“ถ้าลียอมหย่า…ฮึก พี่สินธุ์จะให้อภัยลีสักครั้งได้ไหมคะ” คำถามที่เต็มไปด้วยน้ำตาของภรรยาสะกดใจคนฟังจนปวดหนึบ ทว่ากลับไม่มีคำตอบใดหลุดออกจากริมฝีปากหนาแม้แต่คำเดียว “ได้! ฉันจะยกโทษให้เธอ” แต่สุดท้ายทิฐิที่มีอยู่ในใจก็เอาชนะทุกสิ่ง ทำให้สินธุ์ตัดสินใจตอบกลับไปก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า “ถ้าอย่างงั้นเราสองคนมาหย่ากันเถอะค่ะ ลียอมแพ้แล้ว” บราลีเอ่ยขึ้นเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะยอมปล่อยมือจากเขาด้วยการหย่า แม้หัวใจของเธอจะแตกสลายก็ไม่เป็นไร เธอเชื่อว่าเวลาจะเยียวยาหัวใจของเธอให้กลับมาเข้มเข็มได้อีกครั้งในสักวัน… ชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก… คนที่ปล่อยมือก่อน…มักเจ็บปวดน้อยกว่า
บทนำ
ภาพร่างสูงโปร่งแสนคุ้นตาที่กำลังถูกคนเก่าคนแก่ของบ้านพยุงเข้ามาในบ้านเป็นภาพที่ใครบางคนเห็นจนชินตา หญิงสาวจำต้องรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกมาช่วยลุงมั่นพยุง ‘สามี’ เข้าบ้านอย่างทุลักทุเล
“ฉันต้องการหย่า!” คำพูดเดิมๆ ที่ดังขึ้นไม่ได้สร้างความตกใจให้แก่ภรรยาสาวที่อดหลับอดนอนเฝ้ารอการกลับมาของเขาอยู่เลยแม้แต่น้อย เพราะว่านี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยมันออกมา คำพูดที่มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บเจียนตายทุกครั้งที่ได้ยิน
“ผมว่าเรารีบพาคุณสินธุ์ขึ้นไปนอนข้างบนเถอะครับคุณลี” บราลี กิ่งกมล พยักหน้ารับลุงช่วย คนเก่าคนแก่ของไร่พร้อมรอยยิ้มก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันประคับประคองคนเมาขึ้นห้อง กระทั่งเมื่อมาถึงที่หมาย หญิงสาวจึงกล่าวขอบคุณชายชราเพียงสั้นๆ รอเมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายออกไปจากห้องแล้วถึงได้หันกลับมาจัดการกับสามีของตัวเองต่อไป หญิงสาวเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้โดยไม่มีท่าทีรังเกียจกลิ่นเหล้าและกลิ่นอ้วกของเขาเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อทุกอย่างถูกถอดออกจากร่างกายกำยำ เธอจึงค่อยๆ เริ่มต้นเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ
“ฉันเกลียดเธอบราลี! เมื่อไหร่เธอจะไปให้พ้นๆ ชีวิตฉันสักที!!” เพียงแค่สัมผัสเสียงตวาดก็ดังขึ้นจากริมฝีปากหนา
มันกัดกินใจคนฟังจนน้ำตาซึมเมื่อเห็นชัดแล้วว่าแม้จะอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ขาดสติ แต่ความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอนั้นยังคงอยู่ ต่อให้เธอจะพยายามชดใช้ให้เขาสักแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เรื่องราวชีวิตคู่ระหว่างเธอกับ สินธุ์ มันเริ่มต้นจากความรักข้างเดียวที่เธอมีต่อเขานับตั้งแต่วันแรกที่ตามบิดาเข้ามาทำงานเป็นคนสวนภายในไร่แห่งนี้ วันนั้นเองที่เธอได้รู้จักกับคุณย่านวลผู้แสนจะมีเมตตา ท่านมักจะคอยเรียกให้เธอเข้ามาหาที่บ้านใหญ่อยู่บ่อยครั้งทำให้เธอมีโอกาสได้สนิทสนมกับเขามาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งพ่อของเธอตายไป
แม้ว่าจะไร้พ่อแต่ความสนิทสนมระหว่างเธอกับสินธุ์นั้นยังคงอยู่ เธอมีสิทธิ์เข้าออกที่นี่ได้อย่างที่ต้องการด้วยคำสั่งของย่าของเขา กระทั่งเมื่อเติบโตขึ้นคุณย่านวลก็บังคับให้แต่งงานกัน ความฝันที่จะได้ใช้ชีวิตคู่กับเขาจึงได้เริ่มต้น ทว่าความเป็นจริงกับความฝันนั้นมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เพราะพี่สินธุ์คนเดิมของเธอหายไป เหลือไว้แต่คุณสินธุ์คนใจร้ายที่ยอมแต่งงานกับเธอก็เพราะต้องการทำให้คุณย่าของเขานอนตายตาหลับเท่านั้น เมื่อท่านจากไปอย่างสงบสิ่งแรกที่เขาทำคือขอหย่า แต่เธอก็ไม่อาจให้สิ่งที่เขาต้องการได้
“สัญญากับย่าสิลี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามหย่ากับสินธุ์ สัญญากับย่าได้ไหม…”
“พี่สินธุ์เขาเกลียดลีคะคุณย่า”
“เชื่อย่า สักวันมันจะรักหนู นะลีอย่าทิ้งพี่เขานะลูก สัญญากับย่า”
นั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายของคุณย่านวลที่ทิ้งไว้เมื่อหกเดือนก่อน แน่นอนว่าเธอรักและเคารพท่านมากกว่าใครๆ จึงไม่แปลกที่เธอจะรับปากท่าน ซึ่งนับตั้งแต่นั้นจนถึงวันนี้เธอก็ทำตามคำสัญญามาโดยตลอด แม้ว่าสามีจะทำทุกทางเพื่อให้เธอยอมหย่า แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่มันจะสำเร็จ ไม่ใช่เพราะคำสัญญาแต่เพราะเธอรักเขา รักทั้งที่รู้ว่าเขาเกลียด
แต่เธอก็ยังรักเขาอยู่ดีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คนที่หลับสบายมาตลอดคืนค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ได้เห็นคือผ้าห่มผืนหนาที่ถูกคลุมร่างกายเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ถัดไปไม่ไกลมีชุดทำงานตัวเก่งถูกแขวนเอาไว้ให้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ทุกๆ สิ่งคือภาพความเคยชินที่สินธุ์ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เขาออกจะรำคาญด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าทุกๆ สิ่งที่มองเห็นนั้นมันเป็นฝีมือของใคร
ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะเดินตรงเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่าชุดที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ถูกยัดกลับเข้าไปที่เดิมเหมือนเช่นทุกวันก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นชุดที่ยับยุ่ง แต่นั่นมันกลับไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด เพราะว่าสิ่งที่เขากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ต่างหากที่มันสะใจ
บราลีหลบซ่อนความเสียใจเอาไว้เมื่อเห็นว่าสามีไม่ได้สวมใส่ชุดที่เธอเตรียมเอาไว้ให้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แต่เธอก็ยังตั้งใจทำหน้าที่ภรรยาไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าทุกสิ่งที่ทำจะถูกเขามองข้ามมาตลอดก็ตามที
“เย็นนี้ตั้งโต๊ะเผื่อคุณสร้อยด้วย ฉันจะพาเขากลับมาดินเนอร์ที่นี่”
“ค่ะคุณสินธุ์” หญิงสาวรับคำเพียงสั้นๆ ก่อนจะตักข้าวต้มที่ตื่นมาทำให้สามีตั้งแต่เช้าอย่างใจเย็น
ด้วยรู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำหวังเพียงอยากเห็นความเจ็บช้ำในใจเธอเท่านั้น ซึ่งเขาก็ทำมันสำเร็จแทบจะทุกครั้งไป แต่จะมีเพียงอย่างเดียวที่เขาจะไม่มีวันทำสำเร็จนั่นคือการทำให้เธอยอมหย่า เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอให้เขาไม่ได้ต่อให้เขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ให้เขาไม่ได้จริงๆ
บราลีทำหน้าที่เดินออกไปส่งสามีไปทำงานเหมือนทุกวัน ภายนอกทั้งสองอาจดูเป็นสามีภรรยาทั่วไป จะมีก็แต่คนในเท่านั้นที่รู้ว่าทุกสิ่งมันก็แค่การแสดงละครเท่านั้น ไม่มีความสุขวนเวียนรายล้อมอยู่ในชีวิตคู่ของทั้งสองเลย
“ฉันล่ะสงสารคุณลีเธอจังเลยป้า ไม่รู้ทำไมคุณสินธุ์ถึงได้จงเกลียดจงชังเธอ เมียก็ออกจะแสนดีปานนี้ ผิดกับอีพวกลิงข้างบ่างชะนีริมทางที่อยากจะจับนายของเราทำผัวจนตัวสั่น!” เสียงแว่วๆ ที่ดังผ่านสายลมมาให้ได้ยิน ทำให้คนที่ตั้งใจจะเข้าไปเก็บโต๊ะได้แต่ยิ้มเยาะในโชคชะตาตัวเอง
“เรื่องเจ้านายอย่าเข้าไปสอดนังเงาะ ไปล้างจานนู้นไป!” ซึ่งนางเวียนเอ็ดหลานสาวเสียงแข็ง แม้ว่าจะรู้สึกเห็นด้วยกับอีกฝ่ายแทบทุกคำ
แต่ด้วยสถานะคนใช้จึงไม่อาจทำอะไรได้…
นอกจากจะทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างภายในบ้านแล้ว บราลียังมีอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญนั่นคือดูแลเด็กๆ ผู้ยากไร้ หญิงสาวใช้เวลาว่างในแต่ละวันขับรถคันเก่าที่สามียกให้ไว้ใช้สอยมาสอนหนังสือเด็กๆ ที่พ่อแม่ไม่มีเงินทองมากพอที่จะส่งเข้าโรงเรียน มันจึงเป็นความสุขเดียวที่พอจะทำให้เธอยิ้มได้ หลังจากต้องนอนซมจมน้ำตามาทั้งคืน
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"