คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
ตอนที่ 1 เข้าร่างดีๆ โลกไม่จำ
กุบกับ กุบกับ กุบกับ
เสียงฝีเท้าม้าที่ดังใกล้เข้ามาท่ามกลางเสียงเม็ดฝนตกกระทบพื้นทำให้สตรีที่นอนสะลึมสะลืออยู่กลางทางผู้หนึ่งปรือตาขึ้นมอง
ภาพตรงหน้าที่ปรากฏขึ้นแม้นจะยังเลือนลาง แต่เมื่อเพ่งมองก็มั่นใจได้ว่าสิ่งที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาคือรถม้าคันหนึ่ง พาหนะนั้นกำลังแล่นมาตามทางอย่างเร็วรี่ และหากนางยังอยู่ตรงนี้จะต้องเกิดเหตุสลดขึ้นแน่นอน หญิงสาวจึงพยายามขยับกายหมายจะออกไปให้พ้นทาง แต่แล้วก็กลับพบว่าตนเองไร้เรี่ยวแรงสิ้นดี แค่เพียงจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งยังไม่อาจทำได้ สุดท้ายจึงได้แต่นอนมองเหตุการณ์ด้วยความหวาดเสียวใจ พลันนั้นเสียงตะโกนของสารถีก็ดังขึ้น
“ไอ้หยา!”
ทันทีที่ผู้ควบคุมรถม้ามองมาเห็นร่างสั่นเทิ้มของสตรีที่นอนขดตัวอยู่กลางถนน รถม้าก็ถูกบังคับให้ช้าลงอย่างเฉียบพลัน ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถต่างร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจที่อยู่ๆ รถม้าของตนก็ส่ายสะบัดคล้ายเสียการควบคุม
“ว๊าย!!”
เสียงร้องอุทานนั้นพาให้สตรีกลางถนนปิดเปลือกตาลงทันควัน แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งกลับไม่พบความเจ็บปวด มีเพียงอาการหนาวสั่นเท่านั้นที่ยังจู่โจมนางตลอดเวลา สตรีผู้เดียวดายกลางถนนจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นางเห็นสารถีผู้นั้นทิ้งบังเหียนแล้ววิ่งตรงเข้ามาหานาง ร่างท้วมย่อตัวลงแล้วพยายามจะช้อนตัวนางขึ้นจากพื้นในขณะที่เอ่ยถาม
“แม่นาง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงไม่หลบไปให้พ้นทาง!”
“หนาว… ข้าหนาวเหลือเกิน… ช่วยข้าด้วย”
ใบหน้าเปื้อนโคลนที่แหงนมองสารถีหนุ่มช่างดูน่าสงสาร นัยน์ตาของนางหม่นแสงฉายแววทุกทรมาน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็สั่นสะท้านสิ้นดี
สารถีหนุ่มรู้สึกหวั่นไหวกับสีหน้าเช่นนี้ แต่เหตุใดเล่าเขาจึงรู้สึกคุ้นตากับดวงหน้าสะคราญนี้นัก เมื่อคิดใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจึงพบว่าสตรีนางนี้คือ เหอรั่วเหวิน คุณหนูจากสำนักเย่วเหมิน ผู้โด่งดัง พลันนั้นคำถามมากมายก็ผุดขึ้นในใจชายหนุ่ม ‘เหตุใดนางจึงถูกทอดทิ้งอย่างเดียวดายกลางป่าเช่นนี้ หนำซ้ำสตรีผู้มีวรยุทธ์กลับนอนขดตัวอย่างหมดเรี่ยวแรง หรือว่านางจะถูกทำร้าย!’
แต่เมื่อเลื่อนสายตาลงมองสำรวจเรือนร่างอรชรที่สั่นเทิ้มภายใต้อาภรณ์สีแดงฉานก็กลับไม่พบบาดแผล ผิวขาวราวไข่มุกบัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคลาบโคลน กายนางเย็นเยียบดูแล้วรู้สึกเวทนายิ่งนัก นึกอยากจะช่วยให้ความอบอุ่นแก่นางเสียเหลือเกิน แต่แล้วเสียงของสตรีที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็ทำให้ความคิดนั้นต้องลบเลือนไป
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ เหตุใดจึงไม่ไปต่อ!”
สตรีผู้มีวงหน้าจิ้มลิ้มน่ารักแง้มหน้าต่างรถม้าเยี่ยมหน้าออกมามอง สารถีหนุ่มจึงเหลียวกลับไปตอบนางด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แย่แล้ว แม่นางเหอรั่วเหวินกำลังต้องการความช่วยเหลือขอรับ คุณหนูจะให้บ่าวทำอย่างไรดีขอรับ”
“ปล่อยนางเอาไว้ตรงนั้นแหละ!”
