นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
(ชะตาร้ายกลายรัก)
รัชศกตี๋เฟยปีที่สาม
สายลมยามวสันต์โบกพัดผ่าน ใบไม้เหลืองนวลหลุดร่วงจากต้นกองทับถมกันเต็มพื้นดิน นางกำนัลน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตากวาดไปกองรวมกันไว้ ทว่าผ่านไปเพียงชั่วอึดใจลมลูกใหญ่ก็พัดหอบเอาใบไม้กองนั้นปลิวกระจายไปจนทั่วกัวซุนฮวาหันไปมองดูนางกำนัลที่กำลังวิ่งกลับไปกวาดเหล่าใบไม้มากองไว้เช่นเดิม นางมองดูเหตุการณ์เช่นนี้อยู่สามรอบ ริมฝีปากบางยกขึ้นพลางหัวเราะอย่างขบขัน ร่างอรชรกำลังจะก้าวขาลงไปยังใต้ต้นฟานสือหลิว ทว่ากับมีผ้าคลุมผืนหนึ่งวางลงบนหัวไหล่นางเสียก่อน
"เหตุใดจึงออกมายืนตากลมเช่นนี้เล่า เจ้าเพิ่งจะหายไข้สมควรแล้วหรือที่จะออกมาเช่นนี้ เป็นมารดาของลูกสามคนแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้ความอีกกัน" เสียงเข้มต่อว่าออกมา คิ้วหนาขมวดแน่นขับให้ใบหน้าที่หล่อเหล่าดูดุดันยิ่งขึ้น
"ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือเพคะ เช่นนั้นเข้าไปในห้องกันเถิด" กัวซุนฮวาหาได้โกรธเคืองไม่ นางส่งยิ้มให้สวามีอย่างเอาใจ มือบางจับไปที่มือหนาก่อนจะพาจ้าวฉงซานผู้เป็นสวามีเดินกลับเข้าไปในห้อง เพื่อพูดคุยเรื่องที่สวามีนางถูกเรียกเข้าไปพบองค์ฮ่องเต้จ้าวตี๋เฟยผู้เป็นพี่ชาย
พระชายาซุนฮวารินน้ำชายื่นให้สวามี ก่อนจะโบกมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกจากห้องเสีย เมื่อพ้นร่างนางกำนัลทั้งหลาย ซุนฮวาก็ลุกขึ้นไปยืนด้านหน้าและยกมือนวดขมับของสวามีอย่างเอาใจ จ้าวฉงซานหลับตาส่งเสียงออกมาอย่างพอใจ
"ลูกไปไหนหรือ อื้ม..ฝีมือการนวดของน้องหญิงนับวันยิ่งเก่งกาจยิ่งนัก เพียงสัมผัสข้าก็คลายปวดหัวเสียแล้ว" ซุนฮวายกยิ้มออกมา พลางก้มหน้าลงมองสวามีที่ยังคงหลับตาอย่างสบายอารมณ์ ทว่าสีหน้าดูพอใจยิ่งนัก
"เหว่ยเกอเอ๋อร์อยู่ที่สำนักศึกษายังไม่กลับ เยียนเจี่ยเอ๋อร์กับหยางเกอเอ๋อร์ท่านพ่อมารับไปที่จวนสกุลกัวเพคะ"
"ดีแล้วให้ท่านพ่อตามารับไปบ่อย ๆ เจ้าจะได้พักบ้าง ข้ารู้สึกว่าเจ้าผอมลงไปใช่หรือไม่" จ้าวฉงซานลืมตาขึ้น พลางกระตุกมือพระชายาครั้งเดียว ร่างอรชรก็ล้มลงบนตักแกร่ง
จ้าวฉงซานรีบยกมือขึ้นไปกอดพระชายาเอาไว้ ริมฝีปากหนาก้มลงจูบไปที่ต้นคอระหง มือหนายกขึ้นกอบกุมหน้าอกอวบอย่างเต็มมือ
"อื้อ..อย่าเพคะ" กัวซุนฮวาเชิดหน้าขึ้นหลับตาพริ้ม ก่อนจะส่งเสียงครางหวานออกมา ทว่าเมื่อตั้งสติได้ก็รีบจับมือซุกซนนั้นไว้เสียก่อน
"ห้ามข้าด้วยเหตุใด น้องหญิงรักกันสักรอบเถิด เจ้าก็รู้ว่าเวลาเช่นนี้หายากเพียงใด กว่าที่เจ้าเด็กเหล่านั้นจะไม่อยู่ติดกายเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังจะห้ามข้าอีกหรือ"
"เดี๋ยวเพคะ..อื้ม..ท่านพี่อย่าเพิ่งซุกซนได้หรือไม่ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดกับพระองค์อยู่นะ อ่ะ.." กัวซุนฮวาเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างตนเองลอยขึ้นจากพื้น นางรีบยกมือขึ้นคล้องคอสวามีเอาไว้อย่างทันที
"ทำไปพูดไปก็ได้เช่นกัน ข้าไม่ถือ" จ้าวฉงซานวางร่างพระชายาลงไปบนเตียงอย่างเบามือ
