‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”
เมืองฮาลอง ประเทศเวียดนาม...
“เฮ้ย! หยุดนะ! ขอโทษครับ! ขอโทษ!” เสียงตะโกนโหวกเหวกเป็นภาษาเวียดนามดังกึกก้องพร้อมร่างสูงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็กวิ่งไล่กวดชายร่างเล็กในชุดดำตัวเสื้อมีฮู้ดคลุมศีรษะไว้อย่างมิดชิดไปติดๆ สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนที่กำลังเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาดขนาดย่อม
พระจันทร์ พรพิทักษ์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เดินทางไปติดต่อธุรกิจที่เวียดนามกับคู่ค้าที่สนใจร่วมทุนในโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวขึ้น หลังจากเจรจากับหุ้นส่วนคนสำคัญเสร็จสิ้น เขาจึงท่องเที่ยวพักผ่อนพร้อมกับสำรวจแหล่งธุรกิจในเวียดนามไปในตัว ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับการเดินดูสินค้าในตลาดฮาลองก็ถูกมือดีล้วงกระเป๋า แต่ทว่าเจ้าหัวขโมยมือไม่เบาพอชายหนุ่มจึงรู้ตัว แต่ช้าไปกว่าหัวขโมยที่รีบโกยแนบทันทีที่ฉกกระเป๋ามาไว้ในมือได้ การวิ่งไล่ล่ากันเกิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนที่พากันแตกตื่นด้วยไม่รู้เรื่องราว
“บัดซบ! หายไปไหนนะ ไวฉิบ!” พระจันทร์สบถอย่างหัวเสียเมื่อเจ้าวายร้ายที่เขาวิ่งไล่กวดมาหายตัวไปเมื่อมาถึงทางแยกที่ซับซ้อน ชายหนุ่มหยุดยืนหายใจหอบมองซ้ายมองขวาอย่างลังเล ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในตรอกหนึ่งด้วยหวังว่าจะใจตรงกันกับเจ้าหัวขโมย ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ล่าให้เหนื่อยแรง เพราะเขาไม่ได้นึกเสียดายเงิน แต่เพราะไม่อยากเสียเวลาไปจัดการเดินเรื่องเกี่ยวกับเอกสารในกระเป๋าต่างหาก อย่างน้อยหากมันเอาเงินในกระเป๋าไปแล้วทิ้งกระเป๋าและเอกสารสำคัญไว้ก็ยังดี แต่ตอนนี้หัวขโมยตีนผีวิ่งหนีหายไปในซอกซอยไหนก็ยากที่จะคาดเดา
**********************************
“ว้าย!” เสียงหวีดร้องอย่างตกใจดังขึ้นเมื่อจู่ๆเธอก็ถูกวิ่งชนแทบเสียหลักล้ม แต่คนชนกลับไม่เอ่ยคำขอโทษสักนิด หญิงสาวได้แต่มองตามอย่างหงุดหงิดใจ
“บ้าจริง! จะขอโทษกันสักนิดก็ไม่มี ไร้มารยาทสิ้นดี” พิมพ์อัปสรก่นด่าอย่างไม่สบอารมณ์ แต่หญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อเบื้องหน้าของเธอมีกระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมตกอยู่
“เอ๊ะ! กระเป๋าสตางค์นี่! แปลกจริงคนแบบนั้นใช้ของดีมียี่ห้อขนาดนี้เลยเหรอหรือว่าของก็อป” ว่าพลางก้มลงไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ตกอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดู แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตรวจดูอย่างถี่ถ้วนตามที่ใจนึกคิด เสียงห้าวกังวานของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น ฉุดให้เธอหันไปมองตามเสียงนั้นอย่างมึนงง
“อยู่นี่เองเจ้าหัวขโมย หยุดนะ! อย่าคิดหนี”
“เอ๊ะ! นี่คุณ! ปล่อยนะ คุณเป็นใครมากล่าวหากันแบบนี้ไม่มากไปหน่อยหรือ” พิมพ์อัปสรโวยวายเมื่อเจ้าของเสียงทรงพลังอำนาจนั้นตรงเข้ามายื้อยุดฉุดกระชากแขนเธอ
พระจันทร์อึ้งไปนิดที่หญิงสาวที่เขาเข้าใจว่าเป็นหัวขโมยนั้นช่างมีใบหน้าที่ดูสวยเฉี่ยว แม้จะไม่ได้แต่งแต้มสีสันใดลงบนใบหน้าเลยก็ตาม ยิ่งริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูอ่อนราวกลีบกุหลาบนั่นด้วยแล้วช่างดูน่าหลงใหลเสียจนไม่อยากละสายตา แต่เพียงเสี้ยววินาทีนักธุรกิจหนุ่มก็ขับไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วโต้ตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาหยามเหยียด
“ฉันเนี่ยนะกล่าวหาเธอ หลักฐานอยู่ในมือโทนโท่ อย่างไรเธอก็ดิ้นไม่หลุดแน่แม่หัวขโมย”
“หลักฐานอะไรพูดให้มันดีๆ นะคุณ” พิมพ์อัปสรแค่นหัวเราะก่อนถาม ยามนี้ใบหน้างามเหยเกดวงตาขุ่นเขียวเพราะขัดใจที่ไม่อาจดิ้นหลุดจากมือหนาที่รึงรัดท่อนแขนเธอไว้มั่น
“ก็กระเป๋าสตางค์ฉันที่อยู่ในมือเธอนี่ไง ไปกับฉันซะดีๆ อย่างไรวันนี้ฉันต้องให้ตำรวจจับเธอเข้าคุกแน่ๆ”
พระจันทร์จับจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาคาดคั้นแกมบังคับ พิมพ์อัปสรถึงกับไฟโทสะลุกโชนเมื่อเข้าใจในสถานการณ์ มัคคุเทศก์สาวรู้สึกเกลียดชัง ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่มีจิตใจคับแคบชอบคิดเองสรุปเองโดยไม่ไตร่ตรองหรือถามไถ่ให้รู้เรื่องราว หญิงสาวจึงหลุดพ่นวาจาท้าทายด้วยแรงโทสะราวกำลังมีกองเพลิงอันร้อนแรงลุกโชติช่วงอยู่ภายในอก
“ก็เอาเซ่! ถ้าคุณไม่กลัวหน้าแตกก็เชิญ คุณเห็นนั่นไหม กล้องวงจรปิดของโรงแรม ฉันก็มีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน”
พระจันทร์ตวัดสายตามองตามคำท้านั้นแล้วโต้ตอบทันควันอย่างมั่นใจเช่นกัน
“ได้! งั้นเราจะได้เห็นดีกัน”
“เอ๊ะ! นี่คุณปล่อยนะ จะพาฉันไปไหนเนี่ย” พิมพ์อัปสรโวยวายอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วแกร่งขยับรัดแน่นเข้าแล้วเจ้าของมือหนานั้นก็ออกแรงฉุดให้เธอเดินตาม หญิงสาวทั้งเจ็บและแค้นเคืองกับความบ้าอำนาจของอีกฝ่าย
“ก็ไปพิสูจน์กันไง ว่าเธอผิดจริงหรือฉันเป็นฝ่ายคิดไปเอง” พระจันทร์หันมาตอบกลับดวงตาคู่คมจับจ้องดวงตาสีนิลด้วยแววตาอันคมกล้าแสนท้าทาย คิ้วดกเข้มเลิกขึ้นสูงราวต้องการถามอยู่ในที
“คุณนี่มันบ้าชะมัด”
“หรือเธอไม่กล้า งั้นก็ยอมรับมาซะดีๆ ว่าเธอเป็นหัวขโมย”
“โธ่โว้ย! คุณนี่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันไม่ได้เป็นหัวขโมย ได้ยินไหม!” พิมพ์อัปสรตะโกนลั่นเป็นภาษาไทยเร็วปรื๋อทั้งที่ตลอดช่วงเวลาที่ถกเถียงกันล้วนโต้ตอบกันไปมาด้วยภาษาเวียดนามทั้งสิ้น
“ถ้ามั่นใจจริงก็ตามฉันมา”
มัคคุเทศก์สาวถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินชายหนุ่มแปลกหน้าโต้กลับด้วยภาษาเดียวกัน พระจันทร์กระตุกมือ ฉุดดึงแขนให้อีกฝ่ายเดินตาม ครั้งนี้พิมพ์อัปสรเพียงแค่ชักสีหน้าหงุดหงิดใจก่อนเดินตามชายร่างสูงมาดเท่ทว่าแสนเอาแต่ใจไม่ฟังคำใครไปด้วยอาการสุดเซ็ง
‘บ้าจริง! คอยดูนะฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุดที่บังอาจมาทำให้ฉันเสียเวลา’ พิมพ์อัปสรเข่นเขี้ยวในใจพลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาสุดเก๋ เมื่อเห็นว่าใกล้เวลานัดหมายกับคณะทัวร์แล้วหญิงสาวก็ยิ่งขุ่นเคืองในอารมณ์
“ผมขอโทษคุณแล้วกันที่เข้าใจคุณผิดไป” พระจันทร์เอ่ยขึ้นด้วยสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองและหญิงสาวเปลี่ยนไป เขารู้สึกผิดเมื่อได้ดูเทปบันทึกจากกล้องวงจรปิดหลังจากแจ้งความประสงค์ ผู้จัดการโรงแรมรีบจัดการให้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเขาเป็นแขกวีไอพีที่มักมาพักที่โรงแรมนี้เป็นประจำ แต่ในความรู้สึกของพิมพ์อัปสร เธอกลับรู้สึกว่ากิริยาอาการนั่นช่างเสแสร้งมากกว่าที่เจ้าตัวจะรู้สึกสำนึกผิดจริงจัง เพราะดวงตาคมกล้าคู่นั้นยังเต็มไปด้วยแววถือดีไม่มีวี่แววคล้อยตามวาจานั้นสักนิด
“เก็บคำขอโทษของคุณไว้ดีกว่าค่ะ ฉันว่าทางที่ดีคุณควรรู้จักไถ่ถามให้แน่ใจเสียก่อนคิดกล่าวหาคนอื่นแบบนี้”
“นี่คุณ!” พระจันทร์ฉุนกึกเมื่อได้ฟังวาจาแสนร้ายกาจนั่น
“ทำไมคะ ฉันจี้ใจดำคุณหรือไงคุณควรขอบใจฉันมากกว่านะคะที่ชี้ให้คุณเห็นจุดบกพร่องของตัวเอง” พิมพ์อัปสรยังคงเย้ยหยันทั้งแววตาสีหน้าและวาจาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอมลงให้อีกฝ่ายสักนิด ผู้จัดการโรงแรมเหมือนจะรู้ตัวว่าหมดหน้าที่จึงรีบปลีกตัวหลีกหนีออกไป เมื่อเจอสายตาคมกล้าของพระจันทร์ตวัดมองมาราวออกคำสั่ง
‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!
ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!
‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย
ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!
‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!
'ฉันเอารูปมาคืนคุณตามคำสัญญา หวังว่าคุณจะทำตามคำพูดนะคะ คุณปวีร์' 'แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วสิเอมีก้า' 'หมายความว่าไง' 'หมายความว่าผมจะทำให้คุณมาเป็นผู้หญิงของผมแทนการเก็บสะสมรูปพวกนั้นน่ะสิ' 'คุณปวีร์!'
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!