุดอะไรเขาจึงเลือกกางยีนส์ตัดขาสั้น และมีรอยขาดตรงต้นขากับเสื้อยืดสีดำสกรีนลายรูปปิศาจ เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จก็ยืนนิ่งอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรดี เขาสับสนอลหม่านจิตใจเพราะคิดอะไรไม่ออก ถ้าจะถูกจับตัวมาทำไมถึงอยู่ในห้องแบบสบายๆ มิคกี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเปิดประตูออกไป
สิ่งที่มิคกี้เห็นไปลานกว้างๆที่พื้นเป็นไม้ขนาดใหญ่ เขามองไปรอบๆซึ่งกว้างมาก และผนังบ้านก็เป็นไม้เช่นกัน มีรูปผู้หญิงผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆติดไว้ และอีกรูปหนึ่งเป็นรูปของเขาเอง มิคกี้ยืนมองดูรูปตัวเองอยู่นาน จนสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังมาจากข้างหลัง
“ไอ้ต่อมึงยืนทำซากอะไร มากินข้าวซิวะ”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
มิคกี้หันหน้าไปมองทันที ซึ่งชายที่เรียกก็เป็นคนเดียวกับคนในรูป มิคกี้หันมองรูปถ่ายอีกรอบ และเขาได้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าเหมือนคนในรูปถ่าย
“ต่อเอ่ย มากินข้าวเร็วลูก”หญิงสาววัยกลางคนเรียก
มิคกี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากทำตัวเนียนและหาจังหวะหลบหนีจากที่แห่งนี้ให้จงได้ เขาเดินไปเรื่อยๆและนั่งลงกับพื้นไม้ใกล้ๆชายหญิงคู่นั้นที่เรียกขานเขา
“ของโปรดของเองเลย น้ำพริกแมงดา”จันทราหญิงสาวพูดขึ้น
“ครับ”มิคกี้สะอึกกับคำว่าแมงดา แต่เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก
“ตักข้าวซิไอ้ต่อมึงจะให้แม่มึงตักให้เหรอ”กำนันบุญมีอดรำคาญลูกชายที่นั่งนิ่งๆไม่ได้
“ที่นี่ที่ไหนครับ”มิคกี้กลั้นใจพูด
“ก็บ้านกูซิวะ”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ลุงเป็นใครเอาผมมาอยู่ด้วยทำไม”
“มึงก็ลูกกูซิไอ้ต่อ มึงเป็นบ้าอะไรของมึง”
“ผมไม่ใช่ลูกลุง พ่อผมเป็นรัฐมนตรี”
“ต่อ ทำไมพูดกับพ่ออย่างนั้น แม่ไม่ชอบเลยที่ลูกพูดจาฟังไม่ได้”จันทราพูดแทรกทันที
“คุณไม่ใช่แม่ผม แม่ผมเป็นคุณหญิง”
“ต่อเป็นอะไรมากไหมนี่ลูก เมื่อคืนลูกไปไหนมาโดนอะไรมาหรือเปล่า”จันทรารู้สึกสงสัย เพราะเธอพึ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าว่าลูกชายไปเที่ยวงานวัด และได้ขึ้นชกมวยแต่แพ้น็อคสลบกลางเวทีมวย
“มันคงยังมึนๆอยู่ เมื่อคืนพี่งแพ้น็อคคาเวที เสียชื่อลูกกำนันหมด ทีหลังถ้าอ่อนซ้อมก็ไม่ต้องไปชกมวยอายเขา”
“ผมไม่ได้ไปชกมวย ผมเล่นฟุตบอลอยู่ แล้วลูกฟุตบอลมันกระเด็นมาโดนศีรษะผมเลยสลบ ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่”
“มึงประสาทกลับแล้วมั้งไอ้ต่อ พูดจาเลอะเลือนฟังไม่ได้เลยนะ”
“ผมไม่ได้ประสาทกลับ ผมไม่ได้ชื่อต่อ ผมชื่อมิคกี้อยู่กรุงเทพ ไม่ใช่ที่ต่างจังหวัดอย่างนี้”
“พ่อลูกเราอาการหนักน่าจะพาไปหาหมอไหม”จันทราหันมามองกำนันบุญมี
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมว่าพวกคุณมากว่าที่ต้องไปหาหมอ จูจู่ก็พาผมมาที่นี่แล้วหาว่าเป็นลูก”
“แม่ ดูมันพูด นั่นปากมันเหรอนะ แบบนี้มันต้องโดนหวาย”กำนันบุญมีรีบเรียกลูกน้องทันที
“ไอ้ไก่ เอาหวายมาที”
“ครับ” ไก่วิ่งมาพร้อมถือหวายมาด้วย
“กำนันจะเอามาทำอะไรเหรอครับ”ไก่ถาม
“เอามาตีไอ้ลูกทรพีนะซิ กูเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มันยังหาว่ากูไม่ใช่พ่อมันอีก ให้เรียนหนังสือก็ไม่เรียน จบมอหกแล้วให้สอบเอ็นทรานซ์ก็ไม่ไป เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วก็จะหมดเขต”
มิคกี้ฉุกคิดได้ทันทีเมื่อได้ยินว่าต้องไปสอบเอ็นทรานซ์ เขาจึงหยุดพูดตอบโต้กำนันบุญมี เพราะมิคกี้คิดว่าขืนเขายังไม่หยุดอาจโดนเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่
“ถ้าคุณตีผม ผมก็จะไม่ไปสอบเอ็นทรานซ์”
“มึงพูดอะไรนะ พูดอีกที”กำนันบุญพูดขึ้น
“ผมจะเรียนต่อ แล้วก็จะไปสอบเอ็นทรานซ์”
“ไอ้ไก่ เอาหวายทิ้งไปไกลๆเลย เผาไฟยิ่งดี”
“อะไรของกำนันเนี่ย”ไก่พูดขึ้น
“ไอ้ไก่มึงอย่าพูดมาก กูบอกให้เอาไปทิ้ง กูจะไม่ใช้มันแล้ว”
“ครับพ่อกำนัน”
“ต่อ พูดจริงใช่ไหม”จันทราหันหน้ามามองมิคกี้
“จริงครับ แม่”มิคกี้พยายามทำตัวเนียน เพราะเขาดูแล้วว่าชายหญิงคู่นี้ไม่ได้หวังร้ายกับเขา
“แหม ลูกพี่พอเจอหวายนี่สมองกลับทันทีเลยนะ”
“ไอ้ไก่ถ้าไม่หุบปากเดี๋ยวกูจะตีมึงแทน”
“ไม่พูดแล้วกำนัน”
“แล้วมึงจะเรียนคณะอะไร”กำนันบุญมีถามด้วยความอยากรู้
“บริหารธุรกิจครับ”มิคกี้พูดอย่างหนักแน่น
“เรียนรัฐศาสตร์ดีกว่าไหมลูก”กำนันบุญมีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ได้ครับ”มิคกี้รับคำไปอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าพอไปสอบแล้วก็จะหาทางกลับบ้านไปด้วย
“มึงนี่เวลาไม่ดื้อก็น่ารักดีไอ้ลูกพ่อ”กำนันบุญมียิ้มไม่หุบ
“ดีแล้วลูก”จันทราปลื้มใจอย่างที่สุด ที่ลูกชายเปลื่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“ไอ้เรื่องสอบอย่าไปเครียดเลย ถ้าสอบไม่ได้เอกชนก็มีพ่อมีปัญญาส่งมึงเรียน ขอแค่ให้มึงเรียนแค่นั้นแหละ”
“ครับพ่อ”มิคกี้เผลอพูดคำว่าพ่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วมึงจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”
“มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาครับ”
“เอาอย่างงั้นเลยเหรอ ที่นี่เขาว่าเข้าอยากมากนะ”
“ผมเคยเรียนที่นี่แล้ว ไม่น่าอยากสำหรับผม”
“มึงเข้าไปเรียนตอนไหนวะ”กำนันบุญมีเกาหัวด้วยความมึนงง
“เอ่อ ในฝัน ผมฝันว่าอยากเข้าเรียนที่นี่ครับ”
“เอ่อดี ที่ไหนก็ได้พ่อสนับสนุน”
“ครับพ่อ”
“แม่ตักข้าวให้ไอ้ต่อมันซิ ปานนี้หิวแย่แล้ว มัวแต่คุยกันตั้งนาน”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ไหนพ่อไม่ให้ตักไง ให้ลูกตักข้าวกินเอง”
“แม่จันทราก็ อันนั้นมันเมื่อกี้แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“จ๊ะ”จันทราอดยิ้มไม่ได้
เมื่อจันทราตักข้าวมาให้มิคกี้ เขาก็นั่งมองข้าวที่เต็มจาน พร้อมอาหารตรงหน้าที่มีน้ำพริกแมงดา ผักบุ้งต้ม ข้างๆก็เป็นแกงส้มมะละกอ มิคกี้มองไปมองมา แล้ววางช้อนไว้ในจานข้าวอย่างเดิม
“ทำไมไม่กินล่ะลูก”จันทราพูดขึ้น
“ผมกินเผ็ดไม่ได้ครับ”
“ใช่ๆ มันพึ่งโดนต่อยปากนะ ดูซิเจ่อเลย”กำนันบุญมองไปที่ริมฝีปากของลูกชาย
“เดี๋ยวแม่ไปทอดไข่เจียวให้กินนะ”
“ครับแม่”
มิคกี้นั่งมองจันทราที่รีบลุกขึ้นไปทอดไข่เจียวในห้องครัว ส่วนเขาก็นั่งนิ่งๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนกำนันบุญมีก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้แปลกไปมาก แต่เขาก็ไม่สนถ้าแปลกในแง่ที่ดีขึ้น
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
© 2018-now MeghaBook
บนสุด