ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
แววตามุ่งมั่นกับสีหน้ายิ้มกริ่มบนใบหน้าเรียวเล็กสวยผุดผาดบาดตาเพราะเลือดผสมในตัว ทำให้อเล็กซ์แทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ไปจริงๆ หากว่าสาวสวยตรงหน้าจะไม่คว้าไว้เสียก่อน
“อะไรกัน แค่นี้ทำเป็นตกใจ”
เสียงหวานใสเรียกค้อนขวับจากหนุ่มหล่อมาดเนี้ยบตรงหน้าอีกครั้ง หลังได้ยินความต้องการของเพื่อนสาวคนสนิท
“จะไม่ให้ผมตกใจได้ไง นี่คุณสติดีอยู่หรือเปล่าเนี่ยชาลี...ผมว่าผมควรจะพาคุณไปเช็กสมองได้แล้วมั้ง”
“เวอร์แล้วอเล็กซ์ สติฉันยังดีอยู่ย่ะ...ทำไมกะอีแค่ฉันอยากมีลูกมาเป็นเพื่อนแค่นี้ ฉันไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนเลย”
เจ้าของความคิดโต้กลับ
“มันไม่แปลกหรอก ถ้าชาลีจะแต่งงานแล้วก็มีลูกเหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป ไม่ใช่จะเอาแต่ลูก แล้วไม่เอาพ่อของลูก”
หนุ่มหล่อเริ่มจะซีเรียสขึ้นมาจริงๆ แล้ว เมื่อเห็นท่าทีมุ่งมั่นของอีกฝ่าย
“จะเอามาทำไมพ่อของลูก ก็ชาลีอยากได้แค่ลูก แล้วชาลีก็มั่นใจด้วยว่าสามารถเลี้ยงลูกเองได้ และรับรองว่าจะเลี้ยงได้ดีด้วย”
“ตกลงว่าตัดสินใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจแน่”
คำตอบนั้นมีอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากจะถามให้แน่ใจ
เขารู้จักกับชาลีหรือชาลินีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก และก็จับกลุ่มเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน...
นอกจากความสวยที่เจ้าตัวมีแล้ว น้ำใจที่สาวสวยมีให้เพื่อนๆ ก็ไม่ได้น้อยกว่าความสวยงามภายนอกเลย
“คิดมาหลายรอบแล้ว”
ตอนนี้เธอตัวคนเดียว เพราะยายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่มีเพิ่งเสียไปเมื่อต้นปี หลังจากแม่ของเธอเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว...
หลังจากอยู่ตัวคนเดียวมาได้พักใหญ่ ความคิดดีๆ นี้ก็เกิดขึ้นในคืนหนึ่งระหว่างนั่งดูสารคดีของต่างประเทศที่ว่าด้วยเรื่องของเด็กหลอดแก้ว
แต่เธอจะไม่ทำอย่างนั้นหรอก...
ลูกของเธอ ทุกขั้นตอน ทุกกระบวนการ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ นี่คือความตั้งใจของเธอ...และเพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากวุ่นวายที่จะตามมา
แต่ตอนนี้ปัญหาของเธอคือจะไปหาพ่อพันธุ์ของลูกที่ไหน ที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับลูกน้อยคนเดียวของเธอ
“แล้วเล็งพ่อพันธุ์ไว้บ้างหรือยัง”
อเล็กซ์ถามราวกับรู้ใจคนฟัง และก็ไม่คิดห้าม เพราะความที่รู้จักและรู้ใจกันมานาน...เขารู้ว่าลองชาลินีได้พูดออกมาขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องผ่านการกลั่นกรองจากสมองน้อยๆ ของสาวสวยมาเป็นอย่างดีแล้ว
“เป็นต้นว่ากำหนดสเปกไว้ยังไง ชาติพันธุ์ไหน อะไรประมาณนี้”
“แล้วอเล็กซ์มีความเห็นว่าไงล่ะ”
ถึงจะพอมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว แต่ก็อยากฟังความเห็นของเพื่อน
“ผมว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่พอดู รอสองคนนั้นก่อนดีไหม”
อเล็กซ์พูดยังไม่ทันขาดคน ‘สองคนนั้น’ ก็ควงแขนกันเดินตรงมายังที่สองคนนั่งอยู่ราวกับรู้ว่ากำลังเป็นที่ต้องการของเพื่อน โดยที่สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ก่อนไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในผับหรูแห่งนี้ มีสายตาของใครคนหนึ่งคอยมองอยู่ตลอดเวลา
เจ้าของร่างสูงใหญ่ไซซ์ยุโรปผู้มีดวงตาคมเข้มและเผลอยิ้มตามรอยยิ้มหวานระยับที่สะดุดตาตั้งแต่ได้เห็น เผลอคิ้วขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจเวลาเห็นหนุ่มลูกครึ่งเดี๋ยวแตะ เดี๋ยวกอดสาวสวย เจ้าของดวงตาสุกสกาวพร่างพราวไม่แพ้รอยยิ้มและใบหน้าของเจ้าหล่อน และเจ้าตัวก็แทบจะลุกจากเก้าอี้ในโซนวีไอพีมากระชากคนสวยออกห่างจากหนุ่มลูกครึ่ง โดยเฉพาะเมื่อหนุ่มหล่ออีกคนปรากฏตัวขึ้น แล้วตรงเข้าสวมกอด ‘คนสวยของเขา’ ทันทีที่มาถึง
ใช่..เขาจองเธอแล้ว
หนึ่งอาทิตย์ที่เมืองไทย เขาจะต้องได้เธอ
เจ้าของความตั้งใจมุ่งมาดพยายามข่มความไม่พอใจทั้งหมดลง ดวงตาคมเข้มส่งตรงไปยังโต๊ะมุมห้องที่สี่หนุ่มสาวนั่งอยู่อย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา...
อดทนรอด้วยความใจเย็น ทั้งที่ปกติไม่เคยต้องรออะไรแบบนี้มาก่อน
“กำลังคุยอะไรกันอยู่ หน้าตาซีเรียสเชียว ระวังหน้าเหี่ยวนะจ๊ะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ”
คริสโตเฟอร์หรือคิตตี้ของน้องๆ เปิดฉากเมื่อทรุดลงนั่งข้างน้องชายคนเดียว ขณะที่นีน่าหรือว่าปานปรารถนาซึ่งมาด้วยกันนั่งลงข้างเพื่อนสาวคนสนิท
“ก็น้องสาวของพี่สิคริส เขาอยากมีลูก”
อเล็กซ์ฟ้องพี่ชาย
“อยากมีลูก!”
หนุ่มลูกครึ่งร้องเสียงหลง
“ใช่ แล้วตอนนี้เราก็กำลังคัดพ่อพันธุ์กันอยู่”
อเล็กซ์เป็นฝ่ายบอกอีก ขณะที่ปานปรารถนาได้แต่นั่งอมยิ้ม ไม่ได้ตกอกตกใจไปกับคนตัวใหญ่ที่มีใจรักและหลงใหลในความเป็นหญิง ทั้งที่เจ้าตัวมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบชนิดว่าชายแท้บางคนยังต้องแอบอิจฉา
“คัดพ่อพันธุ์!”
“เบาๆ หน่อยคิตตี้ เดี๋ยวคนอื่นเขาก็แตกตื่นเสียงพี่กันหมดหรอก”
เจ้าของความคิดพิสดาร อยากได้ลูกแต่ไม่ยอมมีสามีเตือนไม่จริงจัง
“เสียงเพลงดังขนาดนี้คงมีคนสนใจฟังหรอก”
คริสโตเฟอร์ว่าเสียงสะบัดตามจริตที่เจ้าตัวมีเกินกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไป แล้วก็หันไปหาปานปรารถนา
“แล้วนี่หล่อนเป็นอะไรของหล่อนยายนีน่า จะนั่งอมยิ้มแบบนี้อีกนานไหม ใจคอจะไม่พูดอะไรบ้างเลยเหรอ ที่เพื่อนของหล่อนมีความคิดพิลึกพิลั่นพันลึกแบบนี้น่ะ”
สองสาวโดนคนตัวใหญ่แหวใส่กันถ้วนหน้า
“นีน่ารู้แล้วนี่คิตตี้ จะให้พูดอะไรอีกล่ะ...ยายคนนี้ ใครห้ามได้ที่ไหน”
“รู้แล้ว! โอย ฉันจะเป็นลม สรุปว่ามีฉันโง่เง่าเต่าตุ่นอยู่คนเดียว”
พี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มแจกค้อนขวับๆ ให้ทุกคนถ้วนทั่วหน้า
ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
เธอคือคนที่เขาเลือกแล้วที่จะหายใจร่วมกันไปจนวันตาย "นะจ๊ะ...อย่ารออีกเลยนะ ผมบอกเรื่องของเรากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว แล้วท่านก็อนุญาตแล้วด้วย" คำบอกเล่าของเขา ทำให้มาธวีมองใบหน้าคมด้วยความแปลกใจปนค้นคว้ากลายๆ เพราะไม่คิดว่าแม่ของเขาจะยอมรับเธอได้ง่ายๆ "ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เมย์แล้วว่าจะเห็นผมเป็นทางผ่าน ของเล่นชั่วคราว หรือว่า...เพื่อนคลายเหงา" ถ้าตอนที่เขาพูดไม่มีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก คงไม่แค่เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อเท่านั้น ที่จะตามมาหลังคำพูดของคนกวนประสาท "แล้วถ้าเห็นเป็นทางผ่าน" สายตาของเขาทำให้มาธวีนึกอยากเอาคืนเขาบ้าง ทั้งที่ตอนนี้เวลาล่วงเลยเที่ยงคืนมาแล้ว "ก็รักแบบผ่านๆ" พอได้คำตอบกับจุมพิตเฉียดฉิวบนริมฝีปาก คนถามก็แทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ "แล้วถ้าเห็นเป็นของเล่นชั่วคราว" "ก็รักกันชั่วคราว...จากนี้ไปถึงเช้า" ริมฝีปากสีหวานแยกยิ้ม เมื่อได้คำตอบ... ชั่วคราวของเขา หลายชั่วโมงน่าดูเลย "แล้วเพื่อนคลายเหงา" "ก็รักกันทุกครั้งที่ผมรู้สึกเหงา...แล้วผมก็สะสมความเหงาเอาไว้ตั้งแต่เราจากกัน เมย์ลองคิดดูสิว่าจะรักผมกี่ครั้ง ความเหงาถึงจะหมดไปจากใจผม...แต่ถ้ารับผมเป็นสามี เมย์ไม่ต้องรักผมเลย" "...?" "เดี๋ยวผมรักเมย์เอง"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"