รามสูรผู้ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธ เมขลาผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฎิเสธเขา เพราะค่ำคืนที่เร่าร้อนเพียงคืนเดียว ทำให้เขาติดใจในตัวเธอ แต่เธอกลับคิดจะหนี รามสูรจึงวางแผนเพื่อให้เมขลา มาเป็นทาสรักของเขา แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เธอกลับได้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาซะนี่
"เจ๊ มา ๆ ทางนี้ ทางนี้"
เสียงเพื่อนรุ่นน้องในที่ทำงานส่งเสียงตะโกนเรียก เมขลา หรือ เม พร้อมกับกวักมือเรียกเธอให้เดินเข้าไปหา ทุกคนยืนรอที่หน้าร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งในย่านแหล่งท่องเที่ยว วันนี้ที่แผนกของเธอมีการนัดเลี้ยงสังสรรค์กันประจำไตรมาส ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคราวนี้ถึงพากันมายังสถานที่แบบนี้ด้วย ซึ่งทุกทีก็ไปตามร้านอาหารธรรมดาหรือไม่ก็ร้านหมูกระทะซะมากกว่า จะบอกว่าเธอไม่ค่อยชินกับสถานที่แบบนี้เลยไม่ใช่ไม่ชอบนะแค่ไม่ชิน
"โอ้ย กว่าจะถึง ทำไมต้องมาที่แบบนี้ด้วยนะ"
เมขลาโวยเอากับเพื่อน ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย
พี่พัชร สาวใหญ่ใจดี อายุก็เลยหลักสี่ไปหลายแล้วแต่ก็ยังดูสวยใส และอ่อนกว่าวัย ตำแหน่งผู้จัดการแผนก
กระแต สาวน้อยวัยใสเพิ่งจบใหม่ มาทำงานได้สามเดือน
กระเจี๊ยบ สาวสวยประจำแผนกมีหนุ่ม ๆ ตามจีบไม่เว้นแต่ละวันวัยเบญจเพสพอดี
แล้วก็เธอ เมขลา อายุครบ 29 ขวบ เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง
"นี่แล้วเธอแต่งตัวอะไรของเธอ มาเที่ยวผับนะยะ ไม่ได้ไปวัด"
พี่พัชรพูดพร้อมกับกวาดตามองเมขลาตั้งแต่หัวจรดเท้า มองการแต่งตัวของเธอที่สวมกางเกงยีนส์ขายาวทรงบอย กับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวโคร่งติดกระดุมถึงเม็ดสุดท้าย
"พี่พัชรก็พูดเกินไป แบบนี้แหละสวยแล้ว สวยในแบบของหนู เขาไม่ได้กำหนดซะหน่อยว่าต้องแต่งแบบใหน"
เมขลาตอบสาวใหญ่ผู้จัดการแผนกไป
"มิน่าล่ะ เจ๊ถึงไม่มีแฟนสักที"
กระแตพูดขึ้นบ้าง
"การที่จะมีแฟนหรือไม่มีแฟนมันอยู่ที่เบ้าหน้าจ้าไม่ใช่การแต่งตัว เอ็งดูเบ้าหน้าเจ๊แกด้วย"
เมขลาตอบกระแตไป เพราะเธอคิดว่าที่ไม่มีใครมาจีบเธอนั้นเป็นเพราะว่าเธอขี้เหร่
"เข้าไปกันเถอะค่ะเจ๊ ๆ หนูยืนจนปวดขาแล้ว"
กระเจี๊ยบบอกกับทุกคนบ้าง ทั้งสี่คนจึงเดินเข้าไปข้างในร้าน เมื่อเข้ามาแล้วพี่พัชรบอกกับเด็กในร้านว่าจองโต๊ะไว้แล้ว เด็กคนนั้นจึงเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้
เมขลาทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บัญชีของบริษัทขนส่งขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในส่วนที่เธอทำคือสาขาย่อยไม่ใช่สำนักงานใหญ่ ที่ทำงานของเธออยู่ในเขตลาดกระบัง ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิแผนกเธอมีทั้งหมดสี่คนเป็นสาว ๆ ล้วน ปกติจะมีการสังสรรค์กันทุก ๆ ไตรมาสหรือสามเดือน โดยพี่พัชรให้เหตุผลว่าเพื่อกระชับพื้นที่ เอ้ยไม่ใช่ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่เมขลาคิดว่าน่าจะตอบสนองนี้ดของพี่พัชรมากกว่า
เมื่อนั่งโต๊ะกันเรียบร้อยแล้วก็สั่งเครื่องดื่มกับอาหาร
"เอายำสามกรอบ แป๊ะซะปลาช่อน แล้วก็ต้มยำกุ้ง เครื่องดื่ม เอาสปายคลาสสิคละกันเนาะ"
พี่พัชรกางเมนูแล้วก็สั่งเผื่อทุก ๆ คนไปด้วยเลย เมื่อไม่มีเสียงคัดค้านเธอจึงคืนเมนูให้เด็กเสิร์ฟไป ระหว่างนั่งรออาหารและเครื่องดื่มก็นั่งมองผู้ชายไปพลาง ๆ
"เจ้ ๆ ดูนั่นสิ น่ารักน่าชัง"
กระแตกรี๊ดกร๊าดพลางสะกิดให้เมขลากับกระเจี๊ยบดูหนุ่มหน้าใสนายหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป
"เพื่อนสาวรึเปล่ายัยกระแต"
กระเจี๊ยบเอ่ยปากพูดออกมา
"ใช่ ๆ หน้าใสซะขนาดนั้น"
เมขลาพูดขึ้นบ้าง
ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคักหลังจากอิ่มหนำสำราญจากอาหารการกินแล้ว ทุกคนก็ผลัดกันออกไปดิ้นมีแต่เมขลาเท่านั้นแหละที่นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่ โดยเธอให้เหตุผลกับเพื่อน ๆ ว่าไม่สันทัดเต้น ชอบดูมากกว่า
"ตามใจ"
พี่พัชรพูดแค่นั้นก็เดินกลับไปเต้นต่อหลังจากที่พยายามมาลากเมขลาไปแต่เธอไม่ยอมขยับ เมขลาก็นั่งมองอะไรไปเรื่อย ๆ จิบสปายไปพลาง ๆ ซึ่งขวดนี้ก็คือขวดเดียวกับที่สั่งมาตั้งแต่ตอนแรก ๆนั่นแหละ พี่พัชรเปรย ๆ ว่านี่เธอกินหรือดมเอากันแน่ เมขลาได้แต่ยิ้ม ๆ แล้วก็บอกว่าไม่อยากเมาคอยสังเกตุการณ์ดีกว่า เธอมองโน่นมองนี่ไปเรื่อย ๆ แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับโต๊ะ ๆ หนึ่งตรงโซน วีไอพี เธอขยับแว่นสายตา แล้วก็เพ่งมองไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงกลางขนาบข้างซ้ายขวาด้วยผู้ชายตัวใหญ่ข้างละคน แถมยังมีที่ยืนอยู่รอบ ๆ โต๊ะอีกสองสามคนด้วยน่าจะเป็นบอดี้การ์ด
"โอ้โห สงสัยคงเป็นมาเฟีย เคยเห็นแต่ในละคร ในชีวิตจริงก็มีด้วยแฮะ"
เมขลาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางขยับแว่นสายตาอีกรอบ เธอพิจารณาผู้ชายกลุ่มนั้น ไม่เสียแรงที่มาสถานที่แบบนี้ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นด้วย แล้วก็หันมาพิจารณาผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้า
"อืม ! มาดก็ดูน่าเกรงขามดี ถึงจะดูหนุ่มไปสักหน่อย นึกว่ามาเฟียจะมีแต่แก่ ๆ ซะอีก แถมยังหน้าตาดีด้วยแฮะ หรือจะไม่ใช่มาเฟีย ดาราหรือเปล่า หรือว่านักการเมือง "
เมขลาพิจารณาเขาคนนั้นพร้อมกับเดาสถานะของเขาไปด้วย แล้วเธอก็ใจหายวูบ เมื่อเขาคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากพลางชูแก้วในมือเป็นการทักทาย เมขลารีบหลบสายตาเขาทันที เสมองไปทางอื่น ทำทีเป็นก้มมองโทรศัพท์ ทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม
"จะยิงตรูส์เปล่าวะ ไม่น่าสอดรู้สอดเห็นเลยเรา"
เมขลาบ่นพึมพำในใจ พอดีกับจังหวะที่พวกเพื่อน ๆ เดินกลับมาที่โต๊ะ
"เจ๊ เป็นไรอ้ะ หน้าซีดเชียว เมาเหรอ"
กระแตถามเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลั่กของเมขลา
" เปล่า ๆ ไม่เป็นไร แล้วนี่เลิกเต้นกันแล้วเหรอ"
เมขลาเอ่ยถามเพื่อน ๆ
"นั่งพักก่อน คอแห้ง"
กระเจี๊ยบตอบ แล้วหันไปสั่งสปายเพิ่ม พร้อมกับคะยั้นคะยอให้เมขลาดื่ม เธอจึงยกขวดกระดกรวดเดียวหมดไปเกือบครึ่ง ในใจเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นผสมความกลัว
"ไปห้องน้ำแป๊บนะ"
บอกเพื่อน ๆ แล้วเมขลาก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จเธอก็มายืนที่หน้ากระจกถอดแว่นตาเอาน้ำลูบหน้าสักหน่อยเพื่อความสดชื่น สำรวจความเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องน้ำ ระหว่างเดินก็ก้มหน้าก้มตาเช็ดแว่นไปด้วย จะด้วยเพราะความเมา เพราะความมืด หรือเป็นเพราะไม่ได้สวมแว่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้เธอเดินชนกับใครบางคน เธอกระเด้งออกมาทันทีมือลูบหน้าผากป้อย ๆ เนื่องจากความสูงของเธออยู่แค่ระดับหน้าอกเขา อีกอย่างเดินก้มหน้าก้มตาแบบนั้นทำให้ส่วนที่สัมผัสกันคือหน้าอกเขากับหน้าผากเธอ
"ขอโทษค่ะ"
เมื่อตั้งหลักได้ เธอก็เอ่ยปากขอโทษเขาทันทีพร้อมกับรีบเอาแว่นในมือขึ้นมาสวม เมื่อทุกอย่างชัดเจนขึ้นแล้วเมขลาก็หัวใจกระตุกวูบ ดูเหมือนว่ามันจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยแล้วถ้าเป็นไปได้
"ไม่เป็นไร"
เขากล่าวออกมา เหมือนการ์ดเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติจึงทำท่าจะเดินเข้ามาเพื่อกันเมขลาออก แต่เขากลับส่งสายตาปรามไว้
"แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
เขาถามเธอ ถ้าหูไม่ฝาดเหมือนเสียงนั้นจะเจือหัวเราะไปด้วย เมขลาขยับแว่นเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพลางคิดในใจ
'ขำอะไรยะ'
แต่ปากตอบออกไป
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ"
เธอเดินออกมาจากบริเวณนั้นด้วยใจที่เต้นโครมคราม เมื่อมาถึงที่โต๊ะแล้ว ก็เห็นกระแตนั่งอยู่คนเดียว
"พวกพี่ ๆ ล่ะ"
"นู่นนน"
กระแตชี้มือ เมขลามองตามก็เห็นสองสาวสองวัยแด๊นซ์กระจายอยู่กลางฟลอ
"ไม่ไปเต้นล่ะ"
เธอถามเพื่อนรุ่นน้อง
"เหนื่อยแล้ว นั่งอ่อยผู้ชายดีกว่าพี่"
เมขลาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ เธอกับกระแตก็จิบสปายต่อ ครู่ใหญ่ ๆ พี่พัชรกับกระเจี๊ยบก็เดินเข้ามา
"ยัย เม แกไปทำอะไรไว้ "
"ทำไมเหรอพี่"
"ก็.."