ผู้ตอบคือสตรีสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับสตรีที่เอ่ยถาม นางไม่ได้เยี่ยมหน้าออกมามองแม้เพียงนิดแต่กลับตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว คนฟังทั้งสองคนที่ตากฝนอยู่ด้านนอกฟังแล้วสะท้านใจยิ่งนัก
หยาดฝนที่เยียบเย็นยังไม่ส่งให้เหน็บหนาวได้เท่ากับคำพูดแล้งน้ำใจ
“ขอรับ”
สารถีหนุ่มเอ่ยตอบอย่างจำใจ ในเมื่อเจ้านายของเขาไม่อนุญาตผู้เป็นบ่าวรับใช้ก็ไม่อาจขัดขืนคำสั่งได้ ชายหนุ่มจึงค่อยๆ อุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงและเปียกปอนขึ้นจากพื้น เขาพานางไปหลบไว้ที่ข้างทางแล้วรีบรุดกลับไปที่รถม้า เมื่อปีนขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งได้แล้วรถม้าคันงามก็เล่นผ่านหน้าสตรีผู้เปียกโชกไป
ทว่าก่อนจะจากไปสตรีผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้มก็ชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่าง นางตะโกนบอกผู้ที่นอนขดตัวอยู่ข้างทางด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหยียดหยัน
“เหอรั่วเหวิน สตรีเพศยาอย่างเจ้าควรจะรีบตายๆ ไปได้แล้ว สมน้ำหน้านัก!”
แววตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วสตรีผู้นั้นก็สะบัดหน้าหนีไปก่อนที่บานหน้าต่างจะถูกปิด ไม่มีโอกาสให้ผู้ที่ถูกต่อว่าตอบโต้แม้เพียงนิด รถม้าคันใหญ่ได้เคลื่อนตัวจากไปเสียแล้ว
หญิงสาวนอนมองถนนดินเฉอะแฉะที่ว่างเปล่าด้วยความรู้สึกงงงัน พอเริ่มประติดประต่อเหตุการณ์ได้นางก็ร้องตะโกน
“เหอรั่วเหวินที่ไหนกันเล่า ข้าคือหวางเสี่ยวเหยาต่างหาก!”
ทั้งสามที่มาพร้อมรถม้ามิได้จดจำผิดพลาดแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็นนางต่างหากที่มีความเป็นมาที่ยากยิ่งจะอธิบาย เรื่องนี้คงต้องเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เหอรั่วเหวินคือตัวละครนางร้ายในนิยายที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนสาวผู้มีนามว่า หวางเสี่ยวเหยา นิยายเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดนิยายอีโรติกและเต็มไปด้วยฉากเลิฟซีนอันร้อนแรง หวางเสี่ยวเหยาได้บรรยายเอาไว้ว่านางร้ายผู้นี้มีหน้าตางดงามอีกทั้งยังมีวรยุทธ์เก่งกาจ นางเป็นถึงเจ้าสำนักน้อยแห่งหมู่ตึกเย่วเหมินซึ่งเป็นสำนักฝึกยุทธ์อันเลื่องชื่อ ทว่าเหอรั่วเหวินกลับมีจุดจบแบบที่ไม่น่าเป็นไปได้
ตัวละครเหอรั่วเหวินแม้จะร้ายกาจและมีความสามารถรอบด้าน แต่นางกลับเป็นโรคประหลาดที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ โรคนี้จะกำเริบขึ้นทุกครั้งเมื่อกายนางต้องสายฝน หรือหากฝนตกเมื่อใดนางจะหนาวสะท้านและพาลหมดเรี่ยวหมดแรง นางประคองชีวิตตนเองมาได้ด้วยการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและพึ่งยาจากสำนักปรุงยาของเทพโอสถ แต่แล้วในวันหนึ่งความลับก็รั่วไหลออกไปถึงหูศัตรูของนางเข้า
หวางเสี่ยวเหยาได้เขียนจุดจบของเหอรั่วเหวินรอเอาไว้ในขณะที่เนื้อเรื่องยังดำเนินไปได้เพียงครึ่งเท่านั้น เหอรั่วเหวินจะถูกใครบางคนสลับยาพิษแทนยาบำรุงและแก้อาการหนาวสั่นที่นางต้องกินเป็นประจำ เมื่อพลาดพลั้งดื่มยาพิษเข้าไปนางร้ายตัวนี้จึงถูกกำจัดไปจากเส้นทางรักของพระเอกและนางเอกในเรื่อง