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวลงไป ส่งริมฝีปากไปประชิดที่ริมฝีปากบาง ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นบางไปจนทั่วโพรงปาก ร่างกายพระชายาพลันอ่อนแรงปล่อยใจให้สวามีได้ตักตวงอย่างเต็มที่ จ้าวฉงซานขยับใบหน้าออกก่อนจะไล่จูบลงไปที่ซอกคอขาว พลางขบเม้มจนเกิดรอยดอกเหมยไปจนทั่ว อาภรณ์ด้านบนถูกแหวกออกจนเห็นเอี๊ยมสีแดงตัวน้อยที่ปกปิดความงดงามของหน้าอกอวบ สวามีหนุ่มอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ลิ้นร้ายตวัดเลียและดูดดึงผ่านเอี๊ยมตัวน้อยจนเปียกชุ่มเป็นหย่อม
"อ้าส์..ท่านพี่..หยุดก่อน อืม" เสียงหวานเอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจัง ปากห้ามทว่าการกระทำกับตรงข้าม กัวซุนฮวาเชิดอกขึ้นป้อนไปยังริมฝีปากของสวามี
นอกจากไม่หยุดแล้ว จ้าวฉงซานยังปลดสายคาดเอวพระชายาก่อนจะขยับอาภรณ์ให้เปิดกว้าง ดวงตาหวานเงยหน้ามองสวามีด้วยตาฉ่ำวาว ริมฝีบวมเจ่อเผยอขึ้นอย่างท้าทาย
ท่านอ๋องหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่งมือหนาลงไปลูบที่กลางบุปผางาม น้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาท้าทายให้ลิ้มชิมรส จ้าวฉงซานก้มหน้าลงเหมือนดังคนละเมอ ปลายจมูกโด่งติดชิดปลายบุบฝาดอมดมกลิ่นหอมหวานอย่างแสนรัก
"เสด็จแม่เพคะ เยียนเอ๋อร์กลับมาแล้ว"เสียงหวานดังกังวานเหมือนดังระฆังยามเช้าร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง สองร่างที่เกือบจะสอดประสานอยู่ในห้องพลันชะงักค้าง
"ท่านพี่หยุดก่อนหยางเกอเอ๋อร์กับเยียนเจียเอ๋อร์กลับมาแล้ว" กัวซุนฮวาดันหัวไหล่สวามี พลางยกเรียวขาปิดบุปผางามเอาไว้ ใบหน้าหวานแดงก่ำไปด้วยความอาย นางไม่น่าตามใจสวามีเลย นอกจากจะไม่ได้สอบถามเรื่องในวังแล้วยังเกือบจะเสียทีสวามีอีกด้วย
"เสด็จแม่เพคะเปิดประตูให้ลูกด้วย เยียนเอ๋อร์กับหยางเอ๋อร์เก็บผลผิงกั่วมาให้เสด็จแม่เชื่อมเอาไว้ให้เสด็จพ่อทานด้วยเพคะ เปิดประตูเร็วเข้า"จ้าวชิงเยียนกับจ้าวเหวินหยางสองคนพี่น้องยื่นเคาะประตูหน้าห้องบรรทมของเสด็จพ่อและเสด็จแม่อย่างไม่ลดละ เด็กน้อยอุตส่าห์ เก็บผลผิงกั่วมาจากหลังจวนท่านตา หมายจะนำมาให้เสด็จแม่เชื่อมให้กิน
"ท่านหญิง ท่านอ๋องน้อยเพคะ เราไปทางโน้นดีหรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉันจะนำผลผิงกั่วไปล้างให้ก่อนเถิดเพคะ" เสี่ยวอี้นางกำนัลคนสนิทซุนฮวารีบมาห้ามสองพี่น้องเอาไว้ไม่ให้เคาะประตูห้องอีก นางกำนัลเหงื่อไหล่จนชุ่มไปทั้งกาย ถึงแม้ว่าลมจะโชยพัดสักเพียงใดก็ไม่อาจดับความร้อนใจลงไปได้ หากห้ามท่านหญิงกับท่านอ๋องน้อยไม่ได้ เกรงว่าหลังนางคงจะถูกโบยเป็นแน่
"เสี่ยวอี้มาขว้างไว้ทำไม เยียนเอ๋อร์จะให้เสด็จแม่เชื่อมผิงกั่วไว้ให้เสด็จพ่อ" ท่านหญิงน้อยถูกห้ามเอาไว้ก็หน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ถึงแม้เสี่ยวอี้จะพยายามห้ามสักเพียงใด ทว่าสองพี่น้องก็ประสานเสียงกันเรียกให้เสด็จแม่ของพวกเขาออกมาให้ได้
"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะเปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ได้หรือไม่ ไม่ทรงรักหยางเอ๋อร์แล้วหรือ" เสียงเรียกปนสะอื้นของบุตรชายคนเล็กดังขึ้นมา ความอดทนของจ้าวฉงซานพลันหมดลง ท่านอ๋องหนุ่มตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน
"ไสหัวไป!!.."
เด็กน้อยผู้โชคร้ายสองคนต่างสะดุ้งตกใจทั้งคู่มองหน้ากันจ้าวชิงเยียนหอบผลผิงกั่วเต็มสองแขนวิ่งออกไปจากหน้าห้อง ทว่าจ้าวเหวินหยางยืนนิ่งอยู่กับที่ ท่านอ๋องน้อยตกใจเสียงเข้มของบิดา ริมฝีปากเล็กแบะปากคว่ำลง ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กัวซุนฮวาผวาขึ้นจัดอาภรณ์ให้เข้าที่และรีบวิ่งออกมานอกห้องอย่างเร่งด่วน
"โอ๋..หยางเกอเอ๋อร์ของแม่ แม่มาแล้วคนดีเจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ" กัวซุนฮวาไม่สนใจผิงกั่วที่ถูกปล่อยหล่นพื้น นางรีบอุ้มบุตรชายคนเล็กเอาไว้แนบอก
"เสด็จแม่ ฮื้อ ๆ เหตุใดไม่เปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ ต่อไปนี้หยางเอ๋อร์จะไม่ห่างเสด็จแม่อีกแล้ว"หากพี่สาวไม่หลอกล่อให้ไปเก็บผิงกั่วนี้ที่จวนท่านตา มีหรือเขาจะยอมห่างจากอกมารดา ยิ่งกลับมาแล้วเห็นเสด็จแม่โดนขังอยู่ในห้องเช่นนี้ จ้าวเหวินหยางปวดใจยิ่งนัก เสด็จพ่อพระทัยร้ายเหลือเกิน
"หุบปาก!!..ร้องหาบิดาเจ้าหรือ เป็นลูกผู้ชายหรือไม่ร้องออกมาได้อย่างไร ส่งเจ้าเด็กบ้านี่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เสียชาติเกิด ตกใจบิดาก็ร้องแล้วหรือ" จ้าวฉงซานพยายามคว้าตัวบุตรชาย แต่มีหรือซุนฮวาจะยินยอม หากนางปล่อยมือบุตรชายนางคงถูกบิดาทุบอย่างแน่นอน
"ท่านอ๋อง!!..พระองค์ยังจะดุลูกอีกหรือ ไม่ได้ยินหรือว่าหยางเกอเอ๋อร์ไปเก็บผลผิงกั่วมาให้ผู้ใด เหตุใดถึงไร้เหตุผลเช่นนี้"
จ้าวฉงซานอ้าปากค้าง เขากำลังจะเอ่ยวาจาออกมา ทว่าพระชายากลับถลึงตาใส่ ‘แล้วจะทำอย่างไรได้อีกเล่า เจ้าเป็นใหญ่อยู่แล้วนี่ แต่เหตุใดต้องขึ้นเสียงใส่ข้าต่อหน้านางกำนัลกับเจ้าเด็กบ้านี่ด้วย’แน่นอนว่าท่านอ๋องผู้เกรียงไกรได้แต่นึกอยู่ภายในใจเท่านั้น
"ไปกันเด็กดี หยางเกอเอ๋อร์อยากทำผิงกั่วเชื่อมให้เสด็จพ่อใช่หรือไม่ เช่นนั้นแม่จะพาเจ้าไปทำ เสี่ยวอี้เก็บผิงกั่วตามข้ามา"ซุนฮวาอุ้มบุตรชายเดินออกไป พร้อมกับนางกำนัลเดินตามออกไปติด ๆ เช่นกัน
ท่านอ๋องหนุ่มผู้ถูกเมินได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตามลำพัง อารมณ์รักพลันมอดสลายไปจนสิ้น ท่านอ๋องหนุ่มก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงตนเอง พลางถอนหายใจออกมาอย่างห่อเหี่ยว
"เฮ้อ...."
ในขณะที่เขาเฝ้ารักสตรีผู้นั้น ทว่าในขณะเดียวกันนางก็เฝ้ารอความรักจากเขาอย่างมีความหวัง 'ความรักทำให้คนโง่งม' คำกล่าวนี้ช่างเหมาะสมกับนางยิ่ง หรือชั่วชีวิตนี้ของนางจะเป็นได้เพียงอากาศ วนเวียนอยู่รอบกายแต่กลับไร้ค่าไม่มีตัวตน "พระองค์จะหันมาเหลียวแลหม่อมฉันบ้างได้หรือไม่ หม่อมฉันก็มีหัวใจไม่ต่างจากผู้อื่นเช่นกัน"
เพื่อแคว้นนางเสียสละ เพื่อบิดานางกตัญญู จำใจรับสถานะพระชายาที่พระสวามีไม่ยินดี ได้ครองร่างกายแต่มิอาจได้ครองใจ เพราะมิอาจขัดขืนคำสั่งพระบิดา ฟางหลินจึงต้องอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ทว่าองค์ชายผู้นั้นกลับมีสตรีในดวงใจแล้ว เห็นทีชีวิตการแต่งงานของนางคงไม่พ้นต้องแบกรับความไม่เป็นธรรม
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"