“ลูกจันทร์ไม่มีใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเป็นแฟนพี่เหนือ เสียหน่อย” “ตอนนี้ไม่ยอม แต่เดี๋ยวยอมไปเอง” “มั่นใจจริงๆ นะคะ” “พนันกันไหม” เขามองสบตาเธอ ศศิก็มองสบตาเขาไม่หลบ ก่อนจะ เสไปมองทางอื่น เพราะสู้แรงตาเขาไม่ไหว “ไม่ค่ะ ไม่พนัน ไม่อะไรทั้งนั้น” เธอพูดเสียงสั่นๆ เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน “กลัวแพ้เหรอ” “ไม่ค่ะ ลูกจันทร์ไม่อยากพนัน” เธอกลัวหัวใจตัวเองมากกว่า แค่นี้ก็ ใจสั่นสะท้านจะแย่อยู่แล้ว “กลัวตกหลุมรักพี่เหรอ” “ไม่ใช่เสียหน่อย” เธอรีบปฏิเสธลิ้นพันกัน
“ทำอะไรน่ะ!” เสียงแข็งๆ ที่เรียกเอาไว้ทำเอาคนที่กำลังปีน ต้นชมพู่อยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“เฮ้ย!” เธอร้องเสียงหลง ก่อนจะพลัดตกลงมาจากต้นชมพู่เพราะตกใจ
“เฮ้ย!” คนที่ร้องเฮ้ย! รอบนี้คือเหมันต์ เขาถลาไปยังร่างที่ตกลงมา เพื่อจะรับเธอเอาไว้ ร่างของเขาจึงโดนเธอทับเอาไว้
“โอ๊ย!” เหมันต์ร้องเสียงหลง ในขณะที่ศศิหลับตาแน่นเพราะคิดว่าคง ตกลงมาแข้งขาหัก แต่ปรากฏว่าเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย พอลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนทับอยู่บนร่างหนา
“อุ๊ย! เป็นยังไงบ้างคะพี่เหนือ” เธอกับเขารู้จักกันตั้งแต่เด็ก เพราะบิดามารดาเป็นเพื่อนกัน บิดาของเธอรับราชการเลยต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ พอบิดาเกษียณแล้วป่วยหนักจนถึงแก่ชีวิต มารดาจึงพาเธอย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่ที่ถูกปิดมาหลายปี
ก่อนที่เธอจะย้ายตามบิดาไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นบิดามารดา ของเธอกับบิดามารดาของเหมันต์อยากให้เธอกับเขาหมั้นหมายกัน แต่เหมันต์ปฏิเสธ ผู้ใหญ่เลยไม่ได้บังคับ เธอเองก็ไม่อยากหมั้นทั้งที่ไม่ได้รัก อยากคบหา ดูใจกันมากกว่าจะโดนคลุมถุงชน หลังจากนั้นเธอกับเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
“เจ็บน่ะสิ” เขาบอกเธอ ในขณะที่ศศิตะกายร่างลุกจากการทาบทับร่างของเขาอยู่ เหมันต์ยังนอนอยู่ที่เดิม เขามองเธอนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นใคร
“ลูกจันทร์เหรอ” เขาถามออกมาเหมือนไม่แน่ใจ เธอผิดแผกแตกต่างจากเด็กสาววัยสิบแปดที่อ้วนฉุ แก้มยุ้ย น่ารักคนนั้นอย่างสิ้นเชิง ผู้หญิงตรงหน้าคือหญิงสาวแสนสวย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นบอบบาง
“ลูกจันทร์เองค่ะ” เธอยื่นมือให้เขา เหมันต์ยอมรับความช่วยเหลือจากเธอ แต่กลับแกล้งกระตุกจนร่างน้อยหล่นลงมาในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
“อุ๊ย!” ศศิร้องเสียงหลงเมื่อตกเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง เธอกับเขามองสบตากัน แก้มสาวแดงเรื่ออย่างปัจจุบันทันด่วน
“ปล่อยค่ะพี่เหนือ” เขาโอบกอดเธอเอาไว้แบบนี้ทำเอาเนื้อกายแนบชิดเข้าหากันเกือบจะทุกสัดส่วน
“โดนเด็กขี้เหร่ทับ ปวดไปหมดทั้งตัวเลยครับ”
“คะ?” เธอมองเขาสีหน้าแปลกใจที่โดนเขาแหย่ เหมันต์มองใบหน้าน่ารักนั้นไม่วางตา
“อ้าว... เด็กๆ ทำอะไรกันอยู่ล่ะนั่น” เสียงของคุณนีรนุชทำให้ศศิ รีบตะกายร่างหนีอีกครั้ง เหมันต์ยอมปล่อยร่างน้อยแต่โดยดี ค่อยๆ ลุกขึ้น อย่างเชื่องช้าด้วยท่าทีไม่รีบร้อน
“คือหนูตกจากต้นชมพู่น่ะค่ะ พี่เหนือเลยมาช่วย” เธอรีบบอกในขณะที่หน้าแดงเล็กน้อย
“อ้อ... แล้วเราขึ้นไปบนต้นชมพู่ทำไมล่ะ” คุณทับทิมถามบุตรสาว
“ลูกนกมันตกลงมาน่ะค่ะ หนูเลยเอามันขึ้นไปไว้ในรังเหมือนเดิมน่ะค่ะ”
คนตอบยิ้มให้มารดา
“สวัสดีครับคุณน้า” เหมันต์ยกมือไหว้ทับทิมซึ่งเป็นเพื่อนรักของมารดา ไม่ได้เจอกันหลายปี ท่านยังดูสวยไม่เปลี่ยน
“ไหว้พระเถอะจ้ะ ไม่ได้เจอเหนือหลายปีเลยนะ”
“ครับ” เขารับคำ ผู้ใหญ่จึงพากันเดินเข้าบ้าน ชายหนุ่มเดินตามไปเงียบๆ แอบมองหญิงสาวที่เดินอยู่ตรงหน้าเขาเป็นระยะๆ
“น้าทับทิมจะกลับมาอยู่บ้านแล้วนะ” คุณนีรนุชพูดกับลูกชาย บีบมือเพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจเพื่อนรัก ประพงศ์ซึ่งเป็นสามีของทับทิมนั้นเสียชีวิตกะทันหัน ท่านช่วยเรื่องเงินทำบุญ แต่ไม่ได้ไปร่วมงานเพราะติดธุระ ลูกชาย ก็เดินทางไปต่างประเทศพอดี ท่านได้รับข่าวคราวจากเพื่อนรักปีหนึ่งไม่กี่ครั้งแต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมา
“ครับ” เหมันต์รับคำ ยิ้มให้ท่าน
“กลับมาอยู่บ้านใกล้ๆ กันก็ดีนะ จะได้ช่วยเหลือกัน” นีรนุชนั้นดีใจที่เพื่อนรักจะกลับมาอยู่ใกล้ๆ กัน ย้ายตามประพงศ์ไปก็ไปอยู่บ้านพักที่ทางราชการจัดให้ พอสิ้นประพงศ์ไปก็ต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง ดีที่ยังมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงลำบากน่าดู
“น้องเรียนจบแล้ว แต่ยังไม่มีงานทำ เราพอจะฝากฝังน้องให้ทำงานที่บริษัทไหนได้บ้างล่ะเหนือ” คุณนีรนุชเอ่ยถาม จริงๆ ลูกชายก็มีบริษัทเป็นของตัวเองร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ แต่ท่านก็ไม่อยากบอกว่าฝากให้ทำงานด้วยกัน ในอดีตเหมันต์เคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับศศิ คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะอึดอัด ถ้ายัดเยียดให้ไปทำงานด้วยกัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า ลูกจันทร์ว่าจะหางานทำเองน่ะค่ะ ไปสมัครไว้ หลายที่เลย” ศศิรีบบอกคุณนีรนุชด้วยรอยยิ้ม เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเหมันต์นัก กลัวเขาจะหาว่าเธอไปวุ่นวายเป็นภาระเขาอีก
“พอดีเลขาฯ ของผมกำลังจะคลอดน่ะครับ ก็เลยขาดเลขาฯ กำลังจะรับสมัครอยู่พอดี ถ้าลูกจันทร์สนใจ สมัครกับผมก็ได้ครับ” เหมันต์พูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ศศิหันไปมองเขา ก่อนจะกล่าวปฏิเสธทันที
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เหนือ ลูกจันทร์ไม่อยากรบกวนค่ะ” เธอเกรงใจเขาจริงๆ ที่สำคัญอยากใช้ความสามารถของตัวเองเสียมากกว่า
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"