“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
ปฐมบท
ภายในบ้านจักรเทพเต็มไปด้วยความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อคุณหนูเพียงคนเดียวของบ้านอย่าง ‘สุวิมล’ หนีตามแฟนหนุ่มไปต่างประเทศก่อนจะถึงวันนัดหมายระหว่างแม่เธอและใครบางคนที่มีศักดิ์เป็น ‘เจ้าหนี้รายใหญ่’ ของครอบครัว ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อศักดิ์ชัย พ่อของหญิงสาวที่แอบไปกู้เงินกับเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์หนุ่มเอาไว้จำนวนหนึ่งจนกระทั่งเขามาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตายไปและแน่นอนว่าหนี้สินทั้งหมดนั้นจึงตกเป็นของคุณหญิงกานดาผู้เป็นแม่ที่แทบจะล้มทั้งยืนยามเมื่อได้เห็นหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนี้สินจำนวนสี่ล้านบาทระหว่างสามีของนางและเจ้าหนี้หนุ่มเข้าในวันเผา ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้
ซึ่งนางและทุกคนภายในบ้านหลังนี้คงถูกไล่ออกไปจากบ้านแล้วหากนัยน์ตาคู่นั้นของลูเซียสไปเหลือบไปเห็นสุวิมล ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนางเข้า ก่อนที่เขาจะหยิบยื่นข้อเสนอบางอย่างให้..
‘ผมยินดีให้คุณหญิงผลัดเรื่องการชำระหนี้สินไปก่อนหากคุณหญิงยอมให้ลูกสาวไปอยู่กับผมในฐานะนางบำเรอหนึ่งเดือน! ลองเอากลับไปคิดดูก่อนก็ได้นะครับ ผมเองก็เป็นผู้ชาย ไม่ผิดที่จะอยากได้สาวๆ สวยๆเช่นลูกสาวของคุณหญิงมานอนกกคลายเหงา ผมให้เวลาคุณหญิงแค่สามวันเท่านั้น คุณหญิงลองกลับเอาไปคิดดูให้ดีก็แล้วกันนะครับ อีกสามวันผมจะกลับมาที่นี่อีกเพื่อรับคำตอบ’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ลูเซียส บาเนอร์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพท์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ฝากเอาไว้ให้คิดและติดสินใจ ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไปและปล่อยให้การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นของลูกหนี้ ซึ่งคุณหญิงกานดาเองก็จนปัญญาด้วยรู้ดีว่าสามีของนางนั้นแทบไม่ได้ทิ้งอะไรเอาไว้ให้กันเลยนอกจากบ้านหลังนี้กับหนี้สินจำนวนมหาศาล ที่นางต้องรับช่วงการชดใช้ต่อจากสามี
นางจำต้องบอกถึงจุดประสงค์ของเจ้าหนี้แก่ลูกสาวไปและขอร้องให้สุวิมลยอมตกลงทำตามคำขอร้อง ซึ่งอีกฝ่ายก็กรีดร้องลั่นบ้านทันทีก่อนจะยืนกรานว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมไปเป็นนางบำเรอของใครให้เป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งใครเลยจะคาดคิดว่าหลังจากคำพูดนั้นของสุวิมลจบลงเพียงไม่กี่วันเจ้าตัวก็มาแอบหนีตามดนัย แฟนหนุ่มไฮโซของตัวเองไปไกลถึงนิวยอร์กและไม่ยอมเปิดช่องทางให้ใครติดต่อเธอได้สักคนเดียว ซึ่งมันสร้างความวุ่นวายใจให้แก่ผู้เป็นแม่มากเพราะหนทางเดียวที่จะต่อยอดลมหายใจของครอบครัวไปได้อีกสักหน่อย ตอนนี้กลับมาหนีออกจากบ้านไปดื้อๆ
“อีกเดี๋ยวคุณลูซเขาก็จะมาเอาคำตอบแล้ว! ยัยมลนะยัยมลทำอะไรไม่คิดถึงหัวอกของแม่บ้างเลย! แล้วนี่ฉันจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย! ไอ้ผัวเฮงซวย! ขนาดว่าตายไปแล้วก็ยังสร้างเรื่องทิ้งไว้ให้ ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย!!” คุณหญิงกานดาตวาดลั่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะแผดเสียงใส่ทุกๆ คนที่อยู่ใกล้อย่างไม่ไว้หน้า หากวันนี้นางไม่มีคำตอบที่น่าพอใจไปให้เขาคนนั้นล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งบ้านและทุกๆ สิ่งที่สร้างมาจะต้องถูกยึดเอาไปจนหมดสิ้นแน่นอน ซึ่งนางจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันยอมอย่างเด็ดขาด!
ร่างอวบอิ่มเกินวัยในชุดแม่บ้านสีชมพูอ่อนมอซอค่อยๆ เดินลัดเลาะมาตามถนนฟุตบาทมุ่งหน้าสู่บ้านจักรเทพที่ตนเองอาศัยอยู่มาตั้งแต่จำความได้อย่างไม่คิดเหน็ดเหนื่อย ประภัสสรยกมือปาดเหงื่อที่ขมับบนใบหน้าของตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบเร่งฝีเท้ากลับบ้านทันทีที่จ่ายตลาดเสร็จ ด้วยรู้ดีว่าถ้ากลับช้าจะต้องเจออะไร
หญิงสาวที่ตอนนี้อายุได้ยี่สิบห้าปีเต็มแล้ว หากแต่เธอมีวาสนาได้เรียนแค่เพียงมัธยมปลายเท่านั้นเพราะเจ้าของบ้านที่เธออาศัยอยู่สั่งห้ามไม่ให้เธอเรียนต่อมหาลัยแม้ว่าจะพยายามขอร้องท่านสักแค่ไหนคำตอบที่ได้กลับมาก็คือคำว่าไม่อนุญาตเสมอ หญิงสาวที่ถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่หน้าบ้านหลังงามหลังนั้นตั้งแต่ยังแบเบาะจำต้องยอมทำตามผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเธอเอาไว้ แม้จะในสถานะคนรับใช้กินเงินเดินหลักพันไม่ได้มีชีวิตที่ดีงามอะไรเลยสักอย่าง แต่อย่างไร ทั้งคุณหญิงและคุณท่านต่างก็มีบุญคุณต่อเธอด้วยกันทั้งคู่
เพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านสั่งให้ทำอะไรต่อให้มันยากเย็นแค่ไหนเธอก็ต้องทำ เพื่อตอบพระคุณอันใหญ่หลวงที่ท่านมีให้กันเสมอ
ทว่าอีกแค่เพียงไม่กี่อึดใจจะถึงที่หมายนั้นหญิงสาวกลับต้องกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อรถคันหนึ่งขับผ่านหน้าเธอไปแถมยังเหยียบเอาแอ่งน้ำข้างทางอย่างแรงจนมันกระเด็นสาดใส่กัน ไม่นานจากนั้นรถคันหรูก็ถูกเบรกกะทันหันพร้อมกับร่างใหญ่โตของชายชุดดำคนหนึ่ง ที่เดินลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความตกใจ
“ขอโทษครับคุณผมไม่ทันเห็น คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” จารอปเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เห็นว่าตนเองนั้นเผลอขับรถเหยียบน้ำจนทำให้มันกระเด็นใส่เธอเข้าอย่างจัง เขาเองก็ไม่ทันมองด้วยว่าจะมีใครสักคนเที่ยวมาเดินทำอะไรในย่านที่เต็มไปด้วยบ้านคนรวยเช่นนี้ เพราะส่วนใหญ่คนที่จะซื้อมันได้คงไม่มีใครมาเดินเตร่ให้คนอื่นขับรถเหยียบน้ำใส่เหมือนหญิงสาวนัยน์ตาสวยตรงหน้านี้แน่ อย่างไรก็ต้องขอโทษเพราะตนเป็นคนผิด
“มะ…ไม่ค่ะ ฉันแค่เปียกนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมาก” ประภัสสรเอ่ยตอบเสียงสั่น ไม่บ่อยนักที่จะได้คุยกับคนแปลกหน้าเพราะโดยปกติแล้วเธอจะถูกสั่งให้อยู่แต่ในครัวเสียมากกว่าที่จะได้ออกไปไหน นี่นับว่าเป็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เธอมีโอกาสได้ทำมัน
ซึ่งวันนี้มันคงต้องเป็นแบบนั้นหากป้าหยกที่มักจะรับหน้าที่ออกมาจ่ายตลาดด้วยตัวเองไม่ดันเท้าเจ็บขึ้นมาซะก่อน หน้าที่ที่ว่านั้นเลยตกมาเป็นของเธอแทบจะทันทีที่จำต้องออกมาจ่ายตลาดซื้อของสดเพื่อนำกลับไปทำอาหาร หญิงสาวคิดกับตัวเองในใจก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าอีกครั้งหนึ่งซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กระจกข้างจากด้านหลังของรถคันหรูก็ถูกเลื่อนลงเสียก่อนพร้อมกับเสียงก้องกังวานของใครอีกคนที่ดังตวาดขึ้นเหมือนกำลังไม่พอใจอยู่
“นายมัวทำบ้าอะไรอยู่จารอป! ถ้าหล่อนมากเรื่องนักก็รีบจ่ายๆ เงินไป!” หญิงสาวตาโตเมื่อขึ้นได้คำดูถูกดูแคลนของคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนรถจนทำให้เห็นหน้าของเขาไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ดูจากคำพูดดูถูกคนอื่นเขาคงเป็นคนที่มารยาทแย่มากๆ
อะไรกันคนๆ นี้ เขาคิดว่าตัวเองรวยนักหรือไงกัน!!
“เก็บเงินของคุณไว้ไปเรียนมารยาทเพิ่มเถอะค่ะ เพราะว่าฉันไม่ต้องการมัน! สำหรับบางคนเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตหรอกนะคะที่คุณเที่ยวจะนำมันมาหาดหัวให้กับใครที่ไหนก็ได้!” จารอปอ้าปากค้างกลางอากาศอย่างหวาดหวั่นยามเมื่อได้ยินคำตอบที่หญิงสาวตรงหน้า โต้กลับเจ้านายของเขาอย่างไม่คิดเกรงกลัวอีกฝ่ายเลย
ซึ่งมันก็ได้ผลชะงักเมื่อใบหน้าดุดันของคนในรถเงยขึ้นก่อนจะจ้องมองแม่คนปากเก่งอย่างเอาเรื่องกับปากกล้าๆ ของเธอ ไม่นานร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูสีเทาก็รีบพาตัวเองเดินลงมาจากรถประจันหน้ากันด้วยท่าทีคุกคามจนอีกคนต้องถอยร่นหนีเพื่อระมัดระวังตัวเอง ยิ่งเมื่อได้เห็นเขาชัดๆ รังสีความหล่อเหลาก็ทะลุเข้าตาจนหญิงสาวค้างไปหลายนาที แต่เท้าก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน..
“เมื่อกี้เธอว่าอะไร! เธอกำลังจะบอกว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทอย่างนั้นใช่ไหม!!” ลูเซียสตวาดถามกลับก่อนจะจ้องมองหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าชะตาของเธอกำลังขาดอย่างเหยียดหยาม ดูจากชุดที่ใส่ ข้าวของพะรุงพะรังที่ถืออยู่คงจะหนีไม่พ้นสาวใช้จากบ้านหลังไหนสักแห่งในย่านนี้ไม่ผิดแน่ๆ ตัวรึก็เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยแต่ริอาจปากดีต่อปากต่อคำกับเขา ไม่รู้ว่าแม่คุณไปขุดขนเอาความกล้าที่ไม่มีใครสักคนเคยทำนี้มาจากที่ไหนกันถึงได้กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำกับเขามาก่อน อย่าว่าแต่เขาเลยที่ตกใจ แม้แต่จารอปคนสนิทเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่ อีกฝ่ายดูเหมือนจะช็อกไปเลยด้วยซ้ำ
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
“ผมไม่หย่า! ต่อให้คุณจะเกลียดผมไปจนวันตายยังไงผมก็ไม่หย่า” “ทำไมล่ะคะ คุณจะเก็บฉันเอาไว้ทำไมในเมื่อคุณไม่สามารถทำให้ฉันมีความสุขได้เลยสักวันเดียว! เป็นฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณรู้บ้างไหมคะวาฉันต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนที่ต้องฝืนทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณ อ๊ะ!!” คำต่อว่าที่รุนแรงทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป มือทั้งสองกระชากใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอยู่ดี รสสัมผัสที่รุนแรงหยาบกระด้างค่อยๆ แผ่วเบาลงตามลำดับแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาใสที่ไหลรินออกมาจากแก้มเนียนทุกๆ สิ่งถึงได้หยุดลงพร้อมๆ กับใบหน้าคมคายที่ผละตัวออกห่าง... “ผมขอโทษ ขอโทษที่ใจร้ายกับคุณมาตลอด แต่ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจอีก”
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------