“นอนกับฉันไหม...ฉันจ่ายให้ครั้งละหมื่น”
“นอนกับฉันไหม...ฉันจ่ายให้ครั้งละหมื่น”
คะนึงถึงเพียงคุณ
บทนำ
.
.
.
แดดกลางเดือนเมษายนแผดเผาจนแสบผิวสมศักดิ์ศรีฤดูร้อน มือบางถูกยกขึ้นมาปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดพรายขึ้นบนกรอบหน้า ก่อนใช้มันสะบัดพัดพาอากาศปะทะผิวเพื่อคลายร้อน ขาเรียวที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนสีซีดกลางเก่ากลางใหม่มุ่งหน้าไปยังบ้านชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน ตัวบ้านมีรั้วรอบขอบชิด มีพื้นที่สีเขียวไว้ปลูกต้นไม้นิดหน่อยที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้ที่มารดาสรรหามาปลูก
ทันทีที่บานประตูถูกเปิดออกจากคนด้านนอก เสียงคุ้นหูก็ดังแหวกอากาศมาเข้าโสตประสาท
“มาพอดี ไปรับหลานให้แม่ก่อน”
ปันตาชะงักเท้าไว้ในวินาทีเดียวกัน คิ้วเรียวสวยย่นพอประมาณพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ บ้าน ก่อนพบว่ามีแค่ผู้เป็นแม่เท่านั้นที่อยู่ในครรลองจักษุ
เจ้าของเรือนผมสีส้ม หัวหยิกจากการดัดและตัดหน้าม้าเต่ออวดเหม่งสวนกลับไปด้วยคำถาม “ปลาวาฬไปไหน”
“ไปเล่นบ้านการ์ตูน”
“อ้อ”
คุณแม่ลูกสองอย่างปาริฉัตร ที่บัดนี้ได้เป็นย่าคนแล้วเอ่ยสำทับประโยคของตน “เมื่อเที่ยงมันงอแงยกใหญ่ จะไปเล่นท่าเดียว พ่อมันก็ต้องทิ้งร้านพามันไปบ้านนั้นไม่งั้นทำฤทธิ์จนแม่ปวดหัว”
มารดาของเธอนั้นท่านขับขี่จักรยานยนต์ได้ เพียงแต่มอเตอร์ไซค์จะถูกปันตาขี่ไปทำงาน ท่านจึงไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมจึงต้องอยู่บ้านเลี้ยงหลานแทนพ่อแม่ของเด็กที่เปิดร้านอาหารตามสั่งและต้องทำงานทุกวัน
ลูกสาวคนเล็กพยักหน้ารับคำอย่างขอไปที “แล้วแม่จะเอาอะไรเพิ่มไหม มีกับข้าวหรือยัง ถ้าจะให้หนูซื้ออะไรก็บอก”
“แม่ทำไว้แล้ว วันนี้พี่เอ็งมันอยากกินต้มจืด เห็นบอกว่าเป็นร้อนใน กินอะไรไม่ค่อยได้”
“อย่างเดียวเหรอ” คู่สนทนาผงกศีรษะเป็นคำตอบ “งั้นเดี๋ยวหนูแวะตลาดซื้อปลาดุกมาให้แม่ผัดเผ็ดนะ อยากกิน”
ปาริฉัตรส่ายหน้าพรืด “ไม่เอา ค่อยทำวันอื่น พี่เอ็งกินไม่ได้จะทำทำไมให้เปลือง”
คนอายุน้อยกว่าไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป ทำเพียงหมุนตัวหันหลังให้แล้วเดินออกไปจากบริเวณนี้ ตรงไปยังที่ที่เพิ่งจากมา ขาเรียวตวัดพาดเบาะมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตนเองมีตั้งแต่เรียนจบจนเริ่มทำงานได้สี่ปีเห็นจะได้
ปันตาเป็นวิศวกร แต่ไส้แห้งอย่างไม่น่าเชื่อ
เธอเคยคิดว่าเป็นวิศวกรจะรวย แต่มารู้ความลับของจักรวาลเมื่อครั้งเรียนจบและได้เข้าสู่ประตูวัยทำงาน วิศกรที่รวยคือคนรวยที่มาเป็นวิศวกรต่างหาก ไม่ก็พวกหัวกะทิ ส่วนหางกะทิอย่างเธอนั้นก็ตามอัตภาพ
ล้อรถหมุนไปตามทางเพื่อไปยังบ้านของเด็กน้อยที่เป็นเพื่อนสนิทของหลานสาววัยหกขวบ
ยวดยานของสาวผมส้มแล่นออกจากซอยย่อยตรงไปถนนเพชรเกษม เพราะบ้านของเด็กน้อยการ์ตูนอยู่อีกฝาก เธอจำเป็นต้องข้ามถนนใหญ่ไปรับหลานที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งข้ามไปฝั่งนั้นมา ด้วยสถานที่ทำงานอยู่ตรงนั้น อันที่จริงหากมารดาติดต่อไปบอกว่าให้รับหลานกลับบ้าน เธอก็คงแวะรับมาแต่แรก
แต่ระหว่างทางกลับมีสุนัขผอมโซวิ่งตัดหน้าเป็นเหตุให้รถเสียหลัก ผนวกกับความตกใจทำให้ปันตารีบหักเข้าข้างทาง ด้วยข้างๆ ก็มีรถบรรทุกขับขนานอยู่ หากเธอล้มไปในเลนของรถใหญ่คงเป็นภาพที่ไม่น่าแลน่าชมสักเท่าไร
โครม!
