“นอนกับฉันไหม...ฉันจ่ายให้ครั้งละหมื่น”
คะนึงถึงเพียงคุณ
บทนำ
.
.
.
แดดกลางเดือนเมษายนแผดเผาจนแสบผิวสมศักดิ์ศรีฤดูร้อน มือบางถูกยกขึ้นมาปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดพรายขึ้นบนกรอบหน้า ก่อนใช้มันสะบัดพัดพาอากาศปะทะผิวเพื่อคลายร้อน ขาเรียวที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนสีซีดกลางเก่ากลางใหม่มุ่งหน้าไปยังบ้านชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน ตัวบ้านมีรั้วรอบขอบชิด มีพื้นที่สีเขียวไว้ปลูกต้นไม้นิดหน่อยที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้ที่มารดาสรรหามาปลูก
ทันทีที่บานประตูถูกเปิดออกจากคนด้านนอก เสียงคุ้นหูก็ดังแหวกอากาศมาเข้าโสตประสาท
“มาพอดี ไปรับหลานให้แม่ก่อน”
ปันตาชะงักเท้าไว้ในวินาทีเดียวกัน คิ้วเรียวสวยย่นพอประมาณพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ บ้าน ก่อนพบว่ามีแค่ผู้เป็นแม่เท่านั้นที่อยู่ในครรลองจักษุ
เจ้าของเรือนผมสีส้ม หัวหยิกจากการดัดและตัดหน้าม้าเต่ออวดเหม่งสวนกลับไปด้วยคำถาม “ปลาวาฬไปไหน”
“ไปเล่นบ้านการ์ตูน”
“อ้อ”
คุณแม่ลูกสองอย่างปาริฉัตร ที่บัดนี้ได้เป็นย่าคนแล้วเอ่ยสำทับประโยคของตน “เมื่อเที่ยงมันงอแงยกใหญ่ จะไปเล่นท่าเดียว พ่อมันก็ต้องทิ้งร้านพามันไปบ้านนั้นไม่งั้นทำฤทธิ์จนแม่ปวดหัว”
มารดาของเธอนั้นท่านขับขี่จักรยานยนต์ได้ เพียงแต่มอเตอร์ไซค์จะถูกปันตาขี่ไปทำงาน ท่านจึงไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมจึงต้องอยู่บ้านเลี้ยงหลานแทนพ่อแม่ของเด็กที่เปิดร้านอาหารตามสั่งและต้องทำงานทุกวัน
ลูกสาวคนเล็กพยักหน้ารับคำอย่างขอไปที “แล้วแม่จะเอาอะไรเพิ่มไหม มีกับข้าวหรือยัง ถ้าจะให้หนูซื้ออะไรก็บอก”
“แม่ทำไว้แล้ว วันนี้พี่เอ็งมันอยากกินต้มจืด เห็นบอกว่าเป็นร้อนใน กินอะไรไม่ค่อยได้”
“อย่างเดียวเหรอ” คู่สนทนาผงกศีรษะเป็นคำตอบ “งั้นเดี๋ยวหนูแวะตลาดซื้อปลาดุกมาให้แม่ผัดเผ็ดนะ อยากกิน”
ปาริฉัตรส่ายหน้าพรืด “ไม่เอา ค่อยทำวันอื่น พี่เอ็งกินไม่ได้จะทำทำไมให้เปลือง”
คนอายุน้อยกว่าไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป ทำเพียงหมุนตัวหันหลังให้แล้วเดินออกไปจากบริเวณนี้ ตรงไปยังที่ที่เพิ่งจากมา ขาเรียวตวัดพาดเบาะมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตนเองมีตั้งแต่เรียนจบจนเริ่มทำงานได้สี่ปีเห็นจะได้
ปันตาเป็นวิศวกร แต่ไส้แห้งอย่างไม่น่าเชื่อ
เธอเคยคิดว่าเป็นวิศวกรจะรวย แต่มารู้ความลับของจักรวาลเมื่อครั้งเรียนจบและได้เข้าสู่ประตูวัยทำงาน วิศกรที่รวยคือคนรวยที่มาเป็นวิศวกรต่างหาก ไม่ก็พวกหัวกะทิ ส่วนหางกะทิอย่างเธอนั้นก็ตามอัตภาพ
ล้อรถหมุนไปตามทางเพื่อไปยังบ้านของเด็กน้อยที่เป็นเพื่อนสนิทของหลานสาววัยหกขวบ
ยวดยานของสาวผมส้มแล่นออกจากซอยย่อยตรงไปถนนเพชรเกษม เพราะบ้านของเด็กน้อยการ์ตูนอยู่อีกฝาก เธอจำเป็นต้องข้ามถนนใหญ่ไปรับหลานที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งข้ามไปฝั่งนั้นมา ด้วยสถานที่ทำงานอยู่ตรงนั้น อันที่จริงหากมารดาติดต่อไปบอกว่าให้รับหลานกลับบ้าน เธอก็คงแวะรับมาแต่แรก
แต่ระหว่างทางกลับมีสุนัขผอมโซวิ่งตัดหน้าเป็นเหตุให้รถเสียหลัก ผนวกกับความตกใจทำให้ปันตารีบหักเข้าข้างทาง ด้วยข้างๆ ก็มีรถบรรทุกขับขนานอยู่ หากเธอล้มไปในเลนของรถใหญ่คงเป็นภาพที่ไม่น่าแลน่าชมสักเท่าไร
โครม!
เสียงชนกันของวัตถุบางอย่างดังสนั่นลั่นทุ่ง พร้อมร่างแน่งน้อยที่เสียหลักล้มไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์
“โอ๊ย!”
เพียงเสี้ยววินาทีผู้คนจากอู่ซ่อมรถที่อยู่ข้างทางก็กรูกันเข้ามาดูเหตุการณ์ เสียงจอแจของผู้คนดังเข้าโสตประสาท พอดีกับที่มีใครสักคนรีบยกมอเตอร์ไซค์ออกจากตัวหญิงสาวสีผมแสบตา
“น้องเป็นไรมากเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”
ปันตาส่ายหน้าพัลวัน “แค่เจ็บขาค่ะ” พูดจบก็กวาดสายตาดูรอบๆ ทว่ากลับไม่พบคู่กรณี “หมาแดงมันตัดหน้าหนู”
“ไอ้ตัวผอมๆ ไหมล่ะ หมาจร ไม่รู้ใครเอามาทิ้งไว้”
ยังไม่ทันที่ปันตาจะได้พูดอะไร ชายร่างสูงท่าทางแลดูภูมิฐานก็แหวกผู้คนมาหยุดอยู่ตรงหน้า สายตาคู่คมจ้องมองไปยังหญิงสาวผู้ประสบภัย ค่อยๆ ย่อตัวลงตรงหน้าเจ้าหล่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
นัยน์ตาหวานไม่ละไปจากดวงหน้าคร้ามคม หล่อนสั่นหน้าเบาๆ ประกอบคำตอบ “แค่ถลอกค่ะ ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก”
“เดี๋ยวเรียกรถโรงพยาบาลให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปโรงบาลหรอก จิ๊บๆ ไกลหัวใจ” ไม่ว่าเปล่ายังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน โดยมีการช่วยเหลือจากคู่สนทนาที่ช่วยพยุงให้ยืนได้สะดวก “ขอบคุณค่ะ”
ชายร่างสูงโปร่งหรี่ตามองสาวร่างบาง “ไม่ไปหาหมอแน่นะ น่าจะไปตรวจดูสักหน่อย มันอาจจะกระทบกระเทือนภายใน พวกกระดูกน่ะ ถ้าร้าวหรือหักขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”
“หนูอึดยิ่งกว่าวัวกว่าควาย ไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ” หลังตอบปัดๆ แล้วจึงหันไปทางเจ้าของประโยคที่บอกว่าคู่กรณีของตนเป็นสุนัขไม่มีเจ้าของ “พี่คะ หมานั่นหมาจรจริงเหรอ”
“จริง เห็นมาเดินแถวนี้เกือบสัปดาห์แล้ว จะไปเอาความรับผิดชอบจากใครก็คงไม่ได้ มันไม่มีเจ้าของ”
พอดีกับที่สายตาคู่งามเหลือบไปเห็นซีดานที่ตัวเองชนเข้าอย่างจัง ก่อนห่วงสี่ห่วงที่อยู่ท้ายรถจะฉายชัดในดวงตา
งามไส้! ชนออดี้ รู้งี้กลั้นใจตายยังดีกว่า
“ไอ้ขาล รถมึงยับเลยว่ะ หันมาดูรถก่อน”
เจ้าของชื่อ ‘ขาล’ ผู้ที่รบเร้าให้เธอไปหาหมอผินหน้าไปทางต้นเสียง “เห็นแล้ว แต่ดูคนเจ็บก่อน รถนั่นเดี๋ยวค่อยโทร. เรียกประกัน”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าของอู่เดินตามหลังมาสมทบกับคนอื่นๆ “กูโทร. แจ้งตำรวจแล้ว เดี๋ยวมา”
ปันตารู้สึกเหมือนลมจะจับ วิญญาณของเธอหลุดลอยออกจากร่าง ตอนนี้มีเพียงกายหยาบเท่านั้นที่ยืนเป็นหินในวงล้อมผู้ชายมากหน้าหลายตา
คู่กรณีตัวจริงปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ เจ้าของอู่ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าของรถก็ว่าอย่างใจดี “เข้าไปนั่งรอข้างในก่อนน้อง”
หญิงสาวที่เหลือแต่กายหยาบ ใครบอกอะไรก็ทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ เดินขากะเผลกเข้าไปนั่งในร้านตามคำเชิญของอีกฝ่าย โดยรวมเธอไม่เจ็บหนัก แต่ก็เจ็บจากการถูกรถทับพอประมาณ บวกกับมีแผลถลอกนิดหน่อยบริเวณแขนและฝ่ามือเพราะผิวครูดไปกับพื้นถนน
ขณะที่นั่งรอตำรวจและตัวแทนประกัน เสียงของใครบางคนก็ดังแหวกอากาศมาเข้าหู “ใช่น้องไอ้ปิ๊นปะ”
เธอหันไปตามเสียง พยักหน้าพอเป็นพิธี
“เออ ก็ว่าคุ้นๆ น้องไอ้ปิ๊นนี่เอง มึงโทร. บอกมันหน่อยว่าน้องมันรถล้ม”
ให้หลังไม่นานผู้คนบริเวณหน้าอู่ก็เนืองแน่นขึ้นถนัดตา ทั้งตำรวจ ประกัน รวมถึงพี่ชายของเธอด้วย
“เจ็บตรงไหนไหมป้อน” ปันสุขถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนระคนเป็นห่วง
ผู้ประสบเหตุส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ยังครบสามสิบสอง”
นาทีนี้ไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าใจเธออีกแล้ว ความเจ็บของแผลถลอกหรือที่รถทับขามันเทียบไม่ได้เลยกับการที่รถคู่กรณีเป็นรถหรูราคาหลายล้าน เพียงแค่คิดถึงค่าซ่อม ลมหายใจก็เหมือนจะขาดห้วงพาให้กระจายตัวได้ไม่ทั่วท้อง
ให้หลังไม่กี่นาทีตำรวจก็สืบเท้าเข้ามาหา สอบถามไปตามหน้าที่ และปันตายอมรับผิดทุกข้อกล่าวหาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ค่ะ หนูขับมาถึงตรงนี้แล้วก็มีหมาแดงตัดหน้า หนูตกใจเลยหักหลบเพราะข้างๆ ก็เป็นสิบล้อ กลัวจะเข้าไปนอนใต้ท้องพี่เบิ้มก็เลยมาเสยท้ายรถคุณเขาแทน” หล่อนเล่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก “ที่บางทีหนูน่าจะเบี่ยงไปหาพี่เบิ้ม”
“รักษาชีวิตไว้ได้ดีกว่าน้อง เงินทองมันของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ อีกอย่างน้องก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากด้วย โชคดีมากแล้ว”
สาวเจ้าได้แต่แค่นยิ้มที่ใครก็เห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นยิ้มที่หดหู่ที่สุดในโลก
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์พยักหน้าให้สองสามที “อย่าคิดมาก” ก่อนกวาดตาไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในชุดช่างทั้งหลาย “หมาที่ตัดหน้ารถใช่หมาของที่นี่หรือเปล่าครับ”
เป็นเจ้าของอู่ที่ตอบคำถาม “ไม่ใช่ครับ มันเป็นหมาจร ไม่มีเจ้าของ”
“หมาจรเหรอ”
“ครับ ไม่รู้ใครเอามาปล่อย เห็นมันเดินอยู่แถวนี้มาหลายวัน ปลอกคอก็ไม่มี ไม่ค่อยถูกกับหมาเจ้าถิ่นด้วย”
“โอเค งั้นก็คงเรียกค่าเสียหายจากใครไม่ได้จริงๆ” แล้วหลุบตาไปมองหญิงสาว “คงต้องไปที่โรงพักเพราะยังไงก็ถือเป็นการขับรถโดยประมาท ส่วนเรื่องค่าเสียหายถ้าคุยกันไม่ลงตัวกับคู่กรณีจะต้องมีการส่งฟ้องและต่อสู้กันในชั้นศาล-”
“สู้ไหวค่ะ หนูเป็นมวย”
“คนละสู้ อย่าติดเล่นสิน้อง” คุณตำรวจดุอย่างไม่จริงจังก่อนว่าเสียงเข้ม “และผมขอแนะนำให้ไกล่เกลี่ยให้ลงตัว สู้ยังไงก็แพ้ครับเพราะน้องผิดเต็มประตู เดี๋ยวจะเสียทั้งค่าทนาย ค่าปรับ พูดได้คำเดียวว่าอ่วม”
ปันตาระบายยิ้มให้คู่สนทนา “ขอบคุณที่ซ้ำเติมนะคะ”
นายตำรวจก็ส่งยิ้มกลับมา “ครับผม งั้นเดี๋ยวจัดการตรงนี้เรียบร้อยแล้วไปคุยกันต่อที่โรงพักนะครับน้องนักสู้”
ก่อนตัวแทนประกันจะเข้ามาพูดคุยพร้อมกับช่างที่มาประเมินราคาค่าซ่อมแซม ที่ไม่ว่าราคาจะดีดไปเท่าไรเธอก็ต้องน้อมรับแต่โดยดีเพราะเป็นฝ่ายผิดชนิดที่ตลบตะแลงไม่ได้ ยิ่งดิ้นจะยิ่งเจ็บหนัก
ซึ่งอู่ที่รับซ่อมรถหรูก็อู่เพื่อนเจ้าของรถที่ตั้งอยู่ตรงนี้นี่เอง พวกเขาร่ายยาวว่ามีอะไรเสียหายจากการกระทำของเธอบ้าง เธอฟังไม่เข้าใจเพราะไม่สันทัดเรื่องรถ เลยได้แต่พยักหน้ากลบเกลื่อนความไม่รู้ กระทั่งช่างเอ่ยปากพูดเรื่องราคา
“ทั้งหมดประมาณห้าหมื่นสาม แต่พี่ตีกลมๆ ห้าหมื่น พอดีอะไหล่ออดี้มันแพง น้องคงเข้าใจนะ นี่ราคาเป็นกันเองที่สุดแล้ว ต่ำกว่านี้ก็เข้าเนื้อพี่”
พูดอะไรของมันวะ ห้าหมื่น?
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"