เธอเชื้อเชิญ พิสินี ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากสมัยเรียนมัธยมปลาย แต่เมื่อเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยทำให้ขาดการติดต่อกันไปนานเกือบห้าปี ซึ่งการได้พบกันวันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง พิสินีนั่งลงก่อนหันไปสั่งเครื่องดื่มบริกรและหันกลับมายังดวงฤทัยที่ยังมีสีหน้าตื่นเต้น
“แพมก็ดีใจนะที่ได้เจอดวง เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วนะเนี่ย”
“ใช่จ้ะ แล้วตอนนี้แพมทำอะไรอยู่”
“แพมทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ให้โรงแรม แหม...ดูซี ไม่ได้เจอกันนานดวงก็ยังเป็นสาวหวานและเรียบร้อยเหมือนเดิมเลยนะ”
“แพมก็สวยและเป็นสาวมั่นไม่เปลี่ยนแปลงเลยเหมือนกัน ว่าแต่...วันนี้แพมมาทำอะไรที่โรงพยาบาลหรือจ๊ะ หรือว่ามาเยี่ยมใคร”
“แพมไม่ได้มาเยี่ยมใครหรอก แต่จะมาขอคำปรึกษาหมอเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม แพมจะผ่าตัดซีสต์ที่ข้อมือแล้วมีเพื่อนแนะนำบอกว่าที่นี่มีหมอศัลยกรรมที่มีความเชี่ยวชาญก็เลยว่าจะมารักษา โชคดีจังที่ดวงเป็นนางพยาบาลอยู่ที่นี่ด้วย”
“ดวงเรียนจบก็ทำงานที่นี่เลยเพราะใกล้บ้าน จะได้อยู่ช่วยดูแลคุณย่าด้วย แล้วแพมล่ะจ๊ะ ตั้งแต่สอบเข้ามหาลัยเราไม่ได้เจอกันเลย นานมากเลยนะ ตอนนี้แพมแต่งงานมีครอบครัวหรือยัง”
พอถูกถามพิสินีก็เงียบไปชั่วอึดใจแต่ก่อนจะตอบคำถามเพื่อนที่เคยสนิทบริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดีทำให้ขัดจังหวะการสนทนาเล็กน้อยและทำให้ดวงฤทัยลืมคำถามของตัวเองและกลายเป็นฝ่ายถูกเพื่อนถามกลับมาว่า
“แล้วดวงล่ะ นี่ดวงยังอยู่กับผู้ปกครอง...เอ้อ...คนที่เขารับดวงมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กอยู่อีกหรือจ๊ะ”
“ใช่จ้ะ ดวงมีหน้าที่ต้องคอยดูแลคุณย่า เพราะท่านอายุมากแล้ว”
“ดวงแต่งงานหรือยัง?”
“จ้ะ...ดวงแต่งงานแล้ว...เอ้อ...เพิ่งแต่งได้ไม่ถึงสามเดือน”
“ดีจังเลย แล้วสามีของดวงเขาทำงานอะไรเหรอจ๊ะ”
“เขา...เป็นหมออยู่ที่นี่จ้ะ ก็...เอ้อ...เขาเป็นหลานชายของคุณย่าที่รับดวงมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กนั่นล่ะ”
“อุ๊ย! โรแมนติกจังเลย นี่แสดงว่าดวงแต่งงานกับผู้ชายที่โตมาด้วยกันในบ้านเดียวกัน แต่คุณย่าที่รับดวงไปเลี้ยงเขาฐานะดีมากใช่ไหม แสดงว่าดวงโชคดีมากเลยล่ะ”
พิสินีพูดพลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเพื่อนสนิทว่ามีบางอย่างฉายวาบขึ้นมาในดวงตาซ่อนรอยเศร้าคู่นั้น สักครู่ดวงฤทัยจึงเอ่ยขึ้นว่า
“แพม...ดวงต้องขอโทษด้วยนะที่ต้องไปก่อน ใกล้ถึงเวลาทำงานแล้วล่ะ”
“ตามสบายเลยจ้ะ เดี๋ยวแพมก็ต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่ จะได้รีบพบหมอแล้วรีบกลับ...เอ๊...นี่ดวงเอากล่องข้าวห่อมากินที่ทำงานเหรอจ๊ะเนี่ย”
พิสินีเอ่ยถามเมื่อเหลือบไปเห็นถุงใส่กล่องข้าววางใกล้กระเป๋าทำงานบนโต๊ะ ดวงฤทัยตอบว่า
“อ้อ...นี่ไม่ใช่ของดวงหรอกจ้ะ แต่เป็นเป็นกล่องข้าวของสามีดวงเอง เดี๋ยวจะเอาไปให้เขา...ดวงไปก่อนนะ แล้วค่อยเจอกันอีกจ้ะ”
ดวงฤทัยพูดจบก็หยิบของบนโต๊ะแล้วเดินออกไป พิสินีมองตามแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถอนใจขณะพูดกับตัวเองเบาๆ
“ดวง...เธอโชคดีจังเลยนะ มีงานทำมั่นคงแถมยังมีสามีเป็นหมอรวยซะด้วย...ส่วนฉันนี่ซี...”
ขณะนั้นดวงฤทัยก็รีบเดินตรงไปยังตึกใหญ่ซึ่งเป็นตึกอำนวยการของโรงพยาบาล หญิงสาวมุ่งหน้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งด้านหน้ามีป้ายบอกชื่อให้รู้ว่าเป็นห้องส่วนตัว เธอเคาะประตูและได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า
“เชิญครับ”
ดวงฤทัยเปิดประตูเข้าไปและเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดกาวน์นั่งที่โต๊ะทำงาน กำลังก้มหน้าเขียนเอกสารก่อนที่เขาจะเลยขึ้นมองและเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวขณะค่อย ๆ วางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