พี่พัชรหันไปมองหน้ากระเจี๊ยบแล้วพูดต่อ
"มีผู้ชาย มาขอเลี้ยงเหล้าพวกเราน่ะสิ"
"เห้ย..แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นหนูล่ะ อาจจะเป็นยัยกระแตก็ได้"
"จะเป็นยัยกระแตได้ไง ก็เขาระบุว่าอยากเลี้ยงเหล้าแก"
เมื่อพี่พัชรพูดจบกระแตก็ขยับเข้ามาใกล้ ๆ พี่พัชร ทั้งสี่คนหัวสุมกัน
"ผู้ชายที่ใหนกันพี่ ช่างตาถั่ว เอ้ยตาถึง"
กระแตถามพร้อมกับหัวเราะแหะ ๆ พี่พัชรเงยหน้าขึ้นแล้วก็หันหน้าไปทางโซนวีไอพี ตำแหน่งตรงโต๊ะของคนที่เมขลาคิดว่าน่าจะเป็นมาเฟีย ดาราหรืออาจจะเป็นนักการเมืองคนนั้น และหรือคนที่เมขลาเดินชนหน้าห้องน้ำนั่นเอง
"คุณราม หรือ รามสูร เดชณรงค์กุล เขาบอกอยากเลี้ยงเหล้าขอโทษที่เดินชนแกหน้าห้องน้ำ"
เมขลาสตั๊นท์ไปห้าวิ
"เห้ยพี่ เรื่องแค่นี้ถึงกับจะเลี้ยงเหล้ากันเลยเหรอ เขามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า อย่าเอาของเขาเลยพี่ น่ากลัว ดูเขาสิ มาดอย่างกะมาเฟีย"
เมขลาบอกแล้วก็หันไปทางโต๊ะของเขา ซึ่งก็เหมือนว่าเขากำลังมองมาทางกลุ่มของพวกเธออยู่แล้วด้วยเหมือนกัน กระแตกับกระเจี๊ยบพยักหน้าหงึกหงัก เชิงเห็นด้วยกับเมขลา แต่เพราะด้วยน่าจะความงกของพี่พัชร หรืออะไรก็แล้วแต่
"ไม่ทันแล้วย่ะ ฉันรับไมตรีจากเขาไปแล้ว"
แล้วพี่พัชรก็พูดต่อ
"อย่าคิดมากเลยน่า ไม่มีอะไรหรอก"
หันไปส่งยิ้มให้แล้วก็ชูแก้ว ค้อมศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ
"ห๊ะ อะไรนะพี่ เขาชื่อรามสูรเหรอ ทำไมชื่อคล้องกับพี่เมอย่างนี้ล่ะ รามสูร เมขลา อร๊ายยย!เนื้อคู่รึเปล่าเนี่ย"
กระเจี๊ยบโพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบ พี่พัชรกับกระแตเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ จึงพยักหน้าหงึกหงัก
"นั่นน่ะสิ เนื้อคู่แกมาแล้วยัยเมขลาเอ๊ย"
พี่พัชรพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ เมขลาหน้าแดงทั้งเขินทั้งเคืองที่โดนแซว
"บ้าน่าพี่เนื้อคงเนื้อคู่อะไรกันเล่า"
เมื่อเห็นเหมือนเมขลาจะเขินทุกคนจึงเลิกแซวเธอ ต่างคนต่างนั่งจิบเครื่องดื่ม สลับกับการออกไปแด๊นซ์
เพราะคิดว่าพ่อที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ จะเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างเธอ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง แต่ขวางไปขวางมา กลับกลายเป็นว่าเขากลับเป็นคนเคี้ยวหญ้าต้นนั้นซะเอง
เพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอจึงหนีตามผู้ชายที่รู้จักกันในแอพหาคู่ แม้จะหวาดกลัว แต่ว่าเธอก็ไม่ขอกลับไปเจอเพื่อนทรยศ และคนรักจอมหักหลังอีก
ห้าปีก่อนเธอกับเขามีความสัมพันธ์กัน แต่ด้วยความไม่เหมาะสมหลายอย่าง เธอจึงต้องหนีเขาไป
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"