วิวาห์ร้อนซ่อนสวาท - เหมวัต เจ้าของไร่ผู้ร่ำรวย จำต้องแต่งงานกับผกามาศ ลูกสาวของลุงผ่อง เจ้าของไร่ที่อยู่ข้างกัน เพราะต้องการกู้หน้าที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อ เพราะหนี้บุญคุณ ทำให้เหมวัตจำต้องช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะแต่งงานเพียงในนามเท่านั้น
ผกามาศ ชลสินธ์ เดินทางกลับบ้านด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ภายหลังจากถูกกักไว้ที่บ้านหลังหนึ่งเมื่อครั้งที่ตำรวจบุกทลายชาวเวียดนามกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญ เธอดันเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจซักเธออย่างหนัก ไม่เชื่อว่าเธอเป็นคนไทยอย่างที่เธอบอก แม้เธอจะพูดตอบโต้ภาษาไทยกับเขาอย่างคล่องแคล่ว แต่เธอไม่มีหลักฐานการเป็นคนไทย ทั้งบัตรประจำตัวประชาชนและพาสปอร์ต จะมีได้อย่างไร
ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นมันหายไปหลังจากที่เธอพลัดหลงกับเพื่อนที่เมืองเว้ แล้วถูกพวกมันหลอกล่อจนต้องติดร่างแหไปด้วย เพียงไม่กี่อาทิตย์ที่เธออยู่ในกลุ่มพวกมัน ราวกับเธอติดอยู่ในนรก ทั้งที่นรกแห่งนั้นมันคือบ้านเกิดของเธอ ผู้หญิงชาวเว้ ยุ่นหลิง พบเธอโดยบังเอิญขณะที่เธอเดินอยู่อย่างโดดเดี่ยว
หลิงพูดไทยได้บ้างจึงชวนเธอเดินทางกลับเมืองไทยด้วยวิธีลักลอบกลับบ้าน เพราะในยามนั้นเธอมีเพียงแต่ตัว เพราะทุกอย่างถูกเชิดไปหมด ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองหรือว่าขโมยชาวเวียดนาม ยามนั้นเธอเหมือนเคว้ง คิดอะไรไม่ออก หลิงให้ข้าวให้น้ำ ให้แสงสว่าง แล้วพาขึ้นรถตู้ พร้อมๆกับสาวๆ อีกกลุ่มหนึ่ง
เดินทางผ่านลาวและกลับไทยได้ไม่ยากนัก เพียงแค่วันเดียวเธอก็เหยียบแผ่นดินไทยที่มุกดาหาร แล้วหลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เหมือนตกอยู่ในขุมนรกอยู่เกือบเดือนกว่าตำรวจจะทลายแก๊งนั้นได้ เธอจึงได้พบกับอิสรภาพ
“ผึ้ง กลับมาแล้วหรือลูก ทำไมไม่ติดต่อพ่อเลย”
เสียงคนเป็นพ่อร้องทักเมื่อกลับมาเห็นลูกสาวที่นั่งอยู่หน้าบ้านด้วยอาการเหม่อลอยผกามาศหันมาตามเสียง ก่อนผวาเข้าไปหาพ่อแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักปานจะขาดใจ ทำให้คนเป็นพ่อตกใจแต่ก็กอดกระชับลูกไว้ในอ้อมกอด ลางสังหรณ์ของคนเป็นพ่อรับรู้ว่า ลูกสาวคนเดียวของเขาต้องเผชิญสิ่งที่เลวร้ายมาแน่ ๆ
“เกิดอะไรขึ้นลูก บอกพ่อได้ไหม”
“พ่อขา...”
เสียงผกามาศอู้อี้อยู่กับอกของผ่อง ผู้เป็นพ่อ ชาวไร่ที่มีอิทธิพลในจังหวัดนี้ แต่วันนี้ลูกสาวกลับพาความขายหน้ามาให้ถึงที่
“ค่อยๆ พูด กันลูก มีเหตุอะไร เราแก้ไขกันได้นะลูก”
ผ่องพยายามปลอบโยนลูกสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผกามาศขออนุญาตไปเที่ยวเวียดนามกับเพื่อน เขาไม่อยากให้ไป เพราะเป็นห่วง ในใจระแวงว่า ลูกสาวจะไปตามหาแม่ชาวเวียดนามที่เลิกร้างกับเขาไปนานแล้ว
ตั้งแต่คลอดลูกสาวคนนี้ แต่ผกามาศไม่เคยถามถึงแม่ และไม่เคยมีรูปของคนเป็นแม่ ขณะที่คนเป็นแม่เองก็ไม่เคยส่งข่าวมาถามหาลูกสาว เงียบหายราวตายจากกัน เขาจึงค่อยคลายความระแวง คิดแต่เพียงว่าลูกสาวอยากไปเที่ยวเล่นเพียงเท่านั้น
“ผึ้งขอโทษค่ะพ่อ”
ผกามาศ พร่ำขอโทษคนเป็นพ่อ น้ำตายังคงไหลพรากจนเปียกชุ่ม จนนายผ่องต้องดันร่างของลูกสาวให้ออกห่างจากตัวแล้วลากให้ไปนั่งบนเก้ากี้ที่อยู่ใกล้ตัว มันเกิดอะไรขึ้นเขาต้องรู้ให้ได้ ผกามาศไม่ใช่คนงอแง และไม่มีเหตุผล
“บอกพ่อมาลูก เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ไม่มีอะไรค่ะพ่อ”
ผกามาศก้มหน้านิ่ง พยายามกลั้นเสียงสะอื้นและหยุดร้องไห้ หลังมือป้ายหยาดน้ำที่รินลงมาราวทำนบพัง
“เฮ่อ มีอะไรก็เล่าให้พ่อฟังซิลูก หนูยังมีพ่อ จะยากดีมีจนอย่างไร เราก็ต้องประคองกันไปนะลูกนะ”
เสียงคนเป็นพ่อปลอบประโลม ยิ่งทำให้น้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่น หยาดหยดลงมาอีก
“ผึ้ง แค่คิดถึงพ่อค่ะ ต่อไปนี้ ผึ้งจะไม่จากพ่อไปไหนอีกแล้ว”
นายผ่องยิ้ม ยกมือลูบศีรษะลูกเบา ๆ ผมของผกามาศยาวตรงสวยเหมือนคนเป็นแม่ที่จากไป ดวงตากลมโตดำขลับนั้น ทำให้เขาคิดถึงเธอเสมอ ผกามาศเหมือนเอลลี่ หว่าง แม่ของเธอ เขาพบเอลลี่ เมื่อยี่สิบปีก่อน เมื่อครั้งที่เดินทางไปท่องเที่ยวริมโขง มีชาวเวียดหลายคนมาเยี่ยมญาติที่เคยอพยพมาอยู่ในเมืองไทยมานานมาแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งเตะตาเขาจนเขาแทบจะลืมหายใจยามเมื่อเธอยิ้มให้ โลกทั้งโลกเหมือนสว่างไสวไปหมด
เขาใช้ชีวิตอยู่กับเอลลี่เพียง ๒ ปีที่นั่น หลังจากที่เอลลี่คลอดลูกได้ไม่นาน เธอต้องกลับประเทศไป เพราะเธอไม่สามารถที่จะอยู่ในเมืองไทยได้อีก ไม่ว่าเขาจะพยายามรั้งเธอไว้อย่างไร เธอก็ยืนกรานที่จะกลับประเทศ ก็ยังดีที่เธอทิ้งของขวัญอันแสนวิเศษไว้ให้เขาดูต่างหน้า
ผกามาศ เด็กหญิงที่เป็นดวงใจของเขานายผ่องเซซังกลับบ้านเกิดที่เพชรบูรณ์แล้วแต่งงานกับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง เพื่อหวังจะให้ดูแลผกามาศ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็คลอดลูกสาวและลูกชายให้กับเขา หากแต่นายผ่องไม่เคยลืมเอลลี่ หว่าง เลย นี่เองที่ทำให้นางนิ่ม เมียใหม่เจ็บร้าวในใจตลอดมา
“พ่อก็คิดถึงลูก”
ผ่องมองลูกสาวด้วยสายตาเป็นห่วง รู้ในอกว่า ลูกสาวมีความในใจ แต่เมื่อลูกสาวไม่พูดก็ไม่รู้จะบังคับเธออย่างไร เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยบังคับลูกเลย ไม่ว่าจะเรื่องก็ตาม โชคดีที่ผกามาศเป็นเด็กดี จึงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางให้เขากังวล
“พ่อคะ ถ้าผึ้งทำผิดร้ายแรงพ่อจะให้อภัยผึ้งได้ไหมคะ”
ผกามาศตัดสินใจพูดบางสิ่งออกมา หลังจากนิ่งเงียบไปนาน เธอไตร่ตรองดีแล้วว่า สิ่งที่เธอพลาดมาแล้วนั้น ไม่มีวันที่จะปกปิดความผิดนี้ได้ตลอดไป
“บอกพ่อมาเถอะลูก ไม่ว่าเรื่องมันจะเลวร้ายแค่ไหน คนเป็นพ่อย่อมอภัยให้ลูกเสมอ”
“ผึ้งกำลังจะมีเด็กค่ะ”
ซีรีย์รักต่างวัย เรื่องของความรักที่ไม่อาจหักห้าม แม้วัยต่างกันแต่หัวใจเร่าร้อนอยู่ด้วยกัน เสน่หาหญ้าอ่อน: มีนา หรือมีน สาวน้อยวัย 19 ต้องเข้าไปพัวพันธุรกิจของเหมืองนิลดีที่มี อรรคพล หนุ่มใหญ่ใจดีเป็นเจ้าของ เมื่อญาติของเธอทุจริต เธอจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ แต่จะเป็นไรไปล่ะ เมื่อเธอก็ยินยอมพร้อมใจอยู่แล้ว เสน่หาโคแก่: พฆัคฆ์หรือเสือ นักธุรกิจพันล้าน หนีรักเข้าป่า จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้ชาวบ้านและเด็กสาวที่ชื่อ แป้งร่ำช่วยเอาไว้ และนั่นเป็นที่มาของโคแก่ที่เล็งหญ้าอ่อนไว้
ซีรีย์พ่อเลี้ยง สองเรื่องราว สองคู่ ระหว่างพ่อเลี้ยงที่แตกต่างความคิดกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกันคือความรักให้คนที่ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยง จำเลยพ่อเลี้ยง /พฤศตะวัน - เมื่อหญิงสาวต้องกลายเป็นเครื่องมือการติดตามแม่ของเธอ จากชายหนุ่มที่เคยรักแม่ แต่...เสน่ห์ของจำเลยอย่างเธอ พ่อเลี้ยงหรือจะอดใจไหว พ่อเลี้ยงบำเรอรัก/ พฤศตะวัน - วิชนี เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อทวงมรดกของแม่คืนจากพ่อเลี้ยง ทว่า พ่อเลี้ยงที่เธอนึกเกลียดเขามาตลอดนั้นว่าแย่งแม่ของเธอไปจากพ่อ กลับกลายเป็นแค่ตัวหลอก และเป็นผู้ปกป้องเธอมาตลอด
ซีรีย์ดอกไม้สวาท ความแตกต่างคือความงาม ดอกไม้ 2 ชนิดที่ใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกสรดอกชู้ /พันตะวัน - ธีธัช หนุ่มหล่อผู้มีความสามารถกลับมาเมืองไทยกะทันหัน หลังจากแม่เสียชีวิต ต้นเหตุมาจากแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องเอาคืนให้ได้ และอันดาคือเหยื่อในความแค้นครั้งนี้ ผกากลีบทอง /พันตะวัน - บุหงาและอาทิตย์ ต้องแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่เส้นทางความรักของคนทั้งคู่ ต่างมีสิ่งที่ต้องปกปิดกันและกัน บุหงาสาวสวยเสนห์แรงจึงต้องเผชิญเรื่องรักในทิศทางที่เธอไม่อาจควบคุม
ซีรีย์บาป 2 เรื่อง 2 รส กับความรักที่ปนเปไปด้วยความใคร่และความรู้สึกผิด บาปหวาน / พฤศตะวัน - ผิดไหม? ที่เธอรักพ่อเลี้ยง สามีใหม่ของแม่ที่ตายไปนานแล้ว แต่เธอจะทำอย่างไรดี ในเมื่อพ่อเลี้ยงของเธอ ยังคงรักแม่ของเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะลืม บาปสวาท /พันตะวัน - เมื่อความใคร่เข้ายึดครองการใช้ชีวิต คู่แต่งงานที่ต่างก็หมดรักกัน จึงต้องหาทางออกเพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์
มนตราพญามาร - บ้านไร่ตะวันฉายของตฤณพบ ต้องต้อนรับผู้หญิง 2 คน คือ ไอรดา และปิยฉัตร ทั้งคู่ มีคำถามต่อเขาถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าสงสัย แต่ตฤณภพก็ใช้ความใคร่ปะปนไปกับความรักจนสยบเด็กสาวทั้งคู่ได้
ไฟปรารถนา เพลิงอาวุธ - อาวุธ เศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนและรีสอร์ตหรูบนเกาะส่วนตัว จำต้องยอมรับ แองจี้ หลานสาวของลูกจ้างคนเก่าแก่เข้ามาทำงานในอาณาจักรของเขาโดยไม่เต็มใจนัก เพราะทันทีที่เห็นหน้าเธอ เขาก็รู้ทันทีว่า เขาจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดเด็ดขาด แต่เขาจะทำได้หรือ?
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"