‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!
พลอยชมพูนิ่วหน้าคิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ เธอรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนักกับชุดที่สวมใส่เพราะมันดูหวือหวาเหลือเกินในความรู้สึกเธอ
“พลอยขอเปลี่ยนชุดดีกว่านะนิต้า ชุดนี้มัน...”
“มั่นใจหน่อยสิพลอย นิต้าว่าพลอยใส่ชุดนี้แล้วดูดีมีเสน่ห์จะตายไป เชื่อนิต้านะ”
“แต่ว่า...”
“ไม่เอาล่ะ นิต้าพาพลอยมาที่นี่เพราะอยากให้พลอยรู้จักเติมสีสันให้ชีวิตบ้างไม่ใช่จืดชืดอย่างที่เคยเป็น เห็นไหมเพราะพลอยมัวแต่ทำตัวเป็นยายชีอยู่อย่างนั้นไงถึงได้ถูกยัยผู้หญิงหน้าด้านนั่นย่องมางาบคุณยศวินตัดหน้าไปแบบนี้”
พลอยชมพูหน้าเสียเมื่อได้ฟังวาจาเสียดแทงหัวใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีอะไรที่ทำให้เธอเจ็บปวดรวดร้าวได้มากเท่าการถูกชิงคนรักที่คบหากันมานานกว่าสี่ปีไปโดยที่เธอไม่อาจทำอะไรได้เลย ทั้งที่ตลอดเวลายศวินไม่เคยมีทีท่าว่าจะเป็นผู้ชายมากรัก แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาประกาศตัวว่ากำลังตั้งท้องลูกของเขา
เหตุการณ์นี้มันหนักหนาเกินกว่าเธอจะรับได้ แม้ยศวินจะพยายามร้องขอให้เธอเชื่อใจและให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเสียใจก็ทำให้เธอปิดโอกาสนั้น เพราะหากไม่ใช่ความจริงผู้หญิงที่ไหนจะกล้ามาสมอ้างซ้ำวันเกิดเรื่องยศวินเองก็มีสีหน้าท่าทางตกใจและไม่มีทีท่าจะปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักมักจี่ผู้หญิงคนนั้น
เวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้ยศวินก็ยังไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้นั่นจึงทำให้เธอมั่นใจว่าเรื่องที่เขานอกใจเธอแอบไปมีสัมพันธ์ลับกับผู้หญิงคนนั้นจนตั้งท้องเป็นเรื่องจริง
“พลอย...นิต้าขอโทษ นิต้าไม่ได้ตั้งใจตอกย้ำให้พลอยเสียใจนะ นิต้าแค่...”
“ช่างเถอะนิต้า พลอยไม่ได้เป็นอะไร ที่นิต้าพูดมามันก็ถูก พลอยควรแต่งเติมชีวิตให้มีสีสันบ้าง ดีกว่าทำตัวเป็นยายชีอย่างที่ผ่านมา” พลอยชมพูบอกยิ้มๆ
ปณิตามองหน้าเพื่อนรักที่ยังคงแฝงไปด้วยความโศกเศร้าแล้วถอนหายใจพลางยื่นมือมาแตะไหล่บอบบางบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจแล้วหมุนร่างอ้อนแอ้นให้หันกลับไปดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง
“มองดูตัวเองตอนนี้ให้ดีนะพลอย จดจำภาพนี้ไว้แล้วบอกตัวเองว่าจากนี้ไปจะไม่มีพลอยชมพูคนเดิมอีกแล้ว”
พลอยชมพูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองแล้วบอกกับตัวเองในใจว่าเธอจะโยนอดีตทิ้งไปซะ โชคดีเท่าไรแล้วที่ความแตกก่อนที่เธอและยศวินจะผูกสัมพันธ์กันมากไปกว่านี้ เพราะหากเรื่องแดงหลังจากเธอแต่งงานกับผู้ชายมักมากคนนั้นไปแล้วเธอคงทุกข์ตรมขมขื่นกว่านี้หลายเท่านัก
“ขอบคุณนะนิต้า ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างพลอย”
“ก็เราเพื่อนกันนี่ เพื่อนไม่ดูแลเพื่อนแล้วใครจะดูแลล่ะจริงไหม”
พลอยชมพูพยักหน้าแล้วคลี่ยิ้มกว้าง ดวงหน้างามดูสดใสขึ้นมาบ้างยามเจ้าของดึงตัวเองออกมาจากความทุกข์โศกที่ยังคงอัดแน่นอยู่ในอก
ปณิตายิ้มตอบ สองสาวมองสบตากันยามยิ้มให้กันผ่านกระจกเงาบานใหญ่
“เราลงไปสนุกกับปาร์ตี้ข้างล่างเถอะ ความสุขรอเราอยู่” ปณิตาชวนก่อนเลื่อนมือที่โอบกอดพลอยชมพูไว้ลงมาจับมือพากันเดินออกจากห้องพักไป
พลอยชมพูไม่อิดออดอีกต่อไปแม้จะไม่คุ้นชินกับชุดที่สวมใส่แต่ก็พยายามดึงความมั่นใจในตัวเองออกมา
ภาพสองสาวรูปร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสั้นสีขาวโชว์ต้นขาและปลีน่องเรียวยาวดึงดูดสายตาทุกคู่ในงานปาร์ตี้ที่จัดริมสระว่ายน้ำ
คนหนึ่งสวยสะดุดตากับตัวเสื้อเกาะอกโชว์ไหล่ลาดและแขนเรียวสวย คนหนึ่งแม้ตัวเสื้อจะไม่หวือหวาเท่าแต่เรียวแขนที่โผล่พ้นตัวเสื้อแขนกุดก็สะดุดตาไม่แพ้กัน เพราะดวงหน้าสวยหวานที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวสลวยช่วงปลายหยักศกม้วนตัวเป็นพวงแผ่สยายเต็มแผ่นหลังชูให้เจ้าตัวดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ซ้ำดวงตากวางคู่สวยของเธอก็ยิ่งชวนให้ใจละลายยามสบจ้อง
“เห็นไหมใครๆก็ชื่นชมพลอยกันทั้งนั้น” ปณิตายื่นหน้าเข้าไปกระซิบ
พลอยชมพูกวาดสายตามองไปโดยรอบแล้วก็รู้สึกขวยเขินเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มมากหน้าในงานปาร์ตี้จ้องมองมา หญิงสาวพยายามไม่สนใจแต่ก็อดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้เพราะไม่เคยถูกแทะโลมด้วยสายตาเช่นนี้
“พลอยว่าเขามองนิต้ามากกว่านะ นิต้าออกจากสวยเฉี่ยวขนาดนี้มีใครบ้างจะไม่หลงเสน่ห์”
ปณิตาไหวไหล่ก่อนพาพลอยชมพูเดินผ่านหน้าผู้ชายที่เข้ามาทักทายหลายต่อหลายคนไปอย่างไม่สนใจ พลอยชมพูเสียอีกที่รู้สึกหวาดหวั่นลึกๆ กลัวว่าท่าทีเชิดๆ นี้จะไปยั่วโมโหผู้ชายเหล่านั้น
“นิต้า ไปเมินใส่เขาแบบนั้นมันจะดีเหรอ”
“อย่าสนใจพวกนั้นเลยน่าพลอย มาปาร์ตี้แบบนี้เราต้องไว้ตัว ถ้าไปคุยดีด้วยพวกนั้นจะหาว่าเราอ่อย ทีนี้ล่ะสลัดไม่หลุดแน่ๆ เพราะพวกนี้จะตื๊อจนถึงที่สุดเลยล่ะ”
“แล้วที่ทำเชิดๆนี่จะไม่กลายไปยั่วยุให้เขาโมโหแล้วมาระรานเราเหรอนิต้า”
“ไม่เอาน่าพลอย ดูสิ มีใครตามมาตอแยเราไหมล่ะ พอเราไม่เล่นด้วยพวกนั้นก็ไปหาที่หมายใหม่แล้วล่ะ”
พลอยชมพูกวาดสายตามองไปก็เห็นจริงตามคำเพื่อนรักว่าจึงเบาใจขึ้น หญิงสาวหันมายิ้มน้อยๆ ใจนึกไม่ค่อยสนุกนักกับปาร์ตี้แบบนี้ เพราะนอกจากท่วงทำนองเพลงแนวร็อคซึ่งไม่คุ้นเคยแล้วเสียงเพลงยังดังจนแก้วหูแทบระเบิดอีกต่างหาก
“พลอยรออยู่ตรงนี้นะ นิต้าไปเอาเครื่องดื่มมาให้”
พลอยชมพูพยักหน้ารับรู้ แม้ใจจะอยากตามติดปณิตาไปด้วยแต่ก็กลัวถูกเพื่อนว่าทำตัวเป็นลูกแหง่ติดแม่ อีกอย่างพอปณิตาพูดจบก็สาวเท้าจากไปทันทีทิ้งให้เธอยืนเก้อเขินด้วยไม่รู้จะวางตัวอย่างไรในปาร์ตี้แบบนี้
ก่อนมาเธอก็พอรู้มาบ้างว่าปาร์ตี้ฉลองการเปิดตัวโรงแรมของที่นี่จำลองมาจากปาร์ตี้ฟูลมูนที่เกาะพงันเพียงแต่จัดขึ้นริมสระว่ายน้ำแทนชายหาด
ตอนนั้นเธอคิดว่าได้ลองทำอะไรในแบบที่ไม่เคยทำก็ดีเหมือนกัน จึงตัดสินใจมาตามคำชวนของปณิตาและโกหกผู้เป็นย่าตามคำแนะนำของเพื่อนรักด้วยไม่อยากให้ท่านต้องกังวลและที่สำคัญคือ หากท่านรู้ความจริง อย่าหวังว่าเธอจะมีโอกาสมา
แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าไม่น่ามายืนอยู่ในปาร์ตี้แห่งนี้เลย เพราะนอกจากจะไม่สนุกในความรู้สึกเธอแล้ว เธอยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยนักสำหรับผู้หญิงที่มากันเพียงลำพังอย่างเธอและปณิตา
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อมาแล้วจะเปลี่ยนใจกลับขึ้นห้องก็คงยากเพราะปณิตาดูท่าทางจะชื่นชอบงานปาร์ตี้แบบนี้
“ทำไมยืนทำหน้าแบบนั้นล่ะพลอย ไม่สนุกเหรอ”
พลอยชมพูหันไปตามเสียงทักถาม หญิงสาวทำหน้าปุเลี่ยนพลางกวาดสายตามองไปรอบด้านด้วยความรู้สึกยากเกินบรรยาย
บรรยากาศก็ครึกครื้นดีอยู่หรอกแต่นั่นคงสำหรับผู้ชื่นชอบแสงสีเสียง แต่คนที่นิยมความสงบร่มรื่นและความเป็นส่วนเธอเช่นเธอคงยากจะทำใจให้คึกคักตามไปด้วย
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่ชอบ ถ้าอย่างนั้นเรากลับขึ้นห้องกันก็ได้นะ” ปณิตาบอกอย่างเห็นใจ
พลอยชมพูชำเลืองมองหน้าเพื่อนรักมองตาก็รู้ว่าเสียดาย
“ไม่เป็นไรหรอกนิต้า มันก็ครึกครื้นดี แค่พลอยยังไม่ชินเท่านั้นเอง” พลอยชมพูตอบกลับอย่างถนอมน้ำใจเพื่อนด้วยไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนหมดสนุก ปณิตาอุตส่าห์พาเธอมาเปลี่ยนบรรยากาศพยายามดึงเธอออกมาจากความโศกเศร้าเธอจะมาทำเรื่องมากไม่ได้
“ไม่เป็นไรแน่นะ ถ้าไม่ชอบก็อย่าฝืน”
“ไม่เป็นไรน่า” พลอยชมพูรีบยืนยัน ปณิตาจึงไม่เซ้าซี้ต่อแต่หันมาชวนให้พลอยชมพูทดลองดื่มเครื่องดื่มที่เธอนำมาให้
“ถ้าอย่างนั้นลองดื่มนี่หน่อยละกัน เชื่อนิต้ามันจะช่วยให้พลอยสดชื่นขึ้น”
“อะไรเหรอ” พลอยชมพูนิ่วหน้าถามพลางยื่นมือไปรับแก้วทรงสูงที่มีน้ำสีฟ้าสดใสปากแก้วประดับด้วยส้มฝานชิ้นบางๆ ดูสวยงามน่าดื่มชิม
“บลูฮาวาย มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นิดหน่อย เหมาะกับสาวๆ ที่ไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์อย่างพลอย”
พลอยชมพูลังเลด้วยไม่มั่นใจว่าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นิดหน่อยนั้นมากน้อยแค่ไหนเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยลิ้มรสเครื่องดื่มมึนเมาเลยแม้สักครั้ง เธอจึงไม่กล้ายกขึ้นดื่มตามคำชวนของเพื่อนรัก
“ไม่เมาหรอกน่า นิต้ารู้ว่าพลอยไม่เคยแตะแอลกอฮอล์ นิต้าเลยเลือกบลูฮาวายมาให้ นี่นิต้าย้ำกับคนทำเลยนะว่าใส่ให้น้อยที่สุด ลองดูสิ”
พลอยชมพูหลุบตาลงมองน้ำสีฟ้าใสในแก้วอย่างลังเลแล้วช้อนสายตาขึ้นมองปณิตาอีกครั้งเห็นคนชวนส่งสายตาคะยั้นคะยอให้ลิ้มลอง คนไม่เคยก็เลยไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
‘ครั้งนี้ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง’
หญิงสาวคิดแล้วก็ตัดสินใจยกแก้วทรงสูงขึ้นจิบเพียงปลายลิ้นสัมผัสกับรสหวานล้ำแปลกประหลาดของน้ำสีฟ้าในแก้วนั้น ดวงตากวางคู่สวยก็เปล่งประกายแวววาว
‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!
ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!
‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย
‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”
ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!
'ฉันเอารูปมาคืนคุณตามคำสัญญา หวังว่าคุณจะทำตามคำพูดนะคะ คุณปวีร์' 'แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วสิเอมีก้า' 'หมายความว่าไง' 'หมายความว่าผมจะทำให้คุณมาเป็นผู้หญิงของผมแทนการเก็บสะสมรูปพวกนั้นน่ะสิ' 'คุณปวีร์!'
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