‘เพราะความรักมีอยู่จริง หัวใจจึงโบยบินกลับมา’ ‘บ้านสีรุ้ง’ ร้านชาดอกไม้ ท่ามกลางหุบเขา จากที่หนีไปสุดหล้า แต่วันนี้เธอกลับมาเพื่อกอบเก็บความทรงจำที่เหลืออยู่ สานฝันบนเส้นทางที่พ่อแม่ขีดไว้ เรียนรู้การอยู่เพื่อผู้อื่น ซึมซับความสุขที่เกิดจากการให้ เพราะสุขนั้นคือยั่งยืน ‘หฤหรรษ์’ เชื่อมาตลอดว่าความรักมีอยู่จริง แต่เธอกลับไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้รักนั้นจากใคร เพราะตั้งแต่เกิด ชีวิตเหมือนต้องคำสาป เธอจึง ‘รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน’ ทุ่มเททุกอย่างเพื่อพลิกฟื้นไร่ชาของครอบครัว แต่เมื่อความรักที่ชื่อว่า ‘พฤกษ์’ เยี่ยมหน้ามาทักทาย เธอจะหนีใจตัวเองพ้นได้อย่างไร เมื่อเขาเดินหน้าท้าชนเธอไม่เลิก เขาแสนดี ใส่ใจ และเข้าใจทุกอย่างที่เป็นเธอ ทว่า... เหรียญมีสองด้านเสมอ และมนุษย์ก็มีสิ่งที่ต้องปกปิด ‘ความลับ’ เป็นเหมือนจุดด่างในชีวิตที่หฤหรรษ์ไม่อยากให้ใครรู้ แต่ความรักไม่มีความลับ หฤหรรษ์จะทำอย่างไรจึงจะรักษาความรักไว้ได้ เช่นเดียวกับพฤกษ์ เมื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘รัก’ อาจไม่ใช่ พฤกษ์จะจัดการกับชีวิตของตัวเองต่อไปยังไง จะยอมรับหรือหลีกหนี เมื่อรักครั้งนี้ไม่ได้มีแค่คนสองคน แต่ยังมีครอบครัวเป็นเดิมพัน
พายุหอบเม็ดฝนสาดกระหน่ำใส่หลังคาบ้าน ลมหวีดหวิวดังครวญราวกับภูตผีร้ายต้องการจะหลอกหลอนผู้คน ฟ้าร้องคำรามลั่นดังเป็นระยะ ราวกับจะข่มขวัญผู้ที่ได้ยินให้หวาดผวา พายุรุนแรงที่หอบฝนมานั้น แม้จะน่าหวาดหวั่นและไร้ความปรานีต่อทุกสิ่งบนโลก แต่ก็ไม่อาจทำให้เสียงแผดลั่นด้วยความไม่พอใจของผู้เป็นเจ้าของบ้านลดทอนลงได้เลย
กลับกัน ยิ่งธรรมชาติด้านนอกโหดร้ายเพียงใด เสียงคนภายในบ้านหลังนี้ก็ยิ่งแผดลั่นให้ดังยิ่งกว่า เพราะนี่คือทางที่ต้องเลือก หากสิ่งที่ต้องการนั้นไม่มีใครยอมใคร จุดแตกหักที่ไม่อยากให้มาถึงก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ และหากเพียงคนในครอบครัวจะมีความเข้าใจ สิ่งที่เผชิญหน้าอยู่ขณะนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย
“กูบอกให้มึงเลิก กูไม่ยอม มึงต้องเลิก!”
ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดยืนจังก้า กำมือแน่น ตะโกนก้องแข่งกับฟ้าฝน โดยมีหญิงวัยใกล้เคียงกันยืนปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นอยู่ด้านข้าง แต่ก็ยังพยายามจะห้ามปรามไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“พี่...ใจเย็นๆ นะพี่ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก่อน ลูกเขาเลือกแล้ว เราก็ต้องยอมรับนะพี่ เราจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้” เธอเอ่ยเสียงกลั้วสะอื้นขณะพยายามยื้อท่อนแขนแกร่งของสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาช้านาน แม้สิ่งนั้นจะยิ่งทำร้ายหัวใจ แต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะจะมีอะไรทุกข์ใจได้เท่าพ่อกับลูกต้องมาแตกหักกันตรงหน้าของเธอผู้เป็นแม่อีกเล่า
“จะบ้ารึไง ยังไงกูก็จะไม่ยอม มึงต้องทำตามที่กูสั่ง มึงเป็นลูกกู มึงต้องฟังคำสั่งกูเท่านั้น กูสั่งให้มึงเลิก มึงก็ต้องเลิก!” ประโยคแรกเขาหันไปตวาดเมียคู่ทุกข์คู่ยากที่ใบหน้านองไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ประโยคตามมานั้นตวาดใส่ลูกชายที่ไม่ได้ดังใจเลยสักอย่าง
“พี่...ฉันขอเถอะนะ ใจเย็นๆ กันก่อน ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก็ได้ แรงใส่กันแบบนี้ก็มีแต่จะพัง”
“พังก็พังไปสิ กูไม่สนใจแล้ว ยังไงกูก็จะไม่มีวันยอม กูไม่ยอม กูเป็นพ่อมัน กูต้องสั่งมันได้ มึงจะไม่ฟังคำสั่งกูใช่ไหม ใช่ไหม!”
เขาพูดพร้อมถลาเข้าไปจะลงมือลงไม้กับลูกชายที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า เพราะแววตาของลูกนั้นบ่งบอกว่าไม่มีวันยอมแน่ นั่นยิ่งเพิ่มพายุรุนแรงสาดซัดใส่จิตใจของคนเป็นพ่อมากขึ้นอีก
“พี่อย่า! พี่อย่าทำลูก หฤษฎ์ออกไปก่อนลูก ออกไปก่อน แม่ขอละ ออกไป”
ผู้เป็นแม่ตรงเข้าไปกอดรัดรอบเอวของสามีพร้อมกับออกปากให้ลูกไปจากที่นี่ แต่ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตานั้นฉายชัดถึงความอาดูร เพราะสำหรับแม่ที่เลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด เธอไม่เคยคิดอยากให้ลูกไปจากอก แต่หากจำเป็นเธอก็ต้องยอม
“มึงอย่าไปไหนนะ กูไม่ให้มึงไป ถ้ามึงไม่ฟังกู วันนี้กูจะเอาเลือดหัวมึงออกให้ได้ ให้มันรู้ไปว่ากูกับมึงใครมันจะแน่กว่ากัน”
“พี่อย่า! พี่!”
พ่อตะโกนก้องไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องไห้กับเสียงร้องห้ามของแม่ที่ดังอย่างต่อเนื่อง พ่อเดินเข้ามาหาด้วยหวังจะใช้กำลังทำร้ายตามที่ปากพูด เพื่อให้เขาหลาบจำและเลือกเดินตามทางที่พ่อต้องการ แม่ยื้อพ่อไว้ไม่อยู่จึงทรุดลงและใช้สองมือรั้งขาไม่ให้พ่อก้าวเข้าใกล้เขาไปมากกว่านี้ สิ่งที่ได้ยินกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ากำลังส่งผลถึงการตัดสินใจ
“วันนี้กูต้องเอาเลือดหัวมึงออกให้ได้ ไม่งั้นอย่ามาเรียกกูว่าพ่อ”
พ่อยังพยายามจะเดินเข้าหาแม้จะไม่ถนัดเพราะแม่พยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดของตัวเองรั้งเอาไว้ไม่ให้เข้าถึงตัวเขาได้ แต่เขาล่ะ เขาซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกเรื่องกลับยืนนิ่งเหมือนร่างนี้ไร้วิญญาณไปแล้ว เพราะภาพแม่ที่ยื้ดยุดร่างกายของพ่อเอาไว้เหมือนภาพสโลวโมชันที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
เสียงกราดเกรี้ยวของพ่อ เสียงร้องไห้ปนเสียงห้ามของแม่ดังซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่ในหัวจนเขารับรู้ได้ถึงอาการปวดหนึบที่ขมับพร้อมกับอาการเกร็งที่ต้นคอและบ่า
ความเสียใจของพ่อแม่กับความสุขของตัวเขาเอง สิ่งใดที่ชั่งตวงแล้วได้น้ำหนักมากกว่ากัน เขาควรออกไปจากที่นี่และทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง หรือน้อมรับในสิ่งที่พ่อต้องการ จะได้ไม่มีใครต้องเสียใจอีกนอกจากตัวเขาเอง สิ่งไหนกันที่เขาควรเลือก
“พี่อย่า อย่าทำลูก อย่า!”
“ปล่อยกู ปล่อย!”
พ่อแผดเสียงดังลั่นใกล้ๆ เรียกสติของเขาให้กลับคืน และเขาก็เห็นแม่ยื้อต้นขาของพ่อไว้แน่น พ่อจึงสะบัดสุดแรง จนร่างผอมบางของแม่กระเด็นไปอีกทาง
“แม่!”
ร่างของแม่ถลาไปไม่ต่างจากหัวใจเขาถูกกระชาก ร่างกายไวตามความคิดเพราะเขาปราดเข้าไปประคองแม่เอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างผอมบางนั้นจะกระทบพื้นบ้าน แต่นั่นก็ทำให้พ่อเข้าถึงตัวเขาได้ทันเช่นกัน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว