/0/22513/coverbig.jpg?v=37701b50be563714dacaafd396929775)
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ค่ำคืนแห่งความอันตราย ผมหวาดกลัวและหวาดระแวงเมื่อได้เผชิญหน้ากับแวมไพร์ตัวเป็น ๆ รูปลักษณ์ของมันน่าขยะแขยง เรียวปากแสยะยิ้มน่ากลัวเชือดเฉือนหมายจะฆ่าชีวิตพวกเราสองพ่อลูก ใจของผมสั่นกลัว เพราะกลัวว่าจะสูญเสียคนในครอบครัวไปอีกคนหนึ่ง ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนเข้าไปในกระดูกผมจดจำมันได้ดี ร่างกายของผมอิดโรย พยายามฝืนดวงตาให้เปิดออกชำเลืองมองดูบาดแผลบนตัว เลือดที่ไหลออกมาจากไหล่ด้านซ้ายมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยในตอนนี้ ก่อนจะเลื่อนสายตามองจ้องแผ่นหลังของพ่อที่กำลังขับรถพาผมหนีออกมาจากแวมไพร์กลุ่มนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราปลอดภัยแล้ว แต่จู่ ๆ ภาพของพ่อก็กลายเป็นหมอกสีขาว และตัวผมเองก็สลบไปโดยไม่ร
ู้ตัว
บ้านของเรย์
ผมลืมตาตื่นมาบนเตียงด้วยร่างกายที่ยังเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยไปทั้งตัว ในขณะที่ขยับตัวความรู้สึกเจ็บจี๊ดพลันแล่นขึ้นมาที่บริเวณแขนด้านซ้าย เมื่อมองดูมันจึงเห็นว่าถูกพันด้วยผ้าพันแผลไว้เป็นอย่างดี อาการมึนหัวยังคงไม่หายไป
ดวงตาสีน้ำเงินมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ภาพเลือนรางชัดเจนขึ้น ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยสีดำ ในขณะที่แสงพระอาทิตย์กำลังถูกบดบัง หางตาเล็กหันกลับมาสำรวจรอบห้องก็พบว่ามันคือห้องของเขาเอง เหตุการณ์เมื่อคืนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง มันย้ำเตือนถึงอันตราย และทำให้เรย์ร้อนใจรีบดีดตัวลุกจากที่นอน
“เมื่อคืนพวกเราสู้กับแวมไพร์ แล้วนี่มัน...เป็นช่วงดึกของอีกวันแล้วงั้นเหรอ” ผมรีบวิ่งตรงไปที่ห้องของพ่ออย่างไม่ลังเล
“พ่อครับ!” ผมเปิดประตูห้องเข้าไปแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ‘หรือว่าจะอยู่ข้างล่างนะ ที่ห้องครัวงั้นเหรอ’
“พ่ออยู่หรือเปล่า” แม้จะเดินลงมาดูที่ห้องครัวก็ไม่มีวี่แววของพ่ออยู่เลย
“พ่อออกมาเถอะครับ” ผมยังคงวิ่งวนหารอบบ้านเปิดดูห้องนู้นห้องนี้และรับรู้ด้วยตัวเองว่าผมกำลังจะขาดสติ
‘ไปไหนของเขานะ รถก็ยังจอดอยู่นี่นา’
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก แต่ปลายสายไม่มีการตอบรับใด ๆ ทำให้ผมร้อนใจกดโทรหาพ่อซ้ำ ๆ
“ตื่นแล้วงั้นเหรอ” เสียงปริศนาของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากในห้องนั่งเล่น เสียงนั้นทำเอาผมตกใจจนสะดุ้งโหยง น่าแปลกที่มัน...เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย เพียงแต่ไม่ใช่เสียงพ่อของผม!!!
เมื่อผมหมุนตัวไปมองตามเสียงก็ต้องชะงักหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
‘ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ เขามาอยู่ในบ้านของผมได้ยังไง!?’
ดวงตาของคนทั้งคู่สบเข้าด้วยกัน เรย์จ้องมองอีกคนด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะคว้าปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวขึ้นจ่อตรงไปที่เขาด้วยมือที่สั่นระริกจากความกลัว
“นายมาอยู่ที่บ้านของฉันได้ยังไง?” คนร่างสูงเดินเข้าหาคนตัวเล็กทั้งที่ยังไม่ตอบอะไร สีหน้าของเขาเรียบนิ่งจนคนตัวเล็กเดาไม่ถูกว่าคนตรงหน้าคิดจะทำอะไรกันแน่
“ยะ...อย่าเข้ามา!!!” เรย์ค่อย ๆ ถอยออกห่างจากผู้ชายตรงหน้า
“ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” สองมือของเขายกขึ้นคล้ายเป็นการบอกอีกนัยหนึ่งว่าไม่มีอาวุธ พลางมองจ้องไปที่เรย์ด้วยสายตาไม่ประสงค์ร้าย คนตัวเล็กหลบสายตาจากคนตรงหน้า สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือความปลอดภัยของพ่อ
“เรย์...” คนเสียงทุ้มเรียกชื่อคนตัวเล็กออกมาอย่างแผ่วเบา เขายังคงก้าวเท้ายาวตามเรย์ที่ถอยออกห่างจากตัวเขา
“นายมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ตอบมา!” เรย์มองชายเส้นผมสีดำสนิทด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ดวงตาสีน้ำเงินจดจ้องอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หางตายกสูงหมายเค้นคำตอบจากคนตรงหน้า
“อยากรู้เรื่องพ่อไม่ใช่เหรอ”
“นายรู้อะไร!”
“ตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันจะบอกให้ดี” เรย์มีสายตาที่คาดหวัง คนตัวสูงไม่อยากโกหกเรย์อีกต่อไป เขาคิดเพียงว่าเรย์ควรได้รับรู้ความจริง
“พ่อของนาย...ไม่รอดแล้ว” เพียงคำกล่าวที่นิ่งเรียบ ทำให้เรย์ตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูดออกมาจนสติแทบหลุดไป
ไม่จริง!!!
ไม่มีทาง!!!
ไอ้หมอนี่!!! มันโกหก!!!
“พูดบ้าอะไรของนายวะ!!!” เรย์สบถใส่หน้าเขา น้ำตาของเรย์เริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาสีครามที่บอบช้ำนั้น ตัวสั่นเครือ สายตาเบือนหนีจากคนตรงหน้า ก่อนจะผลักคนตัวสูงให้หลบแล้ววิ่งตรงไปที่ประตูทางออก แน่นอนว่าเรย์ไม่เชื่อในสิ่งที่ถูกเปล่งออกมาจากปากของเขา
“ไปที่นั่นไม่ได้! อยากถูกฆ่าตายหรือไง!” คนร่างบางขาดสติไปแล้ว ร่างสูงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งตามไป มือหนาคว้ากอดเอวของเรย์ดึงรั้งเข้าหาตัวเขา
ฮึก ฮึก...ฮือ
“ปล่อย!!! อย่ามาจับตัวฉัน อย่ามาขวาง” เรย์ดิ้นและร้องไห้โฮออกมา เขากำลังเสียใจอย่างหนักจนคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ด้วยท่าทีของคนร่างสูงที่ไม่ยอมปล่อยเรย์ง่าย ๆ คนตัวเล็กเลยต่อว่าเขาไปอีก
“ปล่อยดิวะ ไอ้เลว! นายเป็นคนของพวกมันสินะลูคัส” คนตัวสูงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เรย์ก็กระโดดเหยียบเท้าคนที่กอดจากด้านหลังซ้ำ ๆ ทั้งยังกระทุ้งศอกแหลมเข้าที่หน้าท้องหลายครั้งจนคนตัวสูงต้องยอมปล่อย ทันทีที่ร่างกายหลุดพ้นจากพันธนาการเรย์จึงเร่งฝีเท้าก้าวยาวพยายามคว้าบิดกลอนประตู
“หยุด!!!”
น้ำเสียงที่เย็นชาและดุดันของเขาไม่อาจหยุดการกระทำของเรย์ได้ ดูเหมือนเรย์จะไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกแล้ว และกำลังคลุ้มคลั่ง
“ถ้านายไม่หยุด ฉันจะจูบนาย!!!” ประโยคที่ฟังดูจริงจังดังมาจากข้างหลัง คนร่างสูงจับแขนของคนตัวเล็กกระชากกลับมา
[Talk Lucus]
‘เรย์รู้ว่าผมเป็นแวมไพร์จริงด้วยสินะ แต่ช่างเถอะ เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้วผมเห็นเรย์ปวดใจ ผมเองก็...ปวดร้าว’
ผมรวบกอดเอวของเรย์ดึงเข้าหาตัวและล็อกไว้แน่นกว่าเดิม เรย์ยังคงดิ้นไม่หยุด เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ดวงตาสีน้ำเงินเศร้าหมอง น้ำตาใสไหลออกมาไม่หยุด
ดวงตาคู่นี้เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจซึ่งในตอนนี้มันไม่เหมือนเคย เรย์กำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง เขากำลังกลัว พร้อมทั้งสายตาที่สื่อว่าเขากำลังโกรธแค้น และรังเกียจผม
‘ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ผมทนมองดวงตาที่เผยความรู้สึกทรมานของเรย์...ไม่ไหวแล้วล่ะ’
มือหนายกขึ้นจับท้ายทอยคนตัวเล็กโน้มกอดร่างบาง คนร่างเล็กศีรษะแนบซบกับอกกว้างของเขาทำให้ได้ยินเสียงหัวใจเราทั้งคู่ดังประสานกันไปมา
“ฮือ...ฮึก นายทำแบบนี้ทำไมลูคัส!!!” มือเรียวยกขึ้นทุบตีคนตรงหน้า
“ฉันไม่ได้อยากทำ” มือใหญ่ยกขึ้นจับล็อกมือเล็กทั้งสองไว้ด้วยมือเดียว เขาพยายามจะอธิบาย
“นายไม่ต้องแสร้งทำเป็นคนดี นายมันตัวอันตราย อยากฆ่าฉันอีกคนก็เอาเลย ฉันไม่เหลือใครแล้วลูคัส!!!” เรย์พ่นประโยคยาวออกมาด้วยความโมโหและเสียใจ คำพูดของเรย์มันเสียดแทงและกัดกินไปจนถึงขั้วหัวใจของผม
ลูคัสมองเรย์ด้วยสายตาที่เจ็บปวด เขาเองก็รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อของเรย์ได้
คนตัวสูงจับแขนเล็กทั้งสองข้างไว้ในเกาะกุม วางมือเรียวไว้บนแผงอกกว้างที่เสียงของหัวใจเต้นดังออกมา ยิ่งเขาทำแบบนี้ เรย์กลับยิ่งอึดอัดใจ
“ฉันขอโทษ ๆ ๆ” ลูคัสไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ เขาทำได้เพียงขอโทษเรย์ซ้ำ ๆ
“ฮึก ฮือ ปล่อย!!! อย่ามากอดฉัน อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเกลียดนายลูคัส ฉันเกลียดนาย!!!” คำพูดของเรย์ทำให้ผมเจ็บลึกภายในใจยิ่งกว่าเดิม ผมกลัวว่าเรย์จะเกลียดผมจริง ๆ ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนแปลงไป
“เกลียดฉันมากเลยเหรอ” คำพูดก่อนหน้านั้นของเรย์ทำให้หัวใจของผมแทบแหลกสลาย ผมไร้เรี่ยวแรงจะเอ่ยคำใดออกมา ทำได้เพียงปล่อยเรย์ให้เป็นอิสระ
แววตาของลูคัสเศร้าหมอง นัยน์ตาสีรัตติกาลยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของเรย์ และหวังจะฟังคำตอบที่ไม่เลวร้ายเกินไป
“เออ ฉันโคตรเกลียดนาย ฉันไม่น่ามีเพื่อนแบบนายเลย ไม่ควรไว้ใจนายตั้งแต่แรก นายมันเห็นแก่ตัว! ไปให้พ้น อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” เรย์พูดประโยคยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงเศร้าที่เจือไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง ทั้งยังตะโกนไล่ผมให้ออกไปจากบ้านของเขา
‘ฉันไม่เคยอยากเป็นแค่เพื่อนสำหรับนาย...เรย์’ ประโยคที่ลูคัสเปล่งออกมาได้เพียงความคิด สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ความไว้ใจจากเรย์ที่มีต่อผมมลายหายสิ้นไม่เหลือชิ้นดี
[Talk Ray]
ผมขยะแขยงเขามากกว่าเดิม ทั้งที่เขาทำผิดยังกล้าเสนอหน้ามาให้ผมเห็น และผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องพูดประโยคนี้กับเขา แม้ผมจะโกรธเขามากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่กล้าทำร้ายเขา เพราะผมมันอ่อนหัด!
“ไปให้พ้น!!!” เรย์ยังคงพูดออกมาอย่างจริงจังแม้ตัวและเสียงจะสั่นเทาด้วยความโกรธ
ลูคัสถูกเรย์ตะเบ็งเสียงไล่อีกครั้ง เขาจึงเริ่มยอมรับแล้วว่ากำลังถูกรังเกียจ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป จากใบหน้าที่คล้ายรู้สึกผิดกลับมีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ปรากฏอีกครั้ง
“งั้นช่วย...เกลียดฉันให้มากกว่านี้” ทั้งที่พยายามไล่เขา แต่เขากลับกระทำในสิ่งตรงข้าม ลูคัสเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิม ผมถอยหลังจนติดเข้ากับกำแพงบ้าน เขาเข้ามาใกล้ผมมากเกินไป แขนยาวของเขาทั้งสองข้างวางขนาบซ้ายขวาบนกำแพงปิดกั้นไม่ให้ผมหลบหนีไปได้
“นะ...นายจะทำอะไร” เรย์พูดเสียงสั่น คนตรงหน้าทั้งน่ากลัวและไม่น่าไว้ใจที่สุด คนร่างบางคิดเพียงว่าถ้าอยู่แบบนี้ต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่
พึ่บ เรย์ตัดสินใจมุดลอดตรงหว่างแขนของคนตัวสูง หมุนตัวหลบออกมา ก่อนจะคว้าปืนลั่นไกใส่ลูคัส
ปัง!!!
ลูกกระสุนถูกปล่อยออกไป แต่เพราะความเร็วของลูคัสทำให้เขาหลบมันได้อย่างหวุดหวิด มือหนาปัดปืนบนมือคนตัวเล็กตกลงพื้น เรย์วิ่งคว้าหยิบปืนขึ้นมาได้ แต่คนร่างสูงก็จับล็อกแขนทั้งสองของคนตัวเล็กเข้ากับกำแพง เรย์พยายามสู้แรงของลูคัสแต่ยังคงติดอยู่ในการควบคุมของเขา
“แรงเยอะดีนะเรย์ ดื้ออีกสิฉันชอบ” เสียงดุเข้มหนักแน่นของลูคัสพร้อมกับแรงกดที่แขนผม ทำเอาเรย์รู้สึกอึดอัด
“พูดบ้าอะไรของนาย ฉันไม่ตลก!!!”
“ฉันก็ไม่ตลก คนเลวแบบฉันก็เหมาะกับการทำเรื่องเลว ๆ อยู่แล้วนี่”
“...”
“ต่อจากนี้นายจะมีฉันอยู่ในใจตลอดเวลา” คนร่างบางสบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาล ดวงตาเล็กสั่นระริกเพราะคำพูดของคนตรงหน้าบอกเขาเป็นนัยแล้วว่าต้องการที่จะทำอะไรบางอย่าง
เพียงชั่วพริบตาคนร่างสูงโน้มใบหน้าหล่อเข้าหาคนร่างเล็กที่แขนทั้งสองยังคงถูกตรึงเข้ากับกำแพง แม้จะอยากขัดขืนแต่ร่างกายกลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
‘คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะเลิกเกลียดนายงั้นเหรอ’
สัมผัสเย็นเยือกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่บริเวณมุมปากของคนตัวเล็ก เรย์พยายามเอียงใบหน้าหลบไม่ให้โดนริมฝีปากแต่คนร่างสูงกดร่างของเรย์ไว้แน่นจนคนตัวเล็กขยับออกไม่ได้
“ไม่ต้องเลิกเกลียดหรอก เกลียดฉันให้มากกว่านี้คือสิ่งที่ฉันต้องการ” ลูคัสยกริมฝีปากขึ้น น้ำเสียงเย็นชาถูกเปล่งกระซิบข้างใบหูเล็ก เขาตอบกลับคล้ายว่าอ่านใจของเรย์ได้ พร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์เชือดเฉือนคล้ายจะสังหารเหยื่อก่อนโน้มตัวเข้าหาคนร่างบางอีกครั้ง เรย์ยังคงพยายามหลบสัมผัสจากริมฝีปากหนาเม้มปากไว้สนิทไม่ยอมได้คนร่างสูงได้สัมผัสมัน คนร่างสูงยังไม่หยุดลงมือ เขาเลื่อนตำแหน่งกดริมฝีปากหนาลงบนแก้มขาวเนียนของเรย์อย่างหื่นกระหาย
มันทั้งเย็น ทั้งอึดอัด ผมสู้แรงของเขาไม่ได้เลย เขาไม่ยอมผ่อนแรง ริมฝีปากที่เย็นเฉียบกลับเลื่อนลงมาสัมผัสที่ลำคอของผม ทั้งยังกัดและขบเม้มซ้ำ ๆ หลายจุดจนผมเจ็บ
‘ถ้าผมไม่รีบลงมือ เขาต้องทำมากกว่านี้แน่’
“เจ็บ ปล่อยนะเว้ย!” เรย์ดิ้นไม่หยุดพร้อมทั้งทั้งโวยวายเสียงดัง ขาเรียวยาวพยายามถีบเข้าหาคนข้างหน้าจนคนตัวเล็กหลุดออกมาจากเกาะกุมของเขาได้
[Talk Lucus]
เรย์รังเกียจผมมากจริง ๆ สินะ ถ้าหาก...ผมเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เคยทำให้เขาเสียใจ เขาจะปฏิเสธผมหรือเปล่า
ถึงอย่างนั้นผมก็ทำได้แค่เพียงความคิด ผมยอมรับว่าผมเคยคิดทำร้ายเรย์ แต่มันก็ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมรู้สึกไม่อยากสูญเสียเรย์ไป ถ้าผมเลือกได้ ผมก็ไม่อยากที่จะไปจากเรย์ ผมอยากปกป้อง ผมอยากเป็นเพียงคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมอบความสุขให้กับเรย์อย่างที่ใจอยากจะทำ
แต่ความจริงแล้ว...ผมเป็นตัวอันตราย ผมไม่อาจเข้าใกล้ใครได้ผมรู้ตัวดี ทุกอย่างมันผิดที่ผมเอง ความรักจากคนอย่างผม มันผิดที่ผิดเวลา และเรย์คงไม่ต้องการ
‘สุดท้าย...ผมก็เป็นแค่คนที่ไม่เคยได้หัวใจของเขา’
ปัง ปัง ปัง!
เรย์ตั้งสติได้ ตัดสินใจลั่นไกใส่ลูคัส เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ลูคัสก็หายตัวไปแล้ว
“โธ่เว้ยลูคัส ฉันเกลียดนาย ขยะแขยงนาย!!!” เสียงของเรย์ตะโกนร้องลั่นบ้าน รีบเดินไปที่อ่างน้ำ ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและสัมผัสจากลูคัส เรย์รีบล้างสิ่งสกปรกเหล่านั้นออกทันที ร่างเล็กทรุดตัวลงข้างอ่างน้ำ นั่งชันเข่าฟุบหน้าลงก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ลูคัสโดนกระสุนเงินของเรย์ ถ้าไม่เจ็บหนัก ก็คงตายไปในที่สุด เรย์ยังคงแสดงความอ่อนไหวและแอบสงสารเขา โทษตัวเองอยู่ภายในใจกับความอ่อนแอของตน
บ้านที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงร้องไห้ของเรย์ และรอยหยดเลือดเปื้อนบนพื้นบ้านส่งกลิ่นคาวคลุ้ง เรย์พึมพำร้องเรียกหาพ่อ ใบหน้ากลับมาเจือด้วยน้ำตาอีกครั้ง
พ่อครับ พ่ออยู่ที่ไหน~
ฮึก ฮึก~
ฮือ~
บ้านของเจค
ตื้ด ตื้ด~ เจคกดโทรออกหาเรย์หลายต่อหลายครั้ง
“ทำไมเรย์ไม่รับสายเราเลยวะ” ผมรอเรย์ตอบกลับมาทั้งวันแต่เรย์กลับหายเงียบไป ไม่อ่านข้อความ ไม่รับโทรศัพท์ เขากำลังทำให้ผมกระวนกระวายจนหงุดหงิด คนร่างสูงเดินวนไปวนมารอบห้อง
ปึง! เจคเปิดประตูออกมาจากห้องเสียงดังกระทบกำแพง
เพียงปลายนิ้วคว้าจับกุญแจรถที่แขวนไว้ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากห้องอาหารซึ่งเป็นเสียงของคาร่า
“มึงจะไปไหน”
“มึงอย่าไปเลยเจค พวกกูขอร้อง” ธามพูดอ้อนวอนเจค พร้อมสีหน้าที่คาดหวังว่าเจคจะไม่ทิ้งพวกเขาไป
ผมสบตากับเพื่อนทั้งสอง ผมเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ดี พวกเราเพิ่งสูญเสียรูดี้ไปทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกหวาดระแวง และไม่ปลอดภัย ซึ่งผมเองก็เป็นเหมือนหัวหน้าของพวกเขา ตอนนี้คาร่าเองก็บาดเจ็บ และทุกคนต่างเสียใจกับการจากไปของรูดี้ แต่ว่าผม...ก็เป็นห่วงเรย์เหมือนกัน
“โธ่เว้ย!!!” เจคปล่อยหมัดใส่กำแพง เลือดไหลซิบออกมา ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกแล้ว
19.00น.
ติ๊ง!
“ครับ” ข้อความสั้น ๆ ที่ถูกตอบกลับจากเรย์
ครืด~ ผมรีบกดโทรหาเรย์ทันที
“ฮัลโหลครับ” เรย์พยายามทำเสียงให้เป็นปกติแม้เมื่อเปล่งออกมาแล้วจะฟังดูเศร้ามากก็ตาม
“เรย์หายไปไหนมา ทำไมเพิ่งตอบพี่”
“ผมแค่ไม่สบาย พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับหรอกครับ ยังไงผมก็จะลาหยุดอยู่แล้ว”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า เสียงเหมือน...ร้องไห้” เสียงของเรย์ไม่สดใสเหมือนทุกครั้ง ทำให้เจคสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“อื้ม แค่นี้ก่อนนะครับ” เรย์กดตัดสายไป นี่เป็นครั้งแรกที่เรย์มีท่าทีแปลกไป
‘ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่’ เจคใช้ความคิด ความกังวลกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเขา
ครืด ครืด ครืด~
ผมรีบวางสายจากพี่เจค และปล่อยให้โทรศัพท์โทรออกหาพ่ออัตโนมัติหลายร้อยสาย ไม่มีสักครั้งเลยที่พ่อจะกดรับมัน
“พ่อ รีบกลับมานะครับ ฮึก ฮึก”
“พ่อ ผมรออยู่นะ”
“พ่อ ทำไมไม่รับสายผมเลย”
“ฮึกก พ่อครับ”
“พ่อ ผมจะไม่แกล้งพ่อแล้ว”
“ผมจะไม่ดื้อแล้ว”
“พ่อครับ โกรธอะไรผมอยู่หรือเปล่า กดรับสายเถอะนะครับ”
“พ่อ...ผมคิดถึงพ่อ”
“ไหนบอกจะไม่ทำให้ผมเป็นห่วงไง ฮึก ฮือ”
“ไหนพ่อบอกว่า...จะไม่ทิ้งผมไปอีกคนไง”
“สัญญากันแล้วนี่ครับ”
“พ่อต้องกลับมาหาผมนะ”
“พ่อ...พ่อ...พ่อครับ”
“แม่ครับ ฮือ” เรย์เศร้าเสียใจ ปมในใจของเขากำลังถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง เขากำลังเคว้งคว้างจนเผลอเรียกหาแม่
เรย์นอนหน้าแนบหมอน คำพูดเปล่งเป็นน้ำเสียงที่สั่นเครือกลั่นออกมาจากความรู้สึก ในก้นบึ้งของจิตใจ น้ำตาไหลลงหมอนจนเปียกชื้นพลางมองจ้องโทรศัพท์ และภาวนาให้พ่อกดรับสาย กระทั่งดวงตาปิดลงอย่างไม่รู้ตัวด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งใจ
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"