ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ
ในเงาของหัวใจ

ในเงาของหัวใจ

5.0
10 บท
5 ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

เธอสูญเสียเขาไปในคืนแต่งงาน...แต่ไม่นานหลังจากนั้น ชายแปลกหน้ากลับปรากฏตัว พร้อมหัวใจดวงเดิมที่เธอเคยมอบให้ใครคนหนึ่ง ในร่างใหม่ ที่รักเธอไม่ต่างจากเดิม

บทที่ 1 ความทรงจำที่ยังหายใจ

เสียงฝนตกเบา ๆ นอกหน้าต่างคล้ายบทกล่อมของค่ำคืน

ห้องหออบอวลด้วยกลิ่นกุหลาบขาว และแสงไฟอุ่นละมุนราวอยู่ในฝัน

กานต์ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาจับจ้องด้วยแววตาที่ไม่อาจละไปไหน

มือของเขาเลื่อนมาถอดผ้าคลุมผมเจ้าสาวออกอย่างเบามือ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำและนุ่มนวล

“รู้ไหมครับ ผมเคยคิดถึงภาพในวันนี้มาตลอด แต่พอเห็นคุณจริง ๆ ในชุดเจ้าสาว ผมกลับไม่แน่ใจว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า”

นารายิ้มบาง ๆ ดวงตาเธอเป็นประกาย ปลายนิ้วแตะมือเขาเบา ๆ

ไม่มีคำพูดใดจำเป็นในตอนนั้น ความเงียบของหัวใจพูดแทนทุกอย่าง

“เหนื่อยไหมวันนี้”

เสียงทุ้มแผ่วเบาของกานต์ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสอ่อนโยนที่แตะลงบนไหล่นารา เขานั่งลงข้างเธอ พลางยื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่น

“นิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้หายแล้ว” นารายิ้มจาง ๆ ก่อนจะเอนศีรษะลงบนไหล่เขาอย่างไว้ใจ

กานต์ก้มหน้าลงจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเธอ “ขอบคุณนะ ที่ยอมเดินมาจนถึงวันนี้ด้วยกัน”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ... ขอบคุณที่ไม่เคยปล่อยมือฉันเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

กานต์ขยับกายเข้ามาใกล้ รั้งตัวเธอเข้าสู่อ้อมแขนแน่นขึ้น ลมหายใจเขาอุ่นอยู่ใกล้ใบหน้าเธอ ราวกับจะบอกให้รู้ว่า เขาอยู่ตรงนี้ อยู่เพื่อเธอ

“ให้ผมช่วยเปลี่ยนชุดนะครับ” เสียงเขานุ่มและจริงใจ

กานต์ช่วยปลดกระดุมชุดเจ้าสาวของเธอด้วยความทะนุถนอม ทุกการเคลื่อนไหวมีความระมัดระวัง และเต็มไปด้วยความรัก

เมื่อเธออยู่ในชุดซับในอันเบาบาง เขาจึงถอดเสื้อสูทของตัวเองออก

เขานั่งลงข้างเธอ คว้ามือที่คล้ายกับสั่นเบา ๆ ของเธอมากุมไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวนะครับ”

“ฉันไม่ได้กลัว...” เธอยิ้ม “…แค่ยังไม่เชื่อว่านี่คือความจริง”

กานต์โอบเธอเข้ามาแนบอก “ผมรักคุณนะ นารา”

“ฉันก็รักคุณค่ะ”

ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแนวกรอบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากนุ่มที่เขารู้จักดี ริมฝีปากหญิงสาวที่เขารอจะเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียวมาตลอดชีวิต

จูบแรก...แผ่วเบาและสั่นไหว

จูบที่สอง...มั่นคง อบอุ่น และเต็มไปด้วยความรัก

แขนของกานต์โอบกระชับคนในอ้อมกอดไว้แน่น ราวกับไม่ต้องการให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไป นาราซบหน้าแนบอกเขา ฟังจังหวะหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับเธอ แล้วปล่อยให้อารมณ์นำพาทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างเนิบนุ่ม...ละมุนละไม

ไม่มีความเร่งรีบ มีเพียงความมั่นคงที่สะสมมาตลอดหลายปี

มืออันอบอุ่นสอดสัมผัสเข้าไปภายใต้ชุดที่บางเบาของนารา เขาลูบไล้สัมผัสผิวอันอ่อนนุ่มของเธออย่างทะนุถนอม ริมฝีปากร้อนผ่าวเคลื่อนวนขบเม้มลงมาตามซอกคอที่หอมกรุ่นของหญิงสาวในอ้อมกอด

นาราทำได้เพียงหลับตา สะกดกลั้นความเสียวซ่านของการถูกสัมผัสจากชายที่เธอรักมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

..........

เสียงโทรศัพท์ดังแทรกเข้ามากะทันหัน

ชื่อ "อรดา" สว่างบนหน้าจอ

กานต์หงุดหงิดและไม่เต็มใจที่จะรับสายเรียกเข้านี้ ทว่านารากลับหยุดการกระทำของเขา และให้เขารับสายเจ้าปัญหานี้ก่อน

“ฮัลโหล…ว่าไงอรดา?”

เสียงปลายสายตื่นตระหนก

“ขอโทษที่โทรมากลางดึกค่ะคุณกานต์ แต่ฉันโทรติดต่อคุณนาราไม่ได้เลย ตอนนี้ฐานข้อมูลบริษัทโดนเจาะ ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลหมดเลยค่ะ!”

"อะไรนะ" เขาหันมาสบตานารา

เธอพยักหน้าโดยทันที “กานต์ ไปค่ะ เราต้องไปดูเอง ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญจะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้”

..........

รถแล่นฝ่าสายฝนในค่ำคืนที่เงียบสงัด

มือของกานต์จับมือเธอไว้แน่น

“ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมอยู่ตรงนี้”

"ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเกิดเรื่องร้ายในคืนวันแต่งงานของเราแบบนี้ด้วย” เธอกระซิบตอบ ถึงแม้ว่ากานต์จะบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ลงไปได้

ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว

จู่ ๆ แสงไฟจากรถบรรทุกก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง!

เสียงเบรก เสียงกระแทก เสียงทุกอย่างปะทะกันในวินาทีเดียว

โลกทั้งใบหมุนคว้าง ก่อนจะดับวูบลงในความมืด

นาราค่อย ๆ ลืมตา เสียงไซเรนดังแว่วอยู่ไกล ๆ

กลิ่นควันและแสงวูบไหวจากไฟฉุกเฉินทำให้สติของเธอค่อย ๆ กลับมา

ร่างกายปวดระบม แต่สิ่งแรกที่เธอคิดถึงคือคนข้างตัว

“กานต์...?” เธอเรียกชื่อเขาเสียงสั่น มือควานหาอย่างลนลาน

เขานอนแนบอยู่ข้างเธอ แขนยังโอบเธอไว้แน่น

เลือดจากหน้าผากเขาไหลช้า ๆ ริมฝีปากซีด และหายใจแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน

“กานต์! ได้ยินไหม?!” เสียงเธอสั่นเครือ น้ำตารื้นขึ้นมาทันที

กานต์ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตากะพริบช้า ๆ มองหน้าเธอ

“คุณ...ปลอดภัยไหม...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า…”

“ไม่ต้องห่วงฉัน...คุณต่างหาก คุณเลือดออกเต็มไปหมดเลย!”

เธอรีบเอามือกดแผลเขาไว้ แม้จะตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้

เสียงรถพยาบาลใกล้เข้ามา

นารากัดฟันพยายามประคองเขาไว้

“เดี๋ยวนะ กานต์...อย่าหลับนะ ได้ยินไหม...เดี๋ยวคนมาช่วยแล้ว”

“ไม่เป็นไร...คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว…” เขาพูดแผ่วเบา ริมฝีปากแทบไม่ขยับ

“อย่าพูดแบบนั้น! คุณต้องไม่เป็นไร...กานต์ ได้ยินไหม?!”

เขาพยายามจะยิ้ม แต่ก็หมดแรง

แววตายังมองเธอไม่วาง ราวกับอยากแน่ใจว่าเธอปลอดภัยจริง ๆ

“ช่วยด้วย! ตรงนี้ค่ะ!” เธอตะโกนไปยังทีมกู้ชีพที่วิ่งเข้ามา

มือของเธอจับมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

และในวินาทีนั้นเธอรู้แค่อย่างเดียวว่า...เธอไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน

ทว่าร่างกายของเธอก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สติสัมปชัญญะที่มีเริ่มเลือนลาง ในที่สุดแสงสว่างตรงหน้าก็ดับมืดไป

.................

เสียงเครื่องวัดชีพจรดังแผ่วเบา เคล้ากับกลิ่นยาในห้องสีขาวสว่าง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว นาราค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพพื้นเพดานจาง ๆ ค่อยชัดขึ้นทีละน้อย

สติของเธอกลับมาเพียงครึ่งหนึ่ง แต่หัวใจกลับเจ็บแน่นราวมีอะไรบางอย่างขาดหาย

ภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง

คือใบหน้าของกานต์…เลือดเปื้อนหน้าเขา แขนยังโอบเธอไว้แน่น

และเสียงของเขา…ยังคงก้องอยู่ในหัว

“คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว…”

แค่หลับตา เสียงนั้นก็ชัดเจนจนเจ็บ

ในระหว่างที่นารากำลังคิดทบทวน ประตูห้องก็เปิดออกเบา ๆ

ชายคนหนึ่งในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมสีหน้าที่จริงจังเกินกว่าที่ผู้ได้พบเห็นจะรู้สึกสบายใจ

“คุณนารา…” เสียงที่อ่อนโยนแต่ทุ้มหนักของหมอดังขึ้น

“คุณฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้รู้สึกมีส่วนไหนที่ยังไม่ค่อยโอเคบ้างไหมครับ"

ได้ยินคำถามจากคุณหมอเจ้าของไข้ นาราทำได้เพียงสายศีรษะไปมาอย่างช้า ๆ โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ

หมอหยิบชาร์ตรายงานผลการตรวจขึ้นมาอ่านคู่หนึ่ง หลังจากได้เซ็นชื่อรับรองก็กล่าวขึ้นว่า "สภาพร่างกายของคุณโดยรวมถือว่าไม่เป็นอะไรมาก มีเพียงแผลบาดเจ็บแค่เล็กน้อย"

หลังจากเปิดดูรายงานทางการแพทย์อีกครู่หนึ่งเขาก็วางมันไว้ที่เดิม

"แต่ทางที่ดีหมอจะให้คุณพักดูอาการอีกสักหนึ่งอาทิตย์ ถ้าไม่มีอะไรมากก็สามารถกลับบ้านได้ครับ” เขากล่าวอธิบาย

เธอหันไปมองเขา ดวงตายังพร่ามัวจากทั้งน้ำตาและฤทธิ์ยา เอ่ยถามทันทีโดยที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง "หมอคะ กานต์....กานต์เขาเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหนเขาปลอดภัยดีใช่ไหมคะ"

หลังจากได้ยินคำถามสีหน้าของหมอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นอย่างไม่สามารถปกปิดได้

“คุณกานต์...เขาบาดเจ็บสาหัสมากครับ” หมอพูดอย่างระมัดระวัง

“เราทำได้แค่ประคองชีวิตเขาไว้ให้ถึงตอนนี้ เขาเสียเลือดมาก มีบาดแผลภายในหลายจุด"

"เขา...คงรอให้คุณฟื้นขึ้นมา....”

หมอไม่ได้บอกโดยละเอียดเพราะไม่อยากให้กระทบต่อจิตใจของเธอ เพียงแต่คำพูดสุดท้ายของหมอ...คล้ายมีใครกดหัวใจเธอลงอย่างแรง

นาราขยับตัวลุกขึ้นทันที แม้ร่างกายจะยังอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“ฉัน...ฉันอยากเจอเขา”

หมอพยักหน้า

“เขาอยู่ห้อง ICU ชั้นบน ผมจะพาคุณไป”

บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นเข้ามา ประคองเธอนั่งบนรถเข็นอย่างมั่นคง หลังจากย้ายขวดน้ำเกลือมายังรถเข็นเรียบร้อย ก็เข็นพาเธอออกไปอย่างช้าๆ

ห้อง ICU

นารานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าห้อง มือแนบกระจก

ใบหน้าเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ไม่หยุด

เธอไม่อาจขยับรถเข็นเข้าไปข้างใน...เพราะใจยังไม่พร้อมจะเห็นความจริง

ในเงาสะท้อนของกระจก ไม่ใช่แค่ภาพของเธอที่สะท้อนออกมา

แต่คือเงาอีกเงาหนึ่ง รอยยิ้มของกานต์ในวันเก่า…อบอุ่น อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความมั่นใจ

..........

สิบเก้าปีก่อน

หลังงานศพของพ่อแม่เธอจบลง

เด็กหญิงนาราในวัยแปดขวบยืนเงียบ ๆ อยู่หน้าบ้านหลังใหญ่

บ้านของครอบครัว “วรเมธินทร์” ที่เธอแทบไม่รู้จักใครเลย

เธอกำตุ๊กตาแน่น ไม่ยอมพูดกับใคร

จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้

เด็กชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนยื่นมือมาตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะอยู่ข้างเธอนะ”

เขาคือ กานต์ วรเมธินทร์

และในวันนั้น เขาคือคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้ยังปลอดภัย

..........

ภาพความทรงจำเลือนหายไป

นารายังยืนอยู่ที่เดิม หน้าห้อง ICU

น้ำตาหยดใหม่ไหลลงบนกระจกเย็นเฉียบ

เธอสูญเสียพ่อแม่

และตอนนี้...เธอกำลังจะสูญเสียผู้ชายที่เคยยื่นมือให้เธอในวันที่โลกทั้งใบพังลง

หัวใจของนาราแตกสลาย กานต์คือสิ่งเดียว ที่ทำให้เธอยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปได้

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY