"กัลป์" นักเขียนนิยายไลท์โนเวลสัญชาติไทยที่ชนะการประกวดในเวทีระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น เขามีความฝันคือการเป็นนักเขียนไลท์โนเวลชื่อดัง แต่ความฝันก็ดับวูบลงเมื่อนิยายของเขาถูกตัดกะทันหัน ด้วยเหตุผลว่างานของเขามันไม่เกาะกระแสตลาดซ้ำยังถูก บ.ก. ผู้ดูแลต้นฉบับเสนองานเขียนแนวบอยเลิฟมาให้อีก เพื่อแลกกับการได้ออกผลงานอย่างต่อเนื่อง ถึงจะไม่ใช่แนวงานเขียนของตัวเอง แต่ชายหนุ่มชาวไทยสู้ชีวิตก็ไม่ยอมได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนไส้แห้งและอดตายอยู่ในโตเกียวแน่ ทว่าเขาไม่ประสีประสากับนิยายแนวชายรักชายสักนิด ดังนั้นงานพึ่งไสยศาสตร์เลยต้องมา เขาจึงได้สมุดบันทึกประหลาดมาจากร้านขายเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง โดยคนขายบอกไว้ว่าถ้าเขียนความต้องการจากก้นบึ้งหัวใจลงไป ความปรารถนาก็จะสัมฤทธิ์ผล แต่แทนที่สมุดบันทึกจะทำให้เขากลายเป็นนักเขียนชื่อดัง ดันส่งนายเอกจากนิยายที่เขาเขียนอยู่อย่าง "เซย์จิ" ออกมาให้ระหว่างที่เขากำลังเรียนรู้การเขียนฉากอีโรติก จากการทำกิจกรรมใต้ร่มผ้ากับชายหนุ่มที่เจอกันที่บาร์เสียอย่างนั้น ร้ายยิ่งกว่าร้ายคือเซย์ดจิตัวเป็นๆ ดันไม่ใช่ฝ่ายรับอย่างที่เขียนไว้แต่ดันเป็น "ฝ่ายรุก" เสียนี่ปฏิบัติการเขียนนิยายบอยเลิฟ โดยมีผู้ช่วยอย่างเซย์จิจึงเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางปาฏิหาริย์แห่งรักที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ จากปลายปากกาและเรื่องราวในจิตนาการของนักเขียนหนุ่ม
อากาศในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนไม่ต่างอะไรจากหน้าร้อนของประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย ดูท่าจะร้อนกว่าเสียด้วย ร้อนแบบอบอ้าว อากาศไม่ถ่ายเท ร้อนแห้งๆ ชวนให้เป็นลมอะไรแบบนั้น
หากแต่สิ่งที่ร้อนกว่าอุณหภูมิกว่า 35 องศา คงจะเป็นใจของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนรอประตูขบวนรถไฟใต้ดินเปิดออกอย่างใจจดจ่อหลังจากที่เข้าเทียบชานชาลา สายตามองไปยังด้านนอกสลับกับหน้าจอโทรศัพท์ฝาพับอย่างหัวเสียที่ทุกอย่างไม่รวดเร็วดังใจคิดเสียที
อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาพักเที่ยง...
ใช่ อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาพักเที่ยง... เวลาพักเที่ยงของกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ ‘นิปปอนเพิร์ล’ สำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือนิยายและการ์ตูนรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ เรียกได้ว่าเป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นศูนย์รวมนักเขียนเบสท์เซลเลอร์ไว้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มสนใจนัก นอกจากคำพูดของบรรณาธิการต้นฉบับที่เขาเรียกติดปากว่า บ.ก.ฟุรุคาวะ ที่เพิ่งจะแจ้งเขาไปเมื่อชั่วโมงก่อนว่านิยายของเขาซึ่งวางแผงเล่มที่ 2 ไปเมื่อสามเดือนก่อนจำเป็นต้องถูกตัดจบในเล่มที่ 3 โดยมีกำหนดวางแผงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เล่มที่ 3! ให้ตายเถอะ เรื่องนี้วางแผนไว้ว่าจะเขียน 10 เล่มจบนะ มาตัดจบกันแบบนี้ได้ไง!
ถึงจะรู้เหตุผลว่าที่ถูกตัดจบเป็นเพราะนิยายของเขาขายได้ไม่ดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างราบคาบตั้งแต่เล่มที่ 1 วางแผงไปเลยก็ว่าได้ ชนิดเทียบกับนักเขียนที่ได้เดบิวท์จากการชนะการประกวดนิยายไลท์โนเวลของสำนักพิมพ์อย่างลำดับที่ 2 และ 3 แล้ว นิยายของเขายังมียอดขายแย่กว่าหลายเท่าด้วยซ้ำ
ฉันเป็นนักเขียนที่ได้รางวัลชนะเลิศเชียวนะ! มันจะขายไม่ได้ยังไงกัน!
เพราะคิดแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้เขาต้องรีบแจ้นมาที่สำนักพิมพ์เพื่อเข้าไปคุยกับ บ.ก.ฟุรุคาวะ ให้กระจ่างใจ
พอประตูขบวนรถไฟเปิด ขายาวก็พาร่างกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามทางเดิน พอออกจากทางออกที่ 4 ที่ทะลุมายังหน้าสำนักพิมพ์ได้อย่างพอดิบพอดีแล้ว เขาก็เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งทันทีที่เหลือบเห็นหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาพักเที่ยงเพราะต้องการเจอผู้ดูแลต้นฉบับก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหนีไปกินข้าว
ชายหนุ่มเข้าไปแจ้งกับประชาสัมพันธ์ว่าต้องการพบใคร เขานึกหงุดหงิดใจไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าพบคนดูแลต้นฉบับทันทีเลยได้ทั้งที่เขาเองก็มาที่นี่บ่อยและเป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์นี้ แต่กฎระเบียบ อย่างไรก็คือกฎระเบียบ ถึงจะดังหรือมีชื่อเสียงแค่ไหนก็ไม่สามารถแหกกฎได้ เขาจึงอดใจนั่งรออยู่สักพัก ให้ประชาสัมพันธ์สาวโทรไปแจ้งว่าเขามาขอพบ ไม่นาน ร่างผอมสูงของชายอายุราว 30 ปี ใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัวเชยๆ ก็ปรากฏให้เห็นพร้อมกับทักเขาเสียงดัง
“เอ้า อาจารย์กัน ทำไมจะมาถึงไม่บอกผมก่อนล่ะครับ”
‘อาจารย์กัน’ เป็นชื่อที่รู้กันในกองบรรณาธิการว่าหมายถึงชายหนุ่มชาวไทยวัย 25 ปีที่ชื่อ ‘กัลป์’ ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศจากการประกวดนิยายประจำปี ประเภทไลท์โนเวลที่ทางสำนักพิมพ์จัดไปเมื่อปีก่อน อันที่จริงไม่ใช่แค่กองบรรณาธิการเท่านั้นที่รู้จักเขาในชื่อนี้ แต่นักอ่านขาประจำของสำนักพิมพ์เองก็รู้จักเขาในนามปากกานี้ด้วย เนื่องจากนิยายเรื่องแรกที่เขาเขียนลงนิตยสารรายสัปดาห์ประสบความสำเร็จอย่างมากจนคนอ่านติดกันงอมแงม หากแต่พอมาเขียนเล่มเดียว ความนิยมกลับถดถอยลงเสียอย่างนั้น ...ถดถอยจนว่ากลัวว่าทางสำนักพิมพ์จะเลือกผู้ชนะการประกวนนิยายครั้งนั้นผิดพลาด แทนที่จะได้เพชรเม็ดงาม แต่กลับได้ก้อนกรวดมาแทน
ทว่ากัลป์ไม่ได้ใส่ใจกับคำทักทายของอีกฝ่ายนัก นอกจากตอบรับเสียงเรียบ
“ผมส่งเมล์แจ้งคุณไว้แล้วว่าจะมา คุณได้เปิดอ่านหรือยังล่ะครับ”
ที่ถามอย่างนี้เพราะรู้ว่าฟุรุคาวะมักไม่ค่อยแตะโทรศัพท์ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อเขาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้ายทอย ขอโทษขอโพยเป็นพัลวัน
“พอดีผมติดประชุมอยู่น่ะครับ ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ตอบเมล์อาจารย์”
กัลป์พยักหน้าอย่างขอไปที พลันเข้าเรื่องด้วยไม่อยากเสียเวลา
“คุณฟุรุคาวะรู้ใช่มั้ยครับว่าผมมาขอพบคุณเพราะอะไร”
ฟุรุคาวะรู้อยู่แล้วล่ะ มองสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายก็เดาได้ว่าคงจะเป็นเรื่องที่ตนแจ้งไปเมื่อชั่วโมงก่อน ก่อนที่จะพยักหน้า ผายมือเชิญให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเข้าไปข้างใน
“งั้นเราไปคุยกันข้างในเถอะครับ ดูท่าคงจะต้องคุยยาว”
กัลป์ไม่พูดอะไร เดินตามหลังฟุรุคาวะไปเงียบๆ กระทั่งถึงห้องบรรณาธิการ
เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของฟุรุคาวะถูกเลื่อนออกให้กัลป์นั่ง ก่อนฟุรุคาวะจะร้องถามตามมารยาท
“จะรับชาหรือกาแฟดีครับอา...”
“เข้าเรื่องเลยได้มั้ยครับ” พูดยังไม่ทันจบ กัลป์ก็แทรกขึ้นก่อน “ผมอยากให้คุณช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมนิยายผมถึงถูกตัดจบทั้งที่เพิ่งจะวางแผงไปได้ไม่กี่เดือน”
ฟังดูแล้วค่อนข้างเป็นคำพูดตรงๆ ที่ไร้มารยาท หากแต่เห็นหัวคิ้วของอีกฝ่ายขมวดกันเป็นปม ฟุรุคาวะก็ไม่อยากถือสา พยักหน้าแล้วเดินกลับมานั่งประจำที่ตัวเองแต่โดยดี
“ก็ต้องบอกกันตามตรงนะครับอาจารย์ว่างานของอาจารย์เรื่องล่าสุดเนี่ยเปิดตัวมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ถึงจะเป็นไลท์โนเวลแฟนตาซีที่ทางเราคิดว่ายังไงก็น่าจะขายได้ แต่มันพลาด ขายไม่ดีตั้งแต่เล่มแรกแล้ว”
“บอกตรงๆ ว่าผมไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดตรงไหน ผมก็เขียนไปตามพล็อตที่เอามาเสนอให้คุณดูก่อน แล้วก็แก้งานตามที่คุณบอก ถึงจะแก้เป็นบางจุดก็เถอะ ผมทำตามคำแนะนำทุกอย่างนะ แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรกันแน่ที่พลาด”
“ถ้านับเรื่องทักษะการเขียนและการใช้สำนวนของอาจารย์ในฐานะชาวต่างชาติแล้ว ผมว่าอยู่ในระดับที่เรียกว่าดีเลยนะ ดีกว่าคนญี่ปุ่นแท้ๆ บางคนด้วยซ้ำ เรื่องสำนวนอะไรนั่นมันไม่พลาดหรอก แต่ที่พลาดน่ะ มันพลาดตรงที่อาจารย์เขียนเนื้อเรื่องให้มีแต่ตัวละครชายโผล่มาทั้งเล่มมากกว่า เล่มแรกยังไม่เท่าไหร่ มาเล่มที่สองก็ยังมีแต่ตัวละครชาย คนอ่านเค้าก็ไม่โอเคกันน่ะครับ อย่างว่าแหละ ไลท์โนเวลเราเน้นกลุ่มนักอ่านชาย เราก็เลยต้องขายตัวละครหญิงเป็นหลัก“
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"