เสียงชนกันของวัตถุบางอย่างดังสนั่นลั่นทุ่ง พร้อมร่างแน่งน้อยที่เสียหลักล้มไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์
“โอ๊ย!”
เพียงเสี้ยววินาทีผู้คนจากอู่ซ่อมรถที่อยู่ข้างทางก็กรูกันเข้ามาดูเหตุการณ์ เสียงจอแจของผู้คนดังเข้าโสตประสาท พอดีกับที่มีใครสักคนรีบยกมอเตอร์ไซค์ออกจากตัวหญิงสาวสีผมแสบตา
“น้องเป็นไรมากเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”
ปันตาส่ายหน้าพัลวัน “แค่เจ็บขาค่ะ” พูดจบก็กวาดสายตาดูรอบๆ ทว่ากลับไม่พบคู่กรณี “หมาแดงมันตัดหน้าหนู”
“ไอ้ตัวผอมๆ ไหมล่ะ หมาจร ไม่รู้ใครเอามาทิ้งไว้”
ยังไม่ทันที่ปันตาจะได้พูดอะไร ชายร่างสูงท่าทางแลดูภูมิฐานก็แหวกผู้คนมาหยุดอยู่ตรงหน้า สายตาคู่คมจ้องมองไปยังหญิงสาวผู้ประสบภัย ค่อยๆ ย่อตัวลงตรงหน้าเจ้าหล่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
นัยน์ตาหวานไม่ละไปจากดวงหน้าคร้ามคม หล่อนสั่นหน้าเบาๆ ประกอบคำตอบ “แค่ถลอกค่ะ ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก”
“เดี๋ยวเรียกรถโรงพยาบาลให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปโรงบาลหรอก จิ๊บๆ ไกลหัวใจ” ไม่ว่าเปล่ายังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน โดยมีการช่วยเหลือจากคู่สนทนาที่ช่วยพยุงให้ยืนได้สะดวก “ขอบคุณค่ะ”
ชายร่างสูงโปร่งหรี่ตามองสาวร่างบาง “ไม่ไปหาหมอแน่นะ น่าจะไปตรวจดูสักหน่อย มันอาจจะกระทบกระเทือนภายใน พวกกระดูกน่ะ ถ้าร้าวหรือหักขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”
“หนูอึดยิ่งกว่าวัวกว่าควาย ไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ” หลังตอบปัดๆ แล้วจึงหันไปทางเจ้าของประโยคที่บอกว่าคู่กรณีของตนเป็นสุนัขไม่มีเจ้าของ “พี่คะ หมานั่นหมาจรจริงเหรอ”
“จริง เห็นมาเดินแถวนี้เกือบสัปดาห์แล้ว จะไปเอาความรับผิดชอบจากใครก็คงไม่ได้ มันไม่มีเจ้าของ”
พอดีกับที่สายตาคู่งามเหลือบไปเห็นซีดานที่ตัวเองชนเข้าอย่างจัง ก่อนห่วงสี่ห่วงที่อยู่ท้ายรถจะฉายชัดในดวงตา
งามไส้! ชนออดี้ รู้งี้กลั้นใจตายยังดีกว่า
“ไอ้ขาล รถมึงยับเลยว่ะ หันมาดูรถก่อน”
เจ้าของชื่อ ‘ขาล’ ผู้ที่รบเร้าให้เธอไปหาหมอผินหน้าไปทางต้นเสียง “เห็นแล้ว แต่ดูคนเจ็บก่อน รถนั่นเดี๋ยวค่อยโทร. เรียกประกัน”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าของอู่เดินตามหลังมาสมทบกับคนอื่นๆ “กูโทร. แจ้งตำรวจแล้ว เดี๋ยวมา”
ปันตารู้สึกเหมือนลมจะจับ วิญญาณของเธอหลุดลอยออกจากร่าง ตอนนี้มีเพียงกายหยาบเท่านั้นที่ยืนเป็นหินในวงล้อมผู้ชายมากหน้าหลายตา
คู่กรณีตัวจริงปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ เจ้าของอู่ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าของรถก็ว่าอย่างใจดี “เข้าไปนั่งรอข้างในก่อนน้อง”
หญิงสาวที่เหลือแต่กายหยาบ ใครบอกอะไรก็ทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ เดินขากะเผลกเข้าไปนั่งในร้านตามคำเชิญของอีกฝ่าย โดยรวมเธอไม่เจ็บหนัก แต่ก็เจ็บจากการถูกรถทับพอประมาณ บวกกับมีแผลถลอกนิดหน่อยบริเวณแขนและฝ่ามือเพราะผิวครูดไปกับพื้นถนน
ขณะที่นั่งรอตำรวจและตัวแทนประกัน เสียงของใครบางคนก็ดังแหวกอากาศมาเข้าหู “ใช่น้องไอ้ปิ๊นปะ”
เธอหันไปตามเสียง พยักหน้าพอเป็นพิธี
“เออ ก็ว่าคุ้นๆ น้องไอ้ปิ๊นนี่เอง มึงโทร. บอกมันหน่อยว่าน้องมันรถล้ม”
ให้หลังไม่นานผู้คนบริเวณหน้าอู่ก็เนืองแน่นขึ้นถนัดตา ทั้งตำรวจ ประกัน รวมถึงพี่ชายของเธอด้วย
“เจ็บตรงไหนไหมป้อน” ปันสุขถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนระคนเป็นห่วง
ผู้ประสบเหตุส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ยังครบสามสิบสอง”
นาทีนี้ไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าใจเธออีกแล้ว ความเจ็บของแผลถลอกหรือที่รถทับขามันเทียบไม่ได้เลยกับการที่รถคู่กรณีเป็นรถหรูราคาหลายล้าน เพียงแค่คิดถึงค่าซ่อม ลมหายใจก็เหมือนจะขาดห้วงพาให้กระจายตัวได้ไม่ทั่วท้อง
ให้หลังไม่กี่นาทีตำรวจก็สืบเท้าเข้ามาหา สอบถามไปตามหน้าที่ และปันตายอมรับผิดทุกข้อกล่าวหาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ค่ะ หนูขับมาถึงตรงนี้แล้วก็มีหมาแดงตัดหน้า หนูตกใจเลยหักหลบเพราะข้างๆ ก็เป็นสิบล้อ กลัวจะเข้าไปนอนใต้ท้องพี่เบิ้มก็เลยมาเสยท้ายรถคุณเขาแทน” หล่อนเล่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก “ที่บางทีหนูน่าจะเบี่ยงไปหาพี่เบิ้ม”
“รักษาชีวิตไว้ได้ดีกว่าน้อง เงินทองมันของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ อีกอย่างน้องก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากด้วย โชคดีมากแล้ว”
สาวเจ้าได้แต่แค่นยิ้มที่ใครก็เห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นยิ้มที่หดหู่ที่สุดในโลก
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์พยักหน้าให้สองสามที “อย่าคิดมาก” ก่อนกวาดตาไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในชุดช่างทั้งหลาย “หมาที่ตัดหน้ารถใช่หมาของที่นี่หรือเปล่าครับ”
เป็นเจ้าของอู่ที่ตอบคำถาม “ไม่ใช่ครับ มันเป็นหมาจร ไม่มีเจ้าของ”
“หมาจรเหรอ”
“ครับ ไม่รู้ใครเอามาปล่อย เห็นมันเดินอยู่แถวนี้มาหลายวัน ปลอกคอก็ไม่มี ไม่ค่อยถูกกับหมาเจ้าถิ่นด้วย”
“โอเค งั้นก็คงเรียกค่าเสียหายจากใครไม่ได้จริงๆ” แล้วหลุบตาไปมองหญิงสาว “คงต้องไปที่โรงพักเพราะยังไงก็ถือเป็นการขับรถโดยประมาท ส่วนเรื่องค่าเสียหายถ้าคุยกันไม่ลงตัวกับคู่กรณีจะต้องมีการส่งฟ้องและต่อสู้กันในชั้นศาล-”
“สู้ไหวค่ะ หนูเป็นมวย”
“คนละสู้ อย่าติดเล่นสิน้อง” คุณตำรวจดุอย่างไม่จริงจังก่อนว่าเสียงเข้ม “และผมขอแนะนำให้ไกล่เกลี่ยให้ลงตัว สู้ยังไงก็แพ้ครับเพราะน้องผิดเต็มประตู เดี๋ยวจะเสียทั้งค่าทนาย ค่าปรับ พูดได้คำเดียวว่าอ่วม”
ปันตาระบายยิ้มให้คู่สนทนา “ขอบคุณที่ซ้ำเติมนะคะ”
นายตำรวจก็ส่งยิ้มกลับมา “ครับผม งั้นเดี๋ยวจัดการตรงนี้เรียบร้อยแล้วไปคุยกันต่อที่โรงพักนะครับน้องนักสู้”
ก่อนตัวแทนประกันจะเข้ามาพูดคุยพร้อมกับช่างที่มาประเมินราคาค่าซ่อมแซม ที่ไม่ว่าราคาจะดีดไปเท่าไรเธอก็ต้องน้อมรับแต่โดยดีเพราะเป็นฝ่ายผิดชนิดที่ตลบตะแลงไม่ได้ ยิ่งดิ้นจะยิ่งเจ็บหนัก
ซึ่งอู่ที่รับซ่อมรถหรูก็อู่เพื่อนเจ้าของรถที่ตั้งอยู่ตรงนี้นี่เอง พวกเขาร่ายยาวว่ามีอะไรเสียหายจากการกระทำของเธอบ้าง เธอฟังไม่เข้าใจเพราะไม่สันทัดเรื่องรถ เลยได้แต่พยักหน้ากลบเกลื่อนความไม่รู้ กระทั่งช่างเอ่ยปากพูดเรื่องราคา
“ทั้งหมดประมาณห้าหมื่นสาม แต่พี่ตีกลมๆ ห้าหมื่น พอดีอะไหล่ออดี้มันแพง น้องคงเข้าใจนะ นี่ราคาเป็นกันเองที่สุดแล้ว ต่ำกว่านี้ก็เข้าเนื้อพี่”
พูดอะไรของมันวะ ห้าหมื่น?
"พี่ริก" นินิวเรียกคนที่เข้ามาในห้องเธอ ฉันอยากจะกรี๊ดและกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ฉันลืมไปสนิทว่าริกเป็นคนที่เข้าออกคอนโดของเธอได้อย่างง่ายดาย "ออกไป ถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกห้องคนอื่นในยามวิกาล" นินิวบอกริกมาเสียดังด้วยสีหน้าโกรธจัด ที่ริกเข้าห้องเธออย่างถือวิสะ "ไม่ไป ในเมื่อที่นี่คือห้องเมียฉัน ทำไมฉันต้องออก" ร่างสูงบอกมาด้วยเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ "ห้องฉันไม่ใช่ห้องของยัยโมเน่ เมียคนปัจจุบันของพี่ ถ้าพี่ยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้างก็ออกไปจากห้องฉันคะ" แต่ริกกับไม่สนใจคำพูดนินิวเลยซักนิด ร่างสูงเดินเข้ามาหาคนตรงหน้า นินิวที่เห็นเช่นนั้นถึงกับจับที่ชายผ้าขนหนูเอาไว้แน่นขึ้น เพราะคนตรงหน้านั่นดูอันตรายสำหรับเธอ "อย่านะพี่ริก เรื่องของเรามันจบไปแล้ว" นินิวบอกมาด้วยเสียงสั่นเพราะสายตาที่เขามองเธอมามันน่ากลัวมากจริงๆ "ชอบฉันไม่ใช่เหรอ เอาฉันแล้วจะไปอ่อยคนอื่น อีกทำไม ฉันเห็นเต็มสองตาว่าเธอจูบกับไอ้ไทม์" "ในเมื่อพี่เห็นเช่นนั้น พี่ก็เลิกยุ่งกับฉันเสียสิ ฉันจะอ่อยจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม ฉันบอกพี่ไม่กี่ร้อยครั้งแล้วว่าเราเลิกกันแล้ว เพราะพี่มันเลว ฉันเลยไม่อยากได้พี่แล้ว " นินิวบอกคนใจร้ายอย่างคนเหลืออด เธอระเบิดอารมณ์ใส่คนตรงหน้าอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว สำหรับริกตอนนี้เธอมองเขาเป็นแค่เศษฝุ่นที่รู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าแมลงสาบ ริกถึงกับกัดฟันกอดด้วยความโกรธและโมโห เชตเรื่องหนุ่มๆวิศวะทั้ง 4 หนุ่มนะคะ พันธะร้ายนายวิศวะ เรียวตะ x เชอรีน (มีให้อ่านจบเรื่อง) พิษรักร้าย Toxic Love ริกกี้ x นินิว พลาดรักร้ายนายวิศวะ อรัณ x มิริณ คลั่งรักร้ายนายวิศวะ ริว x เจนิส โลกสวยไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้ ข้ามไปได้เลยจ้า นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้แต่ง ห้ามขัดลอกเรียนแบบใดๆ ทั้งสิ้นเขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียนเท่านั้น นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงในบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด