สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
ควันสีดำลอยออกมาจากปล่องเล็กเหนือเมรุเผาศพ ทางด้านล่างมีเด็กสาวคนหนึ่งใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเธอกำลังมองควันไฟที่ลอยออกไปและไม่นานมันก็สลายไปกับอากาศเหมือนกับความรู้สึกของตนเองตอนนี้ที่มันกำลังแหลกสลาย ยายพิกุลได้จากเธอไปแล้วมันเป็นการจากที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
เด็กสาวอาศัยอยู่กับคุณยายมาตั้งแต่จำความได้ส่วนมารดาของเธอนั้นเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนเธอมีความสุขดีกับคุณยายในบ้านหลังเล็กๆ ยายของเธอมีอาชีพทำขนมหวานขายที่ตลาดในตัวอำเภอส่วนเธอก็ตื่นแต่เช้าช่วยคุณยายทำขนมก่อนจะไปเรียนหนังสือ
ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาคุณยายของเธอมีอาการป่วยเมื่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ได้รับข่าวร้ายว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกและอาจจะใช้ชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ในตอนนั้นเธอแอบหวังว่าสิ่งที่คุณหมอบอกอาจจะเป็นแค่การพูดเพื่อให้เธอทำใจเพราะบางคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้หลายปีแต่มันก็เป็นจริงอย่างที่คุณหมอบอก คุณยายของเธอป่วยอยู่ไม่ถึงหกเดือนก็จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนนี้บัวบงกชหรือบัวเด็กสาววัย 16 ปีกำลังรู้สึกเคว้งคว้างเป็นอย่างมากเธอไม่รู้ว่าอนาคตจากนี้จะเป็นยังไงต่อในเมื่อไม่มียายแล้ว
งานศพของคุณยายจัดอย่างเรียบง่ายมีพิธีสวดแค่สองคืนจากนั้นก็มีพิธีเผาศพโดยผู้ใหญ่บ้านและคนในหมู่บ้านต่างช่วยกันจัดพิธีศพให้
หลังจากพิธีเผาศพเสร็จแล้วชาวบ้านก็เดินทางกลับตอนนี้ในศาลาวัดมีเธอผู้ใหญ่บ้านและคุณป้าข้างบ้านและอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอกำลังนั่งปรึกษากับเธียรธวัชและชุติมาเลขาของเขาซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพเพื่อจะมารับตัวบัวบงกชไปอยู่ด้วย
ตอนที่ป่วยยายของเธอได้โทรศัพท์ไปขอร้องชายหนุ่มว่าถ้าหากเธอเป็นอะไรไปก็อยากจะให้เธียรธวัชเข้ามาช่วยดูแลหลานสาวแต่ชายหนุ่มไม่คิดว่าเหตุการณ์ทุกอย่างมันจะเร็วขนาดนี้
ตอนที่ยายพิกุลโทรศัพท์ไปเขาตอบตกลงคุณยายอย่างไม่ลังเลเพราะแต่ก่อนนั้นยายพิกุลเคยทำงานที่บ้านของเขาและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กเมื่อมีอะไรที่จะพอตอบแทนท่านได้ชายหนุ่มก็ยินดีจะตอบแทน
ระหว่างที่คุณยายป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลชายหนุ่มก็มีโอกาสได้มาเยี่ยมอยู่หนึ่งครั้งและก็เคยเจอกับบัวบงกชมาแล้ว
เมื่อวันที่คุณยายพิกุลเสียชีวิตผู้ใหญ่บ้านจึงเปิดจดหมายที่ยายฝากไว้ตั้งแต่รู้ตัวว่าป่วยเมื่ออ่านแล้วก็โทรศัพท์ไปบอกเธียรธวัชตามคำสั่งเสียของยายพิกุลที่เขียนไว้
“ผู้ใหญ่คิดว่ายังไงล่ะคะ” อาจารย์ที่ปรึกษาของบัวบงกชถามผู้ใหญ่บ้านที่รู้จักทั้งบัวบงกชและคุณยายพิกุลเป็นอย่างดี
“จากการที่อ่านจดหมายของคุณยายแล้วผมคิดว่ามันก็เป็นผลดีกับหนูบัวนะ เธอจะได้มีโอกาสร่ำเรียนเพราะถ้าหากอยู่ที่นี่ก็อยู่คนเดียว มันก็น่าเป็นห่วงอยู่มากบ้านของยายก็ไม่ได้แข็งแรงแน่นหนาอะไรอีกทั้งหนูบัวยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย”
“แต่บัวไม่อยากไปจากที่นี่นะคะผู้ใหญ่บัวขออยู่ที่นี่ได้ไหม”
“ถ้าหนูจะอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้นครูว่ามันค่อนข้างจะอันตรายนะ แถวนี้ก็ไม่มีหอพักให้นักเรียนอยู่ด้วยสิ” อาจารย์ที่ปรึกษาพูดด้วยความเป็นห่วงลูกศิษย์
“ผมถามคุณหน่อยนะครับคุณเธียรถ้าคุณพาหนูบัวไปอยู่ที่กรุงเทพคุณจะให้เธออยู่ที่ไหน อยู่บ้านหลังเดียวกับคุณหรือเปล่า ขอโทษนะครับที่ผมต้องถามเพราะหนูบัวเป็นผู้หญิงและคุณก็เป็นผู้ชายถ้าต้องไปอยู่บ้านหลังเดียวกันผมก็เกรงว่ามันจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”
“บ้านของผมไม่ได้มีผมอยู่คนเดียวหรอกครับยังมีน้องสาวของผมอยู่อีกด้วย แต่ผมคิดว่าถ้าบัวยอมเข้าไปเรียนที่กรุงเทพจริงๆ ผมอยากให้เธอเรียนที่โรงเรียนประจำนะครับ เพราะบ้านของผมมันค่อนข้างไกลจากโรงเรียนอีกอย่างการอยู่โรงเรียนประจำก็เธอจะทำให้เธอมีเพื่อนด้วย”
“ครูเห็นด้วยกับคุณนะการที่ให้บัวไปอยู่โรงเรียนประจำบัวจะได้มีเพื่อนใหม่ๆ และจะได้ไม่ต้องเหงา”
“แล้วบัวต้องอยู่ตลอดเลยเหรอคะ”
“ไม่หรอก ช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดก็กลับมาอยู่ที่บ้าน”
“ครูว่ามันก็ดีนะ วันธรรมดาหนูก็อยู่โรงเรียนกับเพื่อนๆ พอวันหยุดก็กลับมาใช้ชีวิตข้างนอกหวังว่าคุณเธียรคงมีเวลาไปรับเธอนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกครับผมจะรับเธอกลับมาอยู่ที่บ้านตามที่โรงเรียนกำหนดครับ ตั้งแต่ที่คุณยายติดต่อไปผมก็ให้เลขาดูไว้หลายโรงเรียน แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้บัวเป็นคนตัดสินใจอีกทีว่าอยากจะเรียนที่โรงเรียนไหน”
“คุณเธียรคะบัวว่าโรงเรียนประจำค่าใช้จ่ายมันจะต้องแพงมากๆ แน่เลยบัวเรียนโรงเรียนวัดใกล้ๆ บ้านก็ได้นะคะ”
“ไม่ได้นะบัว คุณยายเธอสั่งเสียไว้ว่าอยากให้เธอได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดและฉันก็รับปากคุณยายเธอไว้แล้ว” เธียรธวัชไม่อยากเป็นคนผิดคำพูดที่ให้ไว้กับคุณยายพิกุลอีกอย่างเขาก็รู้สึกเอ็นดูบัวบงกชอยู่มาก
“ผมถามหน่อยนะครับคุณเธียรทำไมคุณถึงยอมจะรับบัวไปเป็นเด็กในปกครองครับทั้งๆ ที่คุณไม่ใช่ญาติของบัวเลย” ผู้ใหญ่บ้านถามเพราะเท่าที่รู้ยายพิกุลไม่เคยมีญาติที่ไหนญาติทางพ่อของบัวก็ไม่ได้ติดต่อกัน
“เพราะยายพิกุลเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กครับ พ่อกับแม่ผมทำงานยุ่งมากๆ ถ้าผมไม่มียายพิกุลช่วยเลี้ยงดูผมก็คงแย่เหมือนกัน พอตอนนี้ผมพอจะตอบแทนท่านได้ผมก็ยินดีจะทำครับ”
“แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ ถ้าเรียนโรงเรียนเอกชนแบบนั้นค่าใช้จ่ายต้องแพงมากๆ เงินที่คุณยายได้จากกองทุนฌาปนกิจหมู่บ้านมันก็ไม่มากเท่าไหร่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของบัว ส่วนเงินที่บัวได้จากคุณยายก็ให้บัวเก็บไว้ใช้เป็นการส่วนตัว”
“แต่บัวยังไปอยู่กับคุณตอนนี้ไม่ได้หรอกนะคะ มันยังไม่ปิดเทอมเลยนะคะ ถ้าบัวเข้าไปเรียนกลางเทอมแบบนี้คงเรียนไม่ทันเพื่อนค่ะ”
“ฉันจะให้เธอเรียนที่นี่จนจบเทอมจากนั้นเทอมสองก็ค่อยย้ายเข้าไปเรียนในกรุงเทพระหว่างนี้คงต้องฝากคุณครูกับผู้ใหญ่บ้านและคุณป้าช่วยดูแลบัวก่อนได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ป้าจะคอยดูแลให้บ้านป้ากับบัวก็อยู่ติดๆ กัน” ป้าจวนที่เป็นเพื่อนบ้านของบัวบงกชรีบรับปาก
“แต่ถ้าบัวไม่อยากจะอยู่ที่บ้านหนูจะไปอยู่กับครูที่บ้านพักครูก็ได้นะ”
“ขอบคุณค่ะครูแต่บัวอยู่ได้ค่ะ”
“ถ้ามีอะไรหนูโทรหาครูได้ตลอดนะบัว”
“ขอบคุณค่ะครู”
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
หญิงสาวตามจับผิดอาเขยแต่โดนเขาตลบหลังกลับจนเกิดความสัมพันธ์ลับ เธอรู้สึกผิดและอยากหนีแต่สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม