"กล้ามากเลยนะเอยที่นอกใจฉัน กล้ามากที่พามันมาถึงที่นี่แถมยืนจูบกันอยู่หน้าห้องไม่อายฟ้าดินแบบนี้" "เอยไม่ได้จูบนะคะ เอยจะล้มคุณนทีเลยพยุงหน้าเลยใกล้กันแบบนั้น " เจ้าขาอธิบายตามความจริง "ทำไมโทรมาไม่รับ ข้อความอ่านแล้วก็ไม่ตอบเธออยากให้ฉันเป็นบ้าเหรอเอย" เขาถามเธอเสียงเครียดไม่เคยต้องเป็นแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง มันทั้งคิดถึงโหยหาแต่ก็กลัวเธอจะหาว่าเขาพูดเกินจริง นอกจากเธอจะไม่เชื่อแถมมองว่าเขาบ้าอีกเพราะเธอรู้จักเขาดีกว่าใครดีมากจนเขานึกอายเรื่องที่ผ่านมา แม้มันไม่ใช่ความผิดเขาในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่ทำสัญญาและรู้สึกแบนนี้กับเธอ "เอยไม่คิดว่าคุณขุนจะคิดมากขนาดนี้ ก็เห็นวันก่อนบอกจะเรียกสาวๆ มาแก้เหงาไงคะ" เธอยังน้อยใจเรื่องนี้ไม่หายแม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขา "เธอก็รู้ว่าตั้งแต่มีเธอฉันก็ไม่เคยเรียกใครมาอีก ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเธอฉันติดเธอแค่ไหนทำไมเธอถึงมองไม่เห็นหรือตั้งใจจะมองข้ามมันคิดว่าฉันเป็นของเล่น" ......................................................................................................................................... "อื้อ! " มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกจนหมดอย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่มือเล็กจะไล้ลงมาที่เข็มขัดราคาแพงของเขา แกร๊ก! "ถ้ารีบปล่อยมันออกมาเดี๋ยวก็ควบคุมไม่อยู่" "เอยคิดถึงคุณขุนมากนะคะ อื้อ!! " ได้ยินแบบนั้นคนที่ใจตรงกับเธอก็ก้มลงจูบปากฉ่ำหวานอีกรอบ ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้าไปดูดกลืนความหวานในนั้นด้วยความตะกละตะกลาม
4 ปีที่แล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ผู้คนต่างอยากเข้าทำงานที่นี่ ที่ซึ่งมีสวัสดิการสำหรับคนที่หาเงินในเมืองใหญ่ เหนื่อยและเข้มข้นแต่ผลตอบรับก็ทำให้ยิ้มได้
ผู้บริหารเป็นหนุ่มใหญ่ที่ลักษณะน่าเกรงขามสำหรับผู้คนที่พบเจอพูดคุย เหล่าพนักงานต่างไม่มีใครกล้าสบตากับเขา
เขาเนี๊ยบทุกระเบียบนิ้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม หรือกฎระเบียบต่างๆ ต้องรักษาเอาไว้หากผิดแม้แต่ข้อเดียวนั่นคือสิ้นสุดการว่าจ้างทันที
"ผมไม่ต้องการเลขาที่ส่งสายตายั่วยวนผมตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน เวลางานผมไม่อยากต้องมานั่งระวังตัวเองว่าจะทำให้คุณไม่สามารถทำงานให้ผมเต็มประสิทธิภาพได้ เชิญคนต่อไปได้เลยครับ"
ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวที่แต่งตัวสุดเซ็กซี่เมื่อรู้ว่าท่านประธานมาสัมภาษณ์เลขาเองกับตัวถึงกับหน้าเสีย ลุกออกไปจากตรงนั้นให้เบาและทำตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้โดนผู้หญิงด่ายังไม่เจ็บเท่าผู้ชายด่าเลยแถมด่าแบบผู้ดีด้วย
เหล่าคณะกรรมการและหัวหน้าบุคคลต่างพากันปาดเหงื่อกันเป็นแถว แต่ก็เข้าใจเจ้านายของตนนัยหนึ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
เลขาที่มาทำงานทุกคนต่างไม่มีใครทนความหล่อเหลาของท่านประธานได้เลย มันยากที่จะหาคนที่เก่งบุคลิกดีและมีภูมิคุ้มกันเสน่ห์ของท่านประธานไปในตัวด้วย
และสิ่งที่สำคัญเลยคือต้องโสด สามารถไปไหนกับท่านประธานได้ทุกที่ และสามารถเรียกใช้ได้ทุกเวลาซึ่งมันไม่สามารถมีใครทนและมีคุณสมบัตินี้ได้เลย มีอย่างก็ต้องเสียอย่างทุกคนแต่ทุกคนก็อยากเข้ามาลองด้วยเงินเดือนที่สูงลิ่วและโบนัสประจำปีที่สุดแสนพิเศษ
เที่ยวต่างประเทศฟรี 10 วันโบนัสคูณ 1 ปีของเงินเดือนที่เกือบครึ่งแสนแค่ได้ยินทุกคนก็ร้องว้าวตัวสั่นระริกอยากทำงานนี้แล้วแต่จะมีสักกี่คนที่จะทนได้นานเกินสองเดือน
"คุณเจ้าขา มณีจันทรา ชื่อเล่นเอย เกียรตินิยมอันดับ 1 มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ทำงานได้ทุกอย่างตามคำสั่งเจ้านาย "
ชายที่ใส่แว่นดูมีอายุอ่านใบสมัครของเจ้าขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่แต่งตัวจะบอกว่าเรียบร้อยมันก็ใช่ จะบอกว่าเฉิ่มเชยก็ได้เหมือนกันดูทรงแล้วคนนี้ก็คงจะไม่ผ่านตาท่านประธานเช่นเดิมถึงจะโปรไฟล์ดีแต่...
"ค่ะ ดิฉันทำได้ทุกอย่างที่เขียนในใบสมัครเลยค่ะ"
เจ้าขายิ้มรับอย่างกระตือรือร้นพร้อมทำงานแบบสุดๆ หลังจากหางานมานับปีตั้งแต่เรียนจบมา เดินเตะฝุ่นและโดนที่บ้านดูถูกอยู่ก็หลายครั้งโดยเฉพาะแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาของเธอ
"แต่ไม่มีประสบการณ์? "
หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งเอนหลังมองดูเธอด้วยสายตาเย็นชาอยู่ ก่อนจะยิ้มรับแม้เขาจะมองมาที่เธอด้วยแววตาไร้อารมณ์ก็ตาม
"รับดิฉันเข้าทำงานสิคะ ดิฉันจะได้มีประสบการณ์รับรองว่าดิฉันเป็นพนักงานที่ดีแน่นอนค่ะ" มั่นใจเข้าไว้ยัยเอย...
"อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าเราจะรับคุณเข้าทำงานที่นี่"
ชายคนนั้นที่เจ้าขายังไม่รู้ว่าเขาคือท่านประธานที่เธอจะทำงานด้วยถามขึ้นอีกครั้งซึ่งเป็นคำถามที่เธอเจอมาเป็นปีแล้วเลยทำให้ตอบได้คล่องแคล่ว
"ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันทำได้ตามที่ท่านประธานตั้งกฎเอาไว้ค่ะ "
"เรามาดูกันว่าคุณจะทำได้ตามที่พูดไหม อ้อ...เปลี่ยนการแต่งตัวใหม่ด้วยเวลาไปพบลูกค้าผมอยากให้เขามองว่าเราเป็นมืออาชีพไม่ใช่เด็กเล่นขายของ"
เขาบอกก่อนจะเดินออกไปทันที ทำให้เหล่ากรรมการและฝ่ายบุคคลคนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดท่านประธานก็เลือกเลขาได้แล้ว แต่ก็ต้องมาคอยลุ้นอีกทีว่าคนนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน
"หมายความว่า ดิฉันได้เข้าทำงานแล้วใช่ไหมคะ! "
"ครับ เริ่มงานวันจันทร์นี้ได้เลยนะครับ"
"ขะ ขอบคุณค่ะ"
กรี๊ดดดดดดดดดดด.....
หลังเดินออกมาจากบริษัทที่เป็นตึงใหญ่สูงตระหง่านอยู่ใจการเมืองแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจจนอยากออกไปรำรอบหมู่บ้านแก้บน
"แม่ขา เอยมีงานทำแล้วนะคะแม่ แม่ดีใจและเอาใจช่วยให้เอยอยู่ที่นี่ได้นานๆ ด้วยนะคะแม่ขา"
หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ของเมืองหลวงที่วุ่นวายแล้วบอกกับแม่ผู้ล่วงลับป่านนี้คงสุขสบายที่สวรรค์ที่ไหนสักแห่ง
เธอจะลบคำสบประมาทที่สองแม่ลูกนั้นว่าให้เธอให้ได้ แค่คิดว่าต้องกลับไปบ้านหลังนั้นเธอก็ใจห่อเหี่ยวลง นานแค่ไหนแล้วที่เธอเป็นคนรับใช้ให้พวกเขาโดยที่พ่อเธอเองก็ไม่พูดหรือสงสารเธอเลย
ถ้าได้ทำงานที่นี่เธอจะย้ายออกมาเช่าห้องเล็กๆ อยู่เพื่อความสะดวกและไม่ต้องทนเป็นทาสรับใช้คนพวกนั้นอีกต่อไป คิดได้แบบนั้นภารกิจต่อไปของเจ้าขาจึงเป็นการเดินหาดูห้องราคาถูกๆ ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก
แต่ก็หายากเสียเหลือเกินเพราะบริษัทอยู่ในย่านธุรกิจทำให้ค่าครองชีพแถวนี้แพงมาก แต่ถ้าได้เงินเดือนตามที่ตกลงกันไว้เธอก็เช่าห้องแถวนี้ได้สบาย
เจ้าขาจึงรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับจากประกันชีวิตของแม่เอามาเช่าห้องราคา 4,000 บาทไม่รวมน้ำไฟอยู่ และเริ่มขนของเข้ามาอยู่ในวันถัดไป
ภารกิจต่อไปคือต้องเดินหาซื้อเสื้อผ้าราคาไม่แพงมากแถวประตูน้ำมาใส่เพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ตามที่ท่านประธานที่เธอเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นประธานหลังจากที่เขาบอกว่ารับเธอเข้าทำงานแล้ว
"ทำไมแกจะย้ายออกแล้วไม่บอกฉัน แล้วต่อไปงานบ้านใครจะทำใครจะดูแลพ่อแกฮ้ะนังเด็กเนรคุณ"
"น้าราตรีก็ทำและดูแลพ่อสิจ๊ะ หรือไม่ก็ให้เด่นดูแลพ่อ"
"กรี๊ด! ไม่เอานะคะคุณแม่เด่นต้องเรียนมหาลัยนะคะไม่มีเวลามาทำงานบ้านสกปรกๆ แถมทำอาหารดูและคุณพ่ออีกด้วยค่ะ ยี้!! "
เจ้าขามองดูแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่อย่างระอาพ่อทำงานรับราชการมาหลายปีหาเงินให้พวกนี้ผลาญกันจนหมดพอมาตอนนี้พ่อแก่และช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้กลับไม่มีคนอยากดูแล
เธอไม่เคยได้รับอะไรสักอย่างทั้งเสื้อผ้าของเล่นหรือแม่แต่โทรศัพท์เธอก็ต้องทำงานพิเศษเพื่อหาซื้อมาด้วยความลำบาก ตอนนี้จะมาร้องขออะไรจากเธอ เธอเองก็ไม่มีให้เช่นกันอย่าหาว่าเธอใจดำเลยเธอทนมามากพอแล้ว
"งั้นก็ตามสบายเลยค่ะขอตัว"
"เออไปเลยยัยเด็กเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของบ้านนี้ อยู่ๆ ก็ย้ายของออกจากบ้านหนีตามผู้ชายไป เจ้าข้าเอ๊ย!! มาดูเร็วเด็กเหลือขอทิ้งพ่อที่นอนป่วยไปอยู่กับผู้ชายท้องรึเปล่าก็ไม่รู้ มาดูเร็วๆ "
เธอไม่ฟังและเดินก้าวต่อไปด้วยเท้าที่มั่นคงกระเป๋าใบเดียวคือสมบัติที่เธอหิ้วออกจากบ้านในวันนั้น มันมีของเธอเพียงเท่านี้จริงๆ ต่อให้ผู้คนซุบซิบนินทาหรือพูดอะไรตลอดทางชุมชนเล็กๆ นอกชานเมืองแต่เธอก็ไม่สนใจ
เธอจะต้องทำให้คนพวกนี้อิจฉาเธอจนกระอักตายไปเลย เธอจะต้องทำให้แม่ที่อยู่บนฟ้าเห็นว่าเธอเป็นคนเก่งและดีได้โดยไม่ต้องมีพ่อที่ไม่เคยสนใจไยดีเธอก็ได้
เพราะรักจึงทำให้หนูนิดทำทุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณของเธอ ยอมแม้กระทั้งแต่งงานกับชายคนที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยสักนิด แถมเขายังควงคนอื่นมาเยาะเย้ยเธอให้เจ็บใจอีกทั้งๆที่รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
เพราะความเมาหรือความหิวผู้ชายจนหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ทำให้ดวงมณีสาวแก่วัยขึ้นคานแบบเธอลากหนุ่มรุ่นลูกมากินอย่างตะกละตะกาม แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกชายหนุ่มคนนั้นดันเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ทำงานในบริษัทเธออีก
สาวแสนสวยสุดมั่นแต่ก็ยังโดนทิ้งตลอดไม่ว่าจะคบหากับใครยิ่งคนล่าสุดที่เธอคาดหวังเอาไว้มากๆว่าคือชายที่จะแต่งงานด้วย แต่เขาก็ยังทิ้งเธอเพียงคำง่ายๆว่าเธอหวงตัวเกินไป งานนี้ต้องลำบากเพื่อนสนิทอย่างแทนไท ที่บังคับกึงขอร้องให้มาสอนบทรักที่เร่าร้อนให้จะได้ไม่โดนดูถูกแต่ทำไมเธอถึงลืมคืนนั้นไม่ลง แถมเพื่อนสนิทก็ยังมีท่าทีว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกด้วย "อื้ออ อย่ามากวนคนจะนอน " "แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ จะทำอะไรก็ได้" หญิงสาวที่ยังหลับสนิทไม่รู้ตัวเพียงแค่ละเมอบอกปัดอย่างลำคาญเพียงเท่านั้น มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนนุ่มไปมาอย่างหลงไหลปากหนาเองก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานซึ้งยิ่งอยู่ใกล้เธอเขายิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ความอดทนอดกลั้นที่มีมา 4-5ปีพังทลายลงเพราะคืนเดียว ไอ้ที่ปากเก่งว่าลืมเธอได้แล้วมันเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาหลอกตัวเองทั้งนั้น "อื้อ แทนบอกแล้วไงว่าอย่ามากวนแพร คนบ้า" เสียงแว้ดของเธอทำให้แทนไทต้องผงกหัวขึ้นมาดู ปรากฏว่าแม่เสือสาวของเขาเพียงแค่ละเมอแว้ดออกมาเพียงทำนั้น "ดีนะที่พูดชื่อผัวตัวเองถ้าพูดชื่อคนอื่นพ่อจะเอาให้จมเตียงทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ไปไหนได้เลย" อีโรติก
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."