เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
หญิงสาวสวยสะคราญด้วยวัยเพียง 21 ปี มีเรือนร่างเพรียวระหงในชุดรัดกุมทะมัดทะแมงด้วยเสื้อเชิ้ตสีหวานเก็บชายสอดใต้เอวกางเกงยีนส์สีเข้มรัดรูปร่างอวบอรชร สวมรองเท้าบู๊ธครึ่งแข้งมีหมวกหนังปีกกว้างแบบหมวกคาวบอยครอบทับศีรษะทุยสวยที่ถักผมเป็นเปียเดี่ยวไม่ให้หลุดรุ่ยลงมาเกะกะใบหน้า เธอมุดช่องว่างของรั้วไม้ที่เกิดจากการผุพังบวกกับฝีมือของตนเองในวัยเด็กเข้ามาในไร่องุ่นกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ติดกันอย่างชำนาญ
พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ ทายาทเพียงคนเดียวของไร่รุ่งโรจน์ ซึ่งเป็นไร่องุ่นที่อยู่ติดกันกับไร่อิงฟ้าที่เธอกำลังยืนอยู่ เธอลอดรั้วเข้ามาแล้วหันไปมองไร่ของตนก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปตามเส้นทางภายในไร่อิงฟ้า ร่างระหงวิ่งฝ่าเปลวแดดไปถึงบ้านไม้ซุงหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเตี้ยๆ รายล้อมไปด้วยดงดอกกุหลาบหลากสีสัน เธอหยุดเพื่อสูดความหอมของกลิ่นกุหลาบนับพันดอก กุหลาบพวกนี้จะส่งกลิ่นหอมค้างอยู่บนต้นจนร่วยโรยไปเอง มีคนงานคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอทุกวันตามความต้องการของเจ้าของ
ดรัณ พัชรอัมรินทร์ หรือพ่อเลี้ยงดรัณ ผู้เป็นเจ้าของไร่องุ่นอิงฟ้าและยังเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของจังหวัดลำปาง เป็นเจ้าของที่หวงแปลงกุหลาบแสนสวยแปลงนี้มาก
หญิงสาวพาตัวเองก้าวผ่านแปลงกุหลาบสุดหอมเข้าไปในบ้านไม้ซุงหลังงาม บ้านไม้ซุง 2 ชั้น ตกแต่งด้วยความทันสมัยและโปร่งสบายเหมาะสำหรับการตื่นขึ้นมาสูดโอโซนในตอนเช้าของทุกวัน พลับพลึงเห็นทุกอย่างเงียบกริบผิดปกติ ก็เดินเข้าไปในห้องครัวแล้วถามหาเจ้าของบ้านกับแม่ครัวเสียงหวาน แน่นอนว่าความน่ารักของเธอเข้าตาทุกคนทั้งชายหญิง ไม่มีคนไหนจะมองข้ามเสน่ห์อันเย้ายวนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอได้
“ป้าเบียบจ๋า”
“คุณหนูพลับ เข้ามาหาป้าถึงในครัวแบบนี้คงจะหิวสินะคะ”
ป้าเบียบ หรือระเบียบศรีของทุกคน เป็นคนหนึ่งที่หลงรักพลับพลึงหัวปักหัวปำ ป้าเบียบกอดคุณหนูพลับแล้วหอมแก้มซ้ายขวาประดุจผู้ให้กำเนิด คุณหนูพลับทายาทตระกูลดังตระกูลหนึ่งของจังหวัดนี้ไม่เคยถือเนื้อถือตัวหรือออกอาการรังเกียจคนที่ด้อยกว่า แม้ฐานะจะต่างกันราวฟ้ากับดิน คุณหนูพลับก็ยังยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่มีการแบ่งชนชั้น
“พลับตื่นสายโด่งตะวันส่องก้นขนาดนี้ คงไม่มีอะไรเหลือให้พลับทานหรอกมั้งคะ” พลับพลึงบอกแล้วเดินไปเปิดตู้หม้อที่วางอยู่บนเตา
“มีสิคะ วันนี้มีต้มจับฉ่ายของโปรดคุณหนูด้วยนะคะ”
กลิ่นต้มจับฉ่ายหอมฉุย พลับพลึงสังเกตว่ายังไม่พร่องไปเลยสักนิดก็นิ่วหน้า
“ยังไม่มีใครทานเลยหรือคะ แหม...อย่างกับว่าจะรอให้พลับเปิดซิงก่อนอย่างงั้นแหละ” ว่าแล้วเธอก็คว้าช้อนตักน้ำต้มจับฉ่ายขึ้นมาซด “โห...ร้อน” โอดครวญเล็กน้อยเมื่อความร้อนลวกปาก
ป้าเบียบส่ายหน้ายิ้มๆ กำลังจะอ้าปากเตือนแต่ไม่ทันความเร็วปานจรวดของคนหิว
“เป็นยังไงบ้างคะ ทีหน้าทีหลังต้องเป่าให้หายร้อนก่อนนะคะ ลิ้นพองกันพอดี”
“แหะๆ นิดหน่อยค่ะ แต่อร่อยแบบนี้ทำไมยังไม่มีใครทานล่ะคะ พลับเห็นมีเต็มหม้อเลย”
“พ่อเลี้ยงออกไปไร่ตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะค่ะ ป่านนี้ยังไม่กลับเข้ามาเลย สงสัยอาหารเช้าของป้าคงเป็นม่ายแล้วล่ะค่ะ”
พลับพลึงปิดฝาหม้อต้มจับฉ่าย อาหารชนิดนี้ไม่ใช่ของโปรดของเธอคนเดียว แต่ยังเป็นของโปรดปรานของ ‘อารัณ’ ด้วย ถ้าเขารู้ว่าป้าเบียบทำไว้ก็คงรีบมาทานแล้ว แต่นี่คงไม่รู้สินะ
“อารัณออกไปไร่ทำไมกันแต่เช้ามืดคะ ไม่รู้จะขยันไปถึงไหน แค่นี้ก็รวยอื้อซ่าอยู่แล้ว”
“พ่อเลี้ยงก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่คุณอิงเสียล่ะค่ะ จากคนเคยร่าเริง สรวลเสเฮฮาตลอดเวลา น่ารัก น่าคบหา กลายเป็นคนเงียบขรึม เย็นชา บางครั้งก็ใจร้ายเลยด้วย อุ้ย! เดี๋ยวป้าตักข้าวให้คุณหนูทานดีกว่าค่ะ” ป้าเบียบรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสีหน้าของพลับพลึงเปลี่ยนไป รู้ตัวว่าพูดมากไปนิดนึงแล้วต้องเงียบปากขยับตัวไปตักข้าวใส่จานแล้วตักต้มจับฉ่ายของโปรดให้คุณหนูทาน
พลับพลึงยังคงมีรอยยิ้มให้ป้าเบียบเหมือนเดิม แต่รอยยิ้มของเธอหนนี้ไม่แจ่มใสเหมือนเก่า เธอกำลังสงสารเห็นใจดรัณ และนึกเป็นห่วงเขาสุดใจ จะทำอย่างไรอารัณของเธอจึงจะหายเศร้าโศกเสียใจสักที
เมื่ออาหารเช้าจบลงในตอนส่ายโด่ง หญิงสาวก็รวบช้อนแล้วเอ่ยขอตัวกับป้าเบียบ เธอพาตัวเองออกมายืดเส้นยืดสายด้วยการบิดตัวไปมาให้อาหารย่อย แต่เมื่อท้องตึงหนังตาก็หย่อนเลยต้องหาอะไรทำให้ตาสว่าง เธอเดินเข้าไปในห้องฟิตเนสส่วนตัวของดรัณ ในห้องนี้มีอุปกรณ์การออกกำลังกายหลากหลายชนิด ครบเท่าที่มีในฟิตเนสตามคลับหรู วันนี้เธอแต่งตัวไม่เหมาะจะขึ้นไปวิ่งบนลู่วิ่ง รองเท้าของเธออาจจะทำให้ลู่วิ่งเสียหายเพราะไม่ใช่รองเท้าผ้าใบ ตากลมสีน้ำตาลหวานจึงมองไปยังลูกบอลกลมๆ ลูกใหญ่สีฟ้าใส หรือที่เรียกว่า ‘ฟิตบอล’
เดินไปหยุดใกล้แล้วคิดถึงเจ้าของลูกบอลตัวจริง ฟิตบอลลูกนี้ไม่ใช่ของดรัณ แต่เป็นของอิงฟ้าหรืออาอิงของพลับพลึง อิงฟ้าเป็นน้องสาวคนเดียวของคุณพ่อรุ่งโรจน์แล้วก็เป็นอาสาวคนเดียวของเธอด้วย เธอคิดถึงอาอิง ป่านนี้อาอิงคงมีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ร่างบางนั่งบนฟิตบอล ขยับไปมาให้พอเหมาะพอดีแล้วเอนตัวพาดโค้งไปกับลูกบอลนุ่มหยุ่น เธอดัดตัวเองเป็นสะพานโค้งอย่างที่มักจะทำเป็นประจำ ยืดเส้นยืดสายออกเต็มที่ หมุนตัวพลิกเปลี่ยนไปมาเท่าที่จะทำได้อย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ตัวว่าบัดนี้มีใครบางคนยืนกอดอกขบกรามแน่นมองดูอยู่
พ่อเลี้ยงดรัณในวัย 35 มองหญิงสาวร่างบางอรชรที่กำลังสนุกสนานกับลูกฟิตบอล เขาหวงและอยากไล่เธอไปให้ไกลจากฟิตบอลของอิงฟ้า ทว่า...เขากลับถอนสายตาไปจากเธอไม่ได้ ร่างอรชรอิ่มเอิบที่ทอดโค้งอยู่บนฟิตบอลเผยให้เห็นสัดส่วนความเป็นสาวแทบทุกสัดส่วน อกอวบพุ่งชันดันเสื้อเชิ้ตที่แนบตึงไปกับเรือนร่าง สะโพกงอนเบียดแนบกับความนุ่มหยุ่นของลูกบอลสีสวย และยิ่งไปกว่านั้นสายตาคมกล้าดำสนิทราวนิลเนื้อดีก็ยังจับจ้องจุดที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด จุดที่มีเนื้อนุ่มเบียดกันชิดนูนเด่นดันเป้ากางเกงยีนส์รัดรูปออกมาชัดเจน
คนเย็นชาและใจร้ายอย่างดรัณต้องกลืนน้ำลายลงคอบ่อยๆ จนรู้สึกว่าน้ำบ่อน้อยมีไม่พอดับความแห้งผากที่เกิดขึ้นมาฉับพลัน ลำคอของเขาแห้งผากเป็นผุยผงจนอยากหันหน้าหนีแล้วพาตัวเองไปให้พ้นจากตรงนี้ แต่เขาทำไม่ได้ ขามันก้าวไม่ออกเหมือนถูกมัดตรึงให้อยู่กับที่
กลางป่าเขาเขียวขจี ระหว่างการหลบหนีไล่ล่า กองเพลิงแห่งไฟสวาท นั้นเร่าร้อนแผดเผา สองร่างดื่มด่ำรสสวาท สองหัวใจผูกพันยึดมั่น เร่าร้อน...รุนแรง… หากแต่แม้นออกจากป่า เปลวไฟสวาทนั้นก็ยังไม่มอดไหม้
“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"