เหตุที่ต้องเป็นเช่นนั้นเพราะนิยายของหวางเสี่ยวเหยาเต็มไปด้วยฉากเลิฟซีน นางไม่มีพื้นที่ให้กับการดำเนินเรื่องในด้านอื่นๆ มากนัก ตัวละครที่คิดขึ้นจึงเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผล บางตัวละครก็ใช้ตรรกะประหลาด พล็อตเรื่องบิดเบี้ยวเสียจนคนอ่านถอนหายใจแรง
ทว่านิยายของหวางเสี่ยงเหยากลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แม้บางคนจะอ่านไปด่าไปก็ตามที นักเขียนสาวจึงรีบเร่งปั่นต้นฉบับเพื่อจะวางขายจนกระทั่งลืมเลือนเรื่องการพักผ่อนของตนเอง เมื่อสภาพร่างกายทรุดโทรมหนักเข้าจึงไร้ภูมิคุ้มกัน เมื่อออกไปนอกห้องพักเพื่อไปซื้ออาหารจึงติดโรคระบาดร้ายแรงโควิดไนน์ทีนอย่างไม่รู้ตัว หวางเสี่ยวเหยาจึงต้องจากโลกมนุษย์ไปตลอดกาล
หากแต่หลังจากนั้นนางมิได้ไปเยือนสวรรค์อย่างที่คิด และนางก็ไม่ได้เหยียบย่างไปยังปรโลกอีกด้วย
ดวงจิตของนางกลับมาอยู่ในร่างของนางร้ายนามเหอรั่วเหวิน ตัวละครตัวหนึ่งที่นางไม่เคยใส่ใจ
พอคิดขึ้นได้นักเขียนในร่างนางร้ายก็ตะโกนก้อง
“ไม่… เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ไม่นะ ไม่จริง!… ฮือ ฮือ ฮือ”
เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังแข่งกับเสียงเม็ดฝนที่หล่นลงมากระหน่ำพื้น ใครบางคนที่เบื้องบนคงเทน้ำลงมากลั่นแกล้งนักเขียนสายหื่นกระมัง
ฮือ ฮือ ฮือ…
“ข้ามมิติทั้งทีแทนที่จะเป็นนางเอก นี่ก็นิยายของตัวเองแท้ๆ ไยสวรรค์ไม่เมตตา ไยส่งข้ามาเข้าร่างนางร้าย ฮือ ฮือ”
เมื่อหันซ้ายก็ไม่พบเจอผู้ใด หันขวาก็เห็นเพียงถนนดินและป่าเปลี่ยวกว้างใหญ่ นักเขียนสาวจึงเริ่มพูดคุยโต้ตอบกับตัวเองจนดูคล้ายคนบ้า!
“แต่ที่จริงแล้วนางร้ายก็อาจไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คิดนะ ก็แค่ไม่ได้กับพระเอกเท่านั้น อย่างน้อยๆ นางก็ยังหน้าตาดีล่ะ!”
“ไม่หรอก ถึงจะสวยพริ้งแต่นางก็ต้องตายในเร็วๆ นี้นะ อยากตายอีกเป็นครั้งที่สองงั้นหรือ…”
“ไม่!… ไม่สิ ข้ายังไม่อยากตาย จะบอกความจริงให้นะ ฉากเลิฟซีนที่เขียนขึ้นมาน่ะ มโนทั้งนั้น ข้ายังไม่เคยร่วมรักกับชายใดทั้งสิ้น ใช้ชีวิตยังไม่คุ้มเลยจะตายได้อย่างไรกัน!”
“ถ้างั้นก็ใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าเสียสิ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตา ครั้งหนึ่งเจ้าเคยกำหนดมันขึ้นมาด้วยมือของเจ้าเองมิใช่รึ!”
“นั่นสิ ทำไมข้าเพิ่งคิดได้ จริงด้วย!”
แล้วหวางเสี่ยวเหยาก็พยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง หลังจากที่ออกมาจากภวังค์แล้วกลับมาสู่ความเป็นจริง ทว่าอาการหนาวสั่นและไร้เรี่ยวแรงก็ยังคงตามติดตลอดเวลา
“หนาว หนาวเหลือเกิน…”
ร่างอรชรสั่นเทิ้มไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้ พลันนั้นนางจึงหวนคิดทบทวนความจำ ‘เหตุใดเหอรั่วเหวินจึงมานอนอยู่กลางถนนเช่นนี้…’
คำตอบก็คือตัวละครตัวนี้กำลังออกเดินทางไปดักรอเพื่อขัดขวางฉากเลิฟซีนของพระเอกและนางเอก แต่แล้วกลางทางก็เกิดมีฝนฟ้าคะนองราวกับมีพายุ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าฟ้ากว้างยังสดใสและเป็นสีคราม ฝนตกอย่างหนักทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ และนี่คือตัวอย่างของเหตุการณ์บิดเบี้ยวที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง
ที่จริงแล้วสิ่งต่างๆ ก็บิดเบี้ยวจากความเป็นจริงเหมือนกับตัวละครนางร้ายผู้นี้ นักเขียนสาวในร่างนางร้ายคลี่ยิ้มขึ้นทันควันเมื่อรู้สึกตัว
ใช่แล้ว นางมาเข้าร่างของตัวละครที่ดีเลิศยิ่งกว่านางเอกในเรื่องเสียอีก!
“ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งข้ามาเข้าร่างตัวละครแมรี่ซู! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
พอคิดขึ้นได้ก็กลับคำ ไม่ทราบเคยทำความดีไว้อย่างไรจึงได้โอกาสมีชีวิตใหม่อีกครั้ง เวลานี้รู้เพียงแต่ดีใจมากๆ รู้สึกราวกับบรรยากาศหมองมัวรอบตัวเปลี่ยนเป็นสดใสในทันที แม้นว่าฝนจะยังคงตกอย่างหนัก หวางเสี่ยวเหยาตะโกนขึ้นบอกท้องฟ้า ยิ้มให้กับนกกาที่บินผ่านมาแม้ว่าจะมีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
“ข้าอยู่ในร่างโฉมสะคราญผู้เทพทรู ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เปรี้ยง!
แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายเมื่อสกุณาตัวนั้นถูกสายฟ้าฟาดร่วงหล่นลงมาตายต่อหน้า ขนดำมะเมี่ยมของมันมีควันลอยคลุ้ง ร่างกายไหม้เกรียมกรุ่นกลิ่นเหม็นไหม้ ความสมจริงกลับมาเยี่ยมเยือนจนนักเขียนสาวเริ่มตื่นกลัวในสถานการณ์
นางไม่รู้เลยว่าจุดจบของตัวละครนางร้ายนี้จะมาถึงเมื่อใด นางเว้นว่างเอาไว้เพราะมุ่งมั่นตั้งใจเขียนแต่ฉากเลิฟซีน
“แย่แล้ว!…”
เมื่อคิดเช่นนั้นหวางเสี่ยวเหยาก็ลนลานหายาแก้อาการทันที นางร้ายนี้จะต้องพกยาติดกาย ทว่าลูบคลำไปตามอาภรณ์สักเท่าใดก็ไม่พบขวดยา
‘เป็นไปไม่ได้! นางจะต้องมียาสิ!’
พลันนั้นนัยน์ตาสีดำขลับก็กวาดมองไปยังถนนดินเฉอะแฉะ และแล้วนางก็ได้พบกับขวดยา เจ้าขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ นั้นตกอยู่ที่กลางทาง และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวละครนี้นอนแอ้งแม้งอยู่ก่อนที่นางจะมาเข้าร่าง
คาดว่าเหอรั่วเหวินที่กำลังควบม้ามากำลังจะหยิบยาขึ้นมาดื่มเมื่อได้กลิ่นไอฝน ทว่าตัวละครนี้มักจะโชคร้ายเสมอๆ จึงทำให้พลาดพลั้งทำขวดยาหล่นจากมือ และเมื่อนางลงจากหลังอาชาเพื่อมาหยิบขวดยาฝนก็เทกระหน่ำลงมาเสียแล้ว เหอรั่วเหวินจึงไม่อาจไปขัดขวางฉากการร่วมรักท่ามกลางสายฝนของพระเอกและนางเอกที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปได้
“บ้าจริง! นี่ข้าต้องกระเสือกกระสนคลานไปกับพื้นเพื่อเอื้อมหยิบขวดยาหรือนี่ รันทดยิ่งนัก!”
นักเขียนสาวสายหื่นบ่นกระปอดกระแปดกับฝนฟ้า ช่างเป็นจังหวะการเข้าร่างที่สั่นสะเทือนวงการเสียจริง
“ปัง ปุ ริ…เย่ มาก แม่…”
เสียงบ่นยังสั่นเครือสิ้นดี พูดจบนางก็ค่อยๆ เอื้อมมือออกไป ในใจคิดว่าจะคลานไปกับพื้น ระยะห่างระหว่างตัวนางกับขวดยาไม่น่าเกินสองจั้ง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสองเค่อนางก็ยังคงนอนแหมบอยู่ที่เดิม สองจั้งกลายเป็นสองลี้ขึ้นมาทันควันเมื่อการขยับกายของนางเปรียบดั่งสล็อตตัวหนึ่ง
“เฮ้อ!…”
เขาให้เธอเลือกระหว่าง ‘แฟนตัวจริงหรือเมียสมอ้าง’ บอกว่าชอบใจคำไหนก็ให้เลือกใช้เอาเอง ทั้งที่เธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้น อย่างนี้ก็ได้ด้วย!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